เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1083 เป็นหลักฐานของขโมย
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงกลับมาที่สำนักงานด้วยกัน ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก่อนจะเลิกงาน คนในสำนักงานก็กำลังเตรียมตัวกลับ
กวาดสายตามองทุกคนแล้วจึงเอ่ยขึ้น “คิดไม่ถึงว่าจะเจอรอยนิ้วมือในคลังเก็บของ เมื่อเช็กรอยนิ้วมือแล้วก็น่าจะหาคนที่ขโมยของไปเจอแล้วใช่ไหม? แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ใกล้เลิกงานแล้ว เลยต้องเชิญตำรวจมาในวันพรุ่งนี้แทน”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้า
“ถ้าจับหัวขโมยได้เร็วๆ คุณแม่ก็จะได้ไม่ลำบากขนาดนี้แล้ว”
หลายคนในสำนักงานได้ยินทั้งสองคนคุยกันก็มองมาอย่างสงสัย
“พวกคุณเจอรอยนิ้วมือแล้ว?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ใช่แล้ว ตรงผนังทางทิศใต้ เพียงแต่น่าแปลกเล็กน้อย ตรงนั้นไกลจากประตูใหญ่มาก และไม่ใกล้กับของที่ถูกขโมยไป ทำไมถึงมีรอยนิ้วมือไปอยู่ตรงนั้นได้?”
จี้หยู๋ชิงครุ่นคิดแล้วเอ่ย “ต้องเกี่ยวกับที่อีกฝ่ายไม่มีลูกกุญแจแต่ก็ยังเข้าไปในคลังเก็บของได้อย่างแน่นอน”
“แม่เองก็คิดแบบนั้น รอพรุ่งนี้หลังจากที่ตำรวจตรวจสอบก็น่าจะรู้ผลแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางปรายตามองไปทางสวุไห่เฉินที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“วันนี้ทุกคนกลับไปก่อน เฉินหยุน วันนี้คุณล็อกประตูคลังเก็บของให้ดี อย่าให้ใครเข้าไปเช็ดรอยนิ้วมือพวกนั้นได้”
“ไม่มีปัญหา!” เฉินหยุนเอ่ยอย่างแน่วแน่ “คราวนี้ฉันจะเฝ้าอยู่ข้างนอกประตูไม่ละสายตาอย่างแน่นอน”
“รบกวนด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย แล้วหมุนตัวจากไป
สวุไห่เฉินที่นั่งอยู่ที่เดิม ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกกังวลในใจเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเจอรอยนิ้วมือแล้วจริงๆ?
เขาจำได้ว่าตอนนั้นตนเองเช็ดจนสะอาดแล้วแท้ๆ ……
หรือว่าตอนที่เขาเข้าไปแล้วไม่ทันระวังเลยทิ้งรอยนิ้วมือไว้บนผนัง?
ถ้าถูกตำรวจพวกนั้นตรวจสอบจนเจอเจ้าของลายนิ้วมือ เจอเส้นทางลับ ไม่นานก็จะชี้ชัดมาที่ตัวเขาอย่างแน่นหนา
ไม่ได้!
เขารีบลุกขึ้นยืน คืนวันนี้เขาต้องหาโอกาสลบรอยนิ้วมือพวกนั้นอีกครั้ง
กลางดึก
เงาของร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในพิพิธภัณฑ์
เขาไม่ได้เดินไปทางประตูใหญ่ของคลังเก็บของ แต่กลับหมุนตัวไปที่ห้องที่อยู่ข้างๆ คลังเก็บของแทน เปิดประตูแล้วเดินย่องเข้าไป
เปิดภาพสีน้ำมันที่เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงค้นพบก่อนหน้านี้ เปิดประตูเส้นทางลับแล้วเดินเข้าไปด้านใน
หยิบผ้าขนหนูออกมา แล้วเช็ดบนผนังด้วยความรวดเร็ว
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือรอยนิ้วมือใดๆ เขาจึงถอนหายใจออกมา และเตรียมตัวจะกลับออกไป
แต่เมื่อยกมือขึ้นผลัก กลับพบว่าประตูถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
เกิดอะไรขึ้น?
เขาลนลานขึ้นมาทันที จึงออกแรงผลักประตูอย่างแรงแต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก
ประตูใหญ่ของคลังเก็บของล็อกกุญแจจากด้านนอก ถ้าไม่มีคนเปิดจากทางด้านนอกแล้วละก็เขาก็จะออกไปไม่ได้เลย
คนนั้นเดินไปเดินมาในคลังเก็บของ ถูกขังไว้โดยเปล่าประโยชน์
เช้าตรู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนมาถึงพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ด้านหลังยังมีพนักงานคนอื่นๆ และตำรวจตามมาด้วย ทุกคนต่างมาที่หน้าประตูคลังเก็บของ
“แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าไปใช่ไหม?”
เฉินหยุนตรวจสอบหนึ่งครั้งแล้วพยักหน้า
“ลูกกุญแจของเมื่อวานตอนเย็นมีแค่ฉันที่ถือไว้ และกุญแจไม่ได้ถูกเปิด ก่อนหน้านี้ฉันดูกล้องวงจรปิดแล้วก็ไม่มีคนมา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เปิดประตูเถอะ”
เมื่อเฉินหยุนเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็กรูเข้าไปทันที
“เวินเที๋ยนเที๋ยน รอยนิ้วมือที่คุณบอกว่าเจอก่อนหน้านี้อยู่ตรงไหน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกวาดสายตามองข้างในห้อง เมื่อเห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งอยู่ด้านในก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเอ่ย “เรื่องนี้ หัวหน้าสวุไห่เฉินน่าจะทราบดี”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงหันสายตาไปมองพร้อมกัน พบว่าสวุไห่เฉินอยู่ในคลังเก็บของจริงๆ จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“หัวหน้าสวุ ทำไมคุณถึงอยู่ข้างในนี้?”
