เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1080 วัตถุโบราณหายไป
แบกรับความกดดันจากสายตาของจี้จิ่งเชินกับพ่อบ้านมานั้น เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงว่าที่จี้จิ่งเชินเรียนรู้การนวดนั้นก็เพราะสาเหตุแบบนั้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว ใบหน้าเธอก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปด้านในอย่างอายๆ
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ พิพิธภัณฑ์ยังไม่เปิด
เธอเดินเข้าไปด้านในซักพักหนึ่ง กลับได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้น
เวลานี้ที่พิพิธภัณฑ์ควรจะเงียบสิ ทุกคนกำลังเตรียมสิ่งที่จะต้องทำก่อนเปิดพิพิธภัณฑ์ถึงจะถูก
ในใจของเธอรู้สึกสงสัย จึงเดินเข้าไปยังด้านใน ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันอยู่ ถกเถียงกันเบาๆ
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ? ทั้งๆที่เมื่อวานฉันเช็คหลายรอบแล้วนะ วันนี้เช้าก็ไม่เจออีก ฉันดูกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่มีใครเข้าออกเลยจริงๆ”
“แปลกจริงๆ จะมีคนย้ายสิ่งของไปก่อนล่วงหน้าแล้วหรือเปล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“คงไม่น่าใช่หรอก ถ้าหากมีคนแตะต้องของล็อตนี้ ควรจะแจ้งฉันก่อนล่วงหน้าสิถึงจะถูก”
สองสามคนพูดคุยกันด้วยความสงสัย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”
สองสามคนตรงหน้ารีบหันหน้ามา เห็นว่าเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ก็มีสีหน้าท่าทางตื่นตกใจขึ้นมาทันที แล้วมองสบตากัน
เฉินหยุนเดินเข้าไปทางด้านหน้า พลางเอ่ยขึ้น : “ภัณฑารักษ์เวิน คือแบบนี้ค่ะ เมื่อคืนนี้ทั้งๆที่ฉันเช็คของในโกดังไปรอบนึงแล้ว ของไม่ขาดเลยค่ะ แต่พอมาวันนี้เช้าฉันมาดู กลับพบว่าชุดถ้วยชามหายไปสองสามชุดค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ชุดถ้วยชามหายไปอย่างนั้นหรือ?”
เฉินหยุนพยักหน้าลง พลางเอ่ยขึ้นอย่างลังเล : “ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ชุดถ้วยชามที่สำคัญอะไร แต่ก็นับว่ามีประวัติศาสตร์อยู่บ้าง เดิมทีหลังจากที่ซ่อมแซมแล้ววางแผนเอาไว้ว่าจะเก็บรักษาเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาหายไปแบบนี้แล้ว อีกทั้งเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา ด้วยอาการที่จริงจังเป็นอย่างมาก
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้?”
เฉินหยุนส่ายหน้า พลางเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่มีความผิด : “ก่อนหน้านี้ฉันเตรียมจะพูดออกมาแล้ว แต่หัวหน้าสวุไห่เฉินบอกว่า เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกคุณดีกว่า เขาจะสืบให้ชัดเจนก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเร็วขนาดนี้ ขอโทษจริงๆนะคะ”
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นเยือกเย็นมาก พลางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำๆ : “เอาของที่หายไปทั้งหมดมาให้ฉันดูหน่อย”
เธอรับข้อมูลฉบับนั้นมาดู พบกว่าสิ่งของเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน ก็ปรากฏให้เห็นหลังจากที่ภัณฑารักษ์คนก่อนออกไปเสียอีก
ตอนแรกเริ่ม เป็นเพียงแค่ชุดถ้วยชามอันเล็กๆสูญหายไป จากนั้น สิ่งของก็นับวันยิ่งใหญ่ขึ้น แล้วก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน สะสมมาจนถึงตอนนี้ มีชุดถ้วยชามทั้งหมดเป็นสิบกว่าใบ ที่อยู่ดีๆก็หายไปเอง!
