เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1074 ปล่อยมือ ปล่อยให้คุณบินไป
หมินอันเกอเงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วยอมอ่อนข้อให้มากที่สุด
“ผมยอมให้คุณอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ผมจะต้องย้ายมาอยู่กับคุณด้วย”
หลวนจื่อคิดไม่ถึงว่าหมินอันเกอจะยื่นความต้องการแบบนี้ออกมา เธอส่ายหน้าพลางเอ่ย : “ไม่ได้ค่ะ เพียงแค่ฉันยังอยู่ข้างๆคุณ จะทำให้ฉันไม่สามารถอยู่คนเดียวลำพังได้ และจะไม่สามารถทำตามความฝันได้ตลอดไปด้วย”
หมินอันเกอขมวดคิ้วขึ้น
เขามองหลวนจื่อที่อยู่ตรงหน้า เมื่อก่อนเขารู้สึกมาตลอดว่าตัวเองเข้าใจหลวนจื่อเป็นอย่างดี แต่ยิ่งได้สัมผัสใกล้ชิดกันมากขึ้น เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัย ว่าตัวเองนั้นเข้าใจเธอจริงๆหรือเปล่า?
“ถ้าอย่างนั้น ความฝันของคุณคืออะไร?”
หลวนจื่อกำหมัดแน่น พลางเอ่ยขึ้นอย่างมุ่งมั่น : “ฉันอยากจะเป็นนักออกแบบ ฉันอยากให้ชุดที่ฉันออกแบบอยู่บนเวทีแฟชั่นโชว์”
“นักออกแบบ?”
หมินอันเกอมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“ผมคิดว่าคุณอยากจะเป็นนางแบบเสียอีก”
“เมื่อก่อนใช่ค่ะ แต่…….” หลวนจื่อก้มหน้าลงเล็กน้อย พลางกัดฟันแล้วเอ่ยพูดขึ้น : “แต่นับวันหลังจากที่ได้เห็นนักออกแบบมากขึ้นแล้ว ฉันเองก็อยากเป็นเหมือนพวกเขาเหมือนกัน”
ในใจของหมินอันเกอนั้นนึกขึ้นมาได้ทันที เมื่อก่อนตัวเองไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้เลย
เขาหันกลับมา สายตามองไปด้านบนรถ
มองทะลุผ่านหน้าต่างรถ ก็สามารถมองเห็นแววตาที่ดูเป็นกังวลของโดว์โดว์ที่กำลังมองมายังพวกเขา
ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่จากท่าทางของทั้งสองคน ก็คงจะคาดเดาบางอย่างได้บ้างใช่ไหม?
หลวนจื่อเอ่ยพูดต่อ : “เพราะฉะนั้น ขอให้คุณให้เวลาฉันสองปี ถ้าหากหลังจากสองปีนี้ ฉันยังไม่ประสบความสำเร็จ ฉันก็จะยอมแพ้” สีหน้าท่าทางของเธอดูจริงจังและตัดเยื่อใย
หมินอันเกอนิ่งเงียบอยู่นาน แล้วถึงได้เอ่ยขึ้นมาในที่สุด
“สองปี คุณพูดเองนะ”
เห็นเขาหวั่นไหวบ้างแล้ว หลวนจื่อจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ “ใช่ค่ะ เพียงแค่สองปีก็พอแล้ว”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเถอะ”
หมินอันเกอถอนหายใจออกมา แล้วหันหลังเดินออกไปด้านนอก
แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆ : “หลังจากนี้อีกสองปี ผมจะมาเอาตัวคุณกลับไป”
หลวนจื่ออึ้งไปพักหนึ่ง มองดูเบื้องหลังของหมินอันเกอที่จากไป แล้วรีบเดินไปข้างหน้า
“คุณจะกลับตอนนี้เลยหรือคะ?”
“ผมยังมีงานอีกครับ” หมินอันเกอไม่หันหน้ากลับมา
เขาเดินไปข้างๆรถ แล้วเปิดประตูรถ
โดว์โดว์ยื่นหน้าออกมา แววตาที่ดูกังวลนั้นมองมา
“คุณพ่อ?”
