เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1082 เจอเส้นทางลับแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตะลึงไปทันที แล้วพูดคุยกันอย่างร้อนใจ
สีหน้าของสวุไห่เฉินเคร่งขรึมมาก เอ่ยเสียงหนัก “พูดแบบนี้ คุณสงสัยว่าผมเป็นคนขโมยของพวกนี้ไปอย่างนั้นเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “ฉันเพียงแค่บอกสถานการณ์ที่พบให้พวกคุณก็เท่านั้น และฉันอยากถามหัวหน้าสวุไห่เฉินว่าเมื่อวานคุณกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ทำไม?”
สวุไห่เฉินเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ผมบอกคุณไปแล้วก่อนหน้านี้ ผมแค่ไปตรวจสอบคลังเก็บของ!”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ได้เข้าไปที่คลัง?”
“ผมไม่มีกุญแจคลังเก็บของ ผมกลับมาถึงแล้วถึงนึกขึ้นได้จึงได้แต่กลับไป ผมไม่ได้เข้าไปด้วยซ้ำ คุณจะให้ผมขโมยของออกมาได้อย่างไร?”
เขาถลึงตามองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่พอใจ แล้วเอ่ยโต้แย้งอย่างมีเหตุผล “ยิ่งไปกว่านั้น กล้องวงจรปิดที่ประตูคลังเก็บของก็ไม่ได้ถ่ายผมไว้ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” คนอื่นๆ พยักหน้าพูดคล้อยตาม “ถ้าอาศัยแค่จุดนี้บอกว่าเป็นหัวหน้าสวุไห่เฉิน แล้วสมาชิกที่ถูกถ่ายไว้ได้ว่าเข้าไปในคลังเก็บของ ไม่ยิ่งน่าสงสัยกว่าเหรอ?”
“ใครจะรู้ว่ามีคนพูดโกหกไหม ทั้งที่ความจริงแล้วคือไปขโมยของ”
เฉินหยุนได้ยินดังนั้นก็รีบโบกไม้โบกมือเอ่ย “ฉันไม่ได้ขโมยของ! ฉันแค่ตรวจสอบข้างในนั้นจริงๆ”
“มีพยานอะไรไหม?”
สวุไห่เฉินเอ่ยขึ้น “จะให้ผมตกเป็นที่สงสัยแค่เพราะคำพูดประโยคเดียวของคุณไม่ได้!”
“ฉัน……”
เฉินหยุนลังเลอยู่นานแล้วส่ายหน้า “ตอนฉันกลับมา ฉันมาคนเดียว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เหมาะเจาะพอดีเหรอ ใครจะรู้ว่าคุณกำลังโกหกอยู่หรือเปล่า?” คนอื่นอีกหลายคนพูดคุยกันอย่างไม่พอใจ
“หัวหน้าสวุไห่เฉินช่างน่าสงสารจริงๆ หวังดีกับพิพิธภัณฑ์กลับมาตรวจตราของแท้ๆ ไม่คาดคิดว่าจะถูกคิดว่าเป็นขโมย”
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนก็คาดโทษได้ตามอำเภอใจเหรอ?”
“ตอนนี้ต่างพูดกันว่าพนักงานใหม่ต้องสร้างผลงาน ผลงานชิ้นแรกก็เดือดร้อนไปถึงหัวหน้าแล้ว ต่อไปจะขนาดไหน?”
“หัวหน้าสวุไห่เฉินอีกไม่กี่ปีก็ปลดเกษียณแล้ว จะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? ฉันว่าเธอคงอยากทำให้ตำแหน่งของตัวเองมั่นคงเลยคิดไล่พนักงานเก่าออกไปเร็วๆ มากกว่ามั้ง?”
หลายคนปรายตามองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่พอใจและไม่สนว่าเธอจะยังอยู่ตรงนี้ไหม พูดอย่างไม่คิดถึงใจคนฟัง
สวุไห่เฉินลุกยืนขึ้น เอ่ยด้วยท่าทางมีเหตุผล “ใช่แล้ว ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วมาโทษผมแบบนี้ล่ะก็ ผมไม่ยอมหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้พูดว่าโทษคุณตอนนี้” เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนสูงขึ้นเล็กน้อย กวาดสายตาเย็นชามองทุกคนแล้วสุดท้ายวกกลับมาที่สวุไห่เฉิน
น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเต็มไปด้วยพลัง
“ฉันแค่บอกสิ่งที่เห็นทั้งหมดกับทุกคน คุณร้อนรนอะไร? รายละเอียดของสถานการณ์ยังต้องตรวจสอบต่อไป”
สวุไห่เฉินสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วรีบเอ่ย “จากการตรวจสอบแบบนี้ของคุณ กว่าคุณจะตรวจสอบจนได้ผลลัพธ์ทั้งพิพิธภัณฑ์ก็วุ่นวายกันไปหมด ใครจะยังทำงานได้อย่างสบายใจ?”
“ใช่แล้ว” คนอื่นๆ อีกหลายคนต่างเข้าข้างสวุไห่เฉิน เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ระวังคนของตัวเองทั้งวัน ต่อสู้กันในหมู่คณะ ไม่สู้คิดหาวิธีดูแลพิพิธภัณฑ์ให้ดีไม่ดีกว่าเหรอ?”
“คุณก็ไม่ใช่ตำรวจ ถือสิทธิ์อะไรให้พวกเราต้องร่วมมือกับคุณ?”