เพียงเพราะว่าถ้วยชามเหล่านี้ไม่ใช่ของมีราคามากนัก อีกทั้งที่ไม่มีภัณฑารักษ์มาโดยตลอด ดังนั้นเรื่องราวเล็กๆก็จะถูกปิดเอาไว้
ถ้าหากไม่ใช่วันนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนผ่านมาทางนี้พอดีแล้วได้ยินบทสนทนาเข้า จนถึงตอนนี้ก็คงจะยังไม่รู้
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลิกรายการในมือดู แล้วอ่านตรวจสอบอย่างละเอียด
สองสามคนที่อยู่ตรงหน้าตกตะลึงไปกับอำนาจของเธอ จึงไม่กล้าเอ่ยปากขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาทำงานร่วมกันกับเวินเที๋ยนเที๋ยน รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่อ่อนโยนมาก หรือแม้กระทั่งดูมีความนิ่มนวลมาโดยตลอด
แต่คิดไม่ถึงว่าอำนาจที่ดูแข็งแกร่งนี้จะถูกส่งออกมาจากร่างของเธอ
แววตาที่เย็นชา เพียงแค่กวาดมองมายังพวกเขา ก็ทำให้รู้สึกกลัวแล้ว
“เมื่อกี้นี้คุณบอกว่า ก่อนจะเสร็จสิ้นงานในทุกวัน ก็จะตรวจสอบของในโกดังนี่อย่างละเอียดใช่ไหม?”
เฉินหยุนพยักหน้าลงอย่างมั่นใจ
“ฉันกล้าสาบานได้เลย ว่าทุกวันฉันตรวจสอบอย่างละเอียดมาก ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน”
“แล้วหลังจากวันที่เกิดเรื่องขึ้นวันถัดมาล่ะ ดูกล้องวงจรปิดหรือยังคะ?”
“ดูแล้ว แต่ในกล้องวงจรปิดไม่มีคนเข้าออกเลย เพราะฉะนั้นพวกเราถึงได้รู้สึกสงสัยกันอยู่ ว่าจะมีคนขนย้ายของไปแล้วไม่ได้บอกพวกเราหรือเปล่า”
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเคร่งขรึมเล็กน้อย
“ที่ทุกคนบอกว่าไม่มีคนเข้าออก หมายถึงว่าไม่มีใครเข้าออก?หรือว่าไม่มีคนนอกเข้าออกคะ?”
เฉินหยุนมองสบตากับอีกคนหนึ่งพลางเอ่ย : “เพราะว่าในทุกๆคืน ที่พิพิธภัณฑ์จะมีคนเฝ้า อีกทั้งมีคนในออฟฟิศที่จะกลับมาเอาของด้วยเหมือนกัน ดังนั้น……”
อีกคนหนึ่งที่เห็นใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเต็มไปด้วยความจริงจังแล้ว อดที่จะเอ่ยขึ้นมาเบาๆไม่ได้ : “หรือบางทีอาจจะเป็นเพียงการเข้าใจผิดจริงๆ พิพิธภัณฑ์ใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปได้ที่จะซ่อนอยู่ในมุมไหนซักมุม แล้วพวกเราก็ยังหาไม่เจอ…..”
“นี่มันเป็นการขโมย!” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นอย่างโมโห : “วัตถุโบราณหายไปเรื่องสำคัญขนาดนี้ ไม่คิดว่าพวกคุณจะปกปิดเอาไว้ไม่รายงานแบบนี้ ถ่วงเวลาเอาไว้นานขนาดนี้ จนกระทั่งฉันเข้ามาทำงาน ก็ไม่บอกฉัน พวกคุณคิดอยากจะปิดบังเอาไว้ถึงเมื่อไหร่กันแน่คะ?”
“ขโมย? คงไม่น่าใช่หรอก?” คนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “ไม่ใช่บอกว่าไม่เห็นใครเข้าออกไม่ใช่หรือ?”