หมินอันเกออุ้มเธอขึ้นมา
“โดว์โดว์ ช่วงนี้ลูกอยู่ที่นี่กับแม่นะครับ พ่อจะมาหาหนูบ่อยๆ”
โดว์โดว์พยักหน้า
“คุณพ่อวางใจได้เลยค่ะ โดว์โดว์จะปกป้องคุณแม่เอง”
มุมปากของหมินอันเกอยกขึ้น
“ดีเลยครับ เจอกันครั้งต่อไป พวกเราค่อยกลับไปด้วยกันนะ”
ว่าแล้ว ก็วางร่างของโดว์โดว์ลง แล้วตัวเองก็ขึ้นรถออกไป
หลวนจื่อยืนอยู่ตรงที่เดิม ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในขณะเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าหมินอันเกอจะยอมให้เธออยู่ที่นี่
แต่…….
ทำไมเธอถึงรู้สึกเป็นกังวลกัน?
รถของหมินอันเกอขับออกไปยังบริเวณพื้นที่เล็กๆ แล้วจอดลงข้างทาง
เขามองคนที่ยืนอยู่ทางด้านนอกในเวลานี้ แล้วลงมาจากรถ
“คุณก็คือจางอันโย่ว?”
เมื่อครู่นี้จางอันโย่วกังวลอยู่ตลอดกับสถานการณ์ของหลวนจื่อ จึงวนเวียนอยู่ทางด้านนอก ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะสามารถเข้าไปได้ทันที
คิดไม่ถึงว่าหมินอันเกอจะออกมาก่อนแบบนี้
เขาพยักหน้าลง และในขณะเดียวกันสายตาก็มองพิจารณาท่าทางของหมินอันเกอด้วยเช่นกัน
“ผมขอเตือนคุณว่าอย่าคิดจะทำอะไรหลวนจื่อ”
จางอันโย่วอึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมินพูดแบบนี้ในฐานะอะไร ถ้าหากเป็นสามีของเธอ ทำไมเรื่องสำคัญขนาดที่หลวนจื่อมาเรียนที่ต่างประเทศเรื่องนี้ เธอกลับไม่ได้บอกคุณ?”
“และยิ่งไปกว่านั้น ผมจำได้ว่าการแต่งงานของพวกคุณสองคนเองก็มีปัญหานี่ครับ? ดูเหมือนจะเป็นเพราะลูกและคำวิพากษ์วิจารณ์ จึงต้องแต่งงานกัน ในสถานการณ์แบบนี้ คุณรู้สึกว่าหลวนจื่อจะมีความสุขไหมครับ?”
ในแววตาของเขาแสดงความยั่วยุออกมา และมองไปยังหมินอันเกออย่างไม่เกรงกลัว
ดวงตาสีน้ำตาลของหมินอันเกอนั้นมองไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
“ผมสามารถให้ความสุขกับเธอได้”
“แต่ดูเหมือนหลวนจื่อจะไม่ได้ต้องการความสุขของคุณนะครับ” เขายกมือขึ้นตบลงบนไหล่ของหมินอันเกอ พลางเอ่ย : “บางครั้ง การยอมปล่อยไปก็เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งนะ”
การเคลื่อนไหวของหมินอันเกอชะงักไป แล้วดวงตานั้นก็ค่อยๆแทรกซึมความเยือกเย็นออกมา
“ประโยคนี้ ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูดกับคุณเหมือนกัน”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็จับข้อมือของจางอันโย่ว แล้วก้มตัวลงแล้วจับทุ่มข้ามไหล่!
ตึง!