หลายคนบ่นออดแอด แต่หวางเจี้ยนยินที่ไม่ได้พูดอะไรกลับกระแอมเสียงเบา
ทุกคนต่างเงียบลงทันทีแล้วหันมองไปทางเขา
“หัวหน้าหวาง คุณพูดอะไรสักอย่างสิ จะปล่อยให้เธอทรมานทั้งพิพิธภัณฑ์ทันทีที่มาแบบนี้ไม่ได้”
หวางเจี้ยนยินมองหลายคนตรงหน้าแล้วเอ่ย “วัตถุโบราณหายไปไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ในเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการตรวจสอบ ก็ให้ตรวจสอบต่อไป ถ้ามั่นใจในตัวเอง ทำไมต้องกังวลว่าจะตรวจสอบโดนตัวเอง?”
หลายคนที่ไม่คาดคิดว่าหวางเจี้ยนยินจะเข้าข้างเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลเล็กน้อย
สวุไห่เฉินกลอกตาแล้วลุกยืนขึ้นเอ่ย “เอาเถอะ ในเมื่อทุกคนตัดสินใจแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ตรวจสอบเถอะ”
เขาปรายตามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอ่ยอย่างดุเดือด “ก็แค่หวังว่าถึงตอนนั้นคุณจะไม่ใส่ร้ายคนอื่นตามอำเภอใจ!”
พูดจบก็แค่นหัวเราะเสียงเย็นแล้วเดินจากไป
พนักงานที่เหลืออีกหลายคนบ่นอย่างไม่พอใจ และไม่พอใจมากๆ กับการตัดสินใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ค่อยๆ ทยอยเดินออกสำนักงานไป
ในสำนักงานจึงเหลือแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนและหวางเจี้ยนยินสองคน
“ขอบคุณคุณมากหัวหน้าหวาง”
บนหน้าของหวางเจี้ยนยินไม่แสดงสีหน้าอะไร เอ่ยเพียงแค่ “หวังว่าคุณจะตรวจสอบความจริงให้ชัดเจนได้โดยเร็ว” พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วแน่น รู้สึกหนักอึ้งในใจเป็นอย่างมาก
เธอหมุนตัวเดินไปที่ห้องข้างๆ คลังเก็บของ
ของในคลังนี้มีมูลค่าสูงมาก และกุญแจก็มีความซับซ้อนมาก ถ้าไม่มีลูกกุญแจก็เปิดไม่ได้
จากกล้องวงจรปิดเห็นได้ชัดว่าสวุไห่เฉินปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ ไม่ได้เข้าไปในคลังเก็บของแต่กลับเข้าไปในอีกห้องหนึ่งแทน
ถ้าหากไม่ได้เข้าไป แล้วเขาจะขโมยของไปได้อย่างไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิดมาตลอดทั้งบ่าย ก็ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ
“คุณแม่ คุณแม่กำลังทำอะไรครับ?”
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นเสียงของจี้หยู๋ชิงก็ดังลอยมาจากทางด้านหลัง
ทันทีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปก็เห็นจี้หยู๋ชิงยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง แล้วมองมาที่เธออย่างสงสัย
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมองเวลา ก็พบว่าพึ่งจะเป็นเวลาสี่โมงเย็น
“ลูกมาได้อย่างไร?”
จี้หยู่ชิงยืดอก แล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจมาก “เพราะผมเสร็จหน้าที่ก่อนเวลา คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่ครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา แล้วเอ่ยอย่างงงงวย “หยู๋ชิง แม่ถามลูกหน่อย ถ้าหากแม่ไม่มีกุญแจประตูบานนี้ แม่จะหลบกล้องวงจรปิดแล้วแอบเข้าไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยได้อย่างไร?”
จี้หยู๋ชิงหันไปมองประตูคลังเก็บของขนาดใหญ่แล้วเอียงศีรษะ
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ไม่มีเส้นทางอื่นแล้วเหรอ?”
เขาหันกลับมาด้วยนัยน์ตาเป็นประกายแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “ตอนคุณพ่อพาผมไปดูภาพยนตร์ ในนั้นมีเส้นทางลับมากมาย เลยสามารถแอบเข้าไปได้”
“เส้นทางลับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบลุกขึ้น ถึงแม้สวุไห่เฉินจะไม่ได้เข้ามาที่คลังเก็บของ แต่กลับเข้าไปอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ข้างๆ พอดี
เธอรีบเดินไปเปิดประตู แล้วค้นหาด้านในอย่างละเอียดทันที
หรือว่าหลังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจะมีเส้นทางลับแบบนี้อยู่จริงๆ?
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนค้นหาทั่วทั้งห้องแล้ว กลับไม่พบอะไรที่น่าสงสัย
“หรือว่าพวกเราคิดมากไปจริงๆ?”
มองเวลาผ่านไปทีละนาทีทีละวินาที อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว กลับไม่ได้อะไรเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้แต่ยอมแพ้
“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันค่อยมาดูอีกที”
เธอลุกยืนขึ้นแล้วหมุนตัวจะเดินไปข้างนอก
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น!
เธอรีบหันกลับไปมอง ก็พบว่าจี้หยู๋ชิงได้หายไปแล้ว
“หยู๋ชิง? ลูกอยู่ไหน?” เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินเข้าไป
“คุณแม่ ผมอยู่นี่!”
เสียงดังลอยมาจากทางด้านหลังกำแพง ตามด้วยภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่แขวนยึดไว้กับผนังก็ส่ายไปมา เมื่อถูกเปิดออกประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป เห็นจี้หยู๋ชิงกำลังยืนอยู่ข้างใน บนหน้ามีสีหน้าภาคภูมิใจ
“คุณแม่ ดูเหมือนผมจะหาเส้นทางลับเจอแล้ว”