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นดูเยือกเย็น มองไปที่เธออย่างเย็นชา
“ไม่มีคนนอกเข้าออก แต่คนของที่พิพิธภัณฑ์ก็เดินกันอยู่ด้านในตลอดไม่ใช่หรือ?”
เฉินหยุนและอีกสองสามคนนั้นเบิกตาขึ้น รูม่านตาหรี่เล็กลง พลางเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตกใจ : “หรือว่า คุณคิดว่าเป็นคนในพิพิธภัณฑ์เป็นคนทำ?”
“ในเมื่อตัดความเป็นไปไม่ได้ออกไปหมดแล้ว ก็เหลือความเป็นไปได้สุดท้าย นี่ก็คงจะกลายเป็นความจริง”
สองสามคนนั้นรีบส่ายหน้าขึ้นมาทันที
“ไม่หรอก เจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์นี่มีแต่คนดีๆทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้โดยเด็ดขาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง : “เจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์เกินกว่าร้อยคน แต่ละคนคุณแน่ใจกับพวกเขาอย่างชัดเจนแล้วหรือคะ?”
น้ำเสียงของเธอนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก แล้วเก็บเอารายงานฉบับนั้นที่เฉินหยุนให้เธอเอาไว้
แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ให้เจ้าหน้าที่ออฟฟิศมาที่ออฟฟิศให้หมดทุกคน ฉันมีเรื่องที่จะถามพวกเขา”
ในใจของพวกเขานั้นรู้สึกสงสัย รู้สึกว่าคนของพิพิธภัณฑ์ไม่ควรจะทำเรื่องแบบนี้ แต่ก็ยังคงพยักหน้ารับ
“ฉันจะไปตอนนี้เลยค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น แล้วเดินไปยังออฟฟิศของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอดูข้อมูลเหล่านั้น ก็พบว่าปัญหาภายในของพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินั้นยังมีอยู่ไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องการลักขโมยเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น!
การขโมยของ เรื่องราวครั้งนี้จะต้องเป็นบุคคลภายในพิพิธภัณฑ์ทำอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครกันล่ะ?
และไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่ทีมงานของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติก็ถูกเรียกตัวมารวมตัวกันอยู่ที่ออฟฟิศ
เมื่อได้ยินการคาดเดาของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ทุกคนก็มีปฏิกิริยาตอบกลับกันขึ้นมาในทันที
“เป็นไปไม่ได้! ฉันเข้าใจทุกคนเป็นอย่างดี ทุกคนไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ”
“ใช่ หรือไม่แน่ว่าจะเป็นทีมงานคนอื่นก็ได้ เจ้าหน้าที่รปภ.คนกวาดพื้นก็อาจจะเป็นไปได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ : “ครั้งนี้ของที่ถูกขโมยไปก่อนหน้านี้วางอยู่ในโกดัง คนที่มีกุญแจโกดังก็มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่เท่านั้น พนักงานทำความสะอาดกับเจ้าหน้าที่รปภ.ไม่มีกุญแจ แล้วก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างพวกเราเท่านั้น”
มีคนขมวดคิ้วขึ้นพลางเอ่ยโต้แย้ง : “เฉินหยุน เธอจำผิดหรือเปล่า? หรือว่าอาจจะนับจำนวนผิดก็ได้?”
เฉินหยุนประสบการณ์ค่อนข้างน้อย เห็นทุกคนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ก็พูดไม่ออกอยู่พักใหญ่
“ฉัน……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอารายงานในมือออกมา แล้ววางเอาไว้ตรงด้านหน้าของพวกเขา ด้วยแววตาที่เย็นชา
“นี่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงสามเดือนนี้ จำนวนสะสมมากมายมหาศาล คุณรู้สึกว่าจำนวนมากมายขนาดนี้เป็นไปได้ไหมคะที่จะนับผิด?”