จางอันโย่วล้มลงบนพื้น แล้วส่งเสียงอู้อี้ออกมา พลางขมวดคิ้วขึ้น
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง หมินอันเกอก็กลับมาถึงประเทศอีกครั้ง
พี่เจี้ยนมารับเขาลำพัง เห็นหมินอันเกอกลับมาเพียงคนเดียว หลวนจื่อกับโดว์โดว์ไม่อยู่ด้วย ในใจก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ตอนที่หมินอันเกอให้เขาซื้อตั๋วเครื่องบินนั้น เขายังรู้สึกแปลกๆ คิดว่าหมินอันเกอจะกลับมาพร้อมกันกับพวกเขาเสียอีก
คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเพียงคนเดียว อีกทั้งอาการที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้น ราวกับไม่ได้ดีขึ้นมาเลย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เขาเดินตามหลังหมินอันเกอ แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างงงๆ
หมินอันเกอไม่หยุดเดิน แล้วเดินออกไปทางด้านนอกเลยทันที
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หัวใจของการทำงานของผมจะเปลี่ยนไปแล้ว”
“อะไรนะ?” พี่เจี้ยนมองเขาอย่างประหลาดใจ
หมินอันเกอเอ่ยขึ้น : “สัญญาของผมกับบริษัทหวนฉิว อีกไม่กี่เดือนก็จะหมดสัญญาแล้วใช่ไหม?”
พี่เจี้ยนพยักหน้าลง ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ
“สองสามวันก่อนคนของบริษัทมาหาฉันแล้ว ต้องการจะเซ็นสัญญากับนายต่อ”
“ไม่ต้องต่อแล้ว”
พี่เจี้ยนเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ : “ทำไม? จากแนวโน้มการพัฒนาของนายตอนนี้ ถ้าหากต่อสัญญาล่ะก็ จะต้องขึ้นไปได้สูงอีกขั้นแน่ๆ หรือว่านายหาบริษัทที่ดีกว่านี้ได้แล้ว?”
บริษัทหวนฉิวเป็นกิจการของตระกูลหล่อน ตอนที่อาชีพของหมินอันเกออยู่ในช่วงตกต่ำที่สุด ก็ไม่ได้ทอดทิ้งเขา แต่กลับยังทำให้เขากลับมาดังอีกครั้งเสียด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์ของหมินอันเกอกับเวินเที๋ยนเที๋ยน เขายังคิดว่าทั้งสองคนจะต้องร่วมมือกันต่อไปอย่างแน่นอน
หมินอันเกอชะงักฝีเท้าลง
“ทางเที๋ยนเที๋ยนผมจะไปคุยกับเธอเอง ผมอยากจะสร้างบริษัทเป็นของตัวเอง”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว พี่เจี้ยนก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ถึงแม้จะพูดได้ว่าดาราศิลปินจำนวนไม่น้อยที่มาเปิดบริษัทเอง แต่สถานการณ์ทางตลาดในตอนนี้นั้น ดูแล้วเก้าในสิบล้วนแล้วแต่จะล่มด้วยกันทั้งนั้น
และยิ่งไปกว่านั้น จากสถานการณ์ของหมินอันเกอในตอนนี้ ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว
เขาดึงสติกลับมาแล้ว กลับเห็นว่าหมินอันเกอขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“นายคิดดีแล้วจริงๆใช่ไหม?”
หมินอันเกอพยักหน้าลง
“ผมมีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนี้”
สายตาของเขามองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง มองทอดยาวไปตามข้างทาง แล้วหรี่ลงเล็กน้อย
“ยังมีอีกเรื่องนึง จำเป็นจะต้องให้คุณช่วยเช่นกัน ช่วยผมสืบเรื่องของคนๆนึงสิ”
“ใคร?”
“จางอันโย่ว”
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือระดับโลก ก็ล้วนแต่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดทั้งสิ้น
ในห้องโถงเป็นสิ่งของที่มีค่าภายในประเทศไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะสิ่งของมีค่าระดับโลกที่มีมูลค่ากว่าสิบล้าน หรือวัตถุโบราณที่ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ ล้วนแต่ถูกเก็บสะสมไว้ในที่แห่งนี้
ที่นี่ไม่เพียงแค่เก็บสะสมสิ่งของมีค่าต่างๆเอาไว้มากมายเพียงเท่านั้น อีกทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษาเกี่ยวกับวัตถุโบราณจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ถูกจัดขึ้นในที่แห่งนี้
ประวัติศาสตร์และศิลปะให้ความสำคัญเท่าๆกัน วัฒนธรรมและความสามารถต้องไปด้วยกัน