สวุไห่เฉินสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รีบเอ่ย “ในที่สุดพวกคุณก็มากันแล้ว เมื่อวานผมโดนขังอยู่ในคลังเก็บของ ตอนจะกลับออกไปก็พบว่าประตูถูกล็อกจากด้านนอกแล้ว เลยติดอยู่ในนี้ทั้งคืน”
เฉินหยุนได้ยินดังนั้น ก็สงสัยรู้สึกเล็กน้อย
“เมื่อวานตอนเย็นตอนฉันล็อกประตู หัวหน้าสวุอยู่ด้านในเหรอ?”
สวุไห่เฉินพยักหน้า
“ก่อนหน้านี้ผมแค่สงสัยรอยนิ้วมือพวกนั้น ก็เลยเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะถูกขังไว้”
“ต้องขออภัยจริงๆ”
สวุไห่เฉินโบกมือไปมา สายตามองทางเวินเที๋ยนเที๋ยน นัยน์ปรากฏความลำพองใจและอวดดีเมื่อแผนชั่วของตนเองสำเร็จแล้ว “เวินเที๋ยนเที๋ยน ตอนนี้คุณบอกพวกเราได้หรือยังว่ารอยนิ้วมืออยู่ตรงไหน?”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่ตัวเขา แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ต้องขออภัยจริงๆ ฉันหลอกทุกคน ความจริงแล้วไม่มีรอยนิ้วมืออะไรทั้งนั้น”
“อะไรนะ?”
กลุ่มคนข้างหลังได้ยินดังนั้น ก็แตกฮือกันขึ้นมาทันที
“ไม่มีรอยนิ้วมือ? แล้วคุณเรียกพวกเรามาทำไม?”
“น่าขันจริง!”
สีหน้าของสวุไห่เฉินเปลี่ยนไปทันที ขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณหลอกพวกเรา? แล้วยังทำให้ผมถูกขังอยู่ที่นี่ทั้งคืน!”
เขาหมุนตัวจะเดินออกไปทางด้านนอก
“ผมไม่มีเวลามาเล่นเกมกับพวกคุณที่นี่หรอกนะ ผมจะกลับไปทำงานแล้ว”
“รอเดี๋ยว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นขวางเขาไว้ “ถึงแม้จะไม่มีรอยนิ้วมือ แต่ยังมีหลักฐานชิ้นใหม่กว่า”
เธอพูดพลางหันไปมองจี้หยู๋ชิงแล้วเอ่ย “หยู๋ชิง ลูกช่วยปิดไฟให้หน่อยได้ไหม?”
“ครับ คุณแม่!”
พรึบ!
แสงสว่างในคลังเก็บของมืดลงทันที ทุกคนต่างตกอยู่ในความมืด
สวุไห่เฉินเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ รีบมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร จึงลอบถอนหายใจออกมา
“คุณอยากให้พวกเราดูอะไรกันแน่? ไม่ต้องโกหกทุกคนแล้ว!”
“ใช่แล้วๆ เสียเวลาอยู่ที่นี่ ฉันยังต้องเตรียมงานเปิดพิพิธภัณฑ์นะ!”
“พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“ใครบอกว่าไม่มีอะไร?” ในตอนนั้นเองเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยขึ้น และเปิดไฟฉายอัลตราไวโอเลตในมือ
เมื่อแสงส่องไป ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเห็นสวุไห่เฉินก็ต่างส่งเสียงอุทานออกมา
“นั่นมันคืออะไร?”
สวุไห่เฉินรู้สึกตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
“อะไร? พวกคุณเห็นอะไร?”
หลายคนชี้ไปที่สวุไห่เฉิน “หัวหน้า บนมือของคุณนั่นมันอะไร?”
เขารีบก้มลงมองก็พบว่าบนมือของตนเองส่องแสงสีเขียวจางๆ อยู่
“นี่มันคืออะไร?”
น้ำเสียงของจี้หยู๋ชิงเจือความไร้เดียงสา
“เป็นสารเรืองแสงที่คุณแม่ทาทิ้งไว้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ยกเท้าเดินเข้าไปพลางเอ่ย “แม้ในความมืดจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ภายใต้การส่องของรังสีอัลตราไวโอเลตจะเกิดการหักเหเป็นแสงสีเขียว นี่คือหลักฐานที่ฉันจะบอกว่ามีเพียงแค่บนตัวของหัวขโมยเท่านั้นที่จะมีได้”
หัวหน้าสวุหน้าซีดลงทันที ภายใต้การส่องของรังสีอัลตราไวโอเลตก็น่าเกลียดอยู่เล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มออกมา
“อาศัยแค่ของพวกนี้คาดโทษผม? ผมอาจจะไปถูกับอะไรใกล้ๆ ที่นี่เข้าก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“ไม่ใช่แค่ถูกับอะไรก็ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนน้ำเสียงเยือกเย็นลงพลางเอ่ย “สารเรืองแสงพวกนี้ฉันตั้งใจใส่ไว้ที่ห้องข้างๆ แล้วตอนนี้ทำไมถึงมาปรากฏที่นี่ได้?”
เธอถือไฟฉายในมือค่อยๆ ส่องไปแล้วเดินตามสีเรืองแสงบนผนังที่เห็นได้ชัดเข้าไปทางด้านใน
“เมื่อวานตอนฉันตรวจสอบห้องข้างๆ ก็พบเข้ากับเส้นทางลับนี้ จะเข้ามาที่คลังเก็บของก็ต้องผ่านตรงนี้ ฉันจึงทาสารเรืองแสงไว้ที่ลูกปิดประตู”