เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1084 เขารู้นานแล้ว
เมื่อหลายคนเดินตามเวินเที๋ยนเที๋ยนไป ก็เห็นแสงเรืองแสงสีเขียวแผ่ขยายออกไปที่ผนัง
เมื่อเปิดประตูนั้น ก็เห็นเป็นภาพของห้องข้างๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ทุกคนตกตะลึงในทันที
“ที่แท้ตรงนี้ยังมีเส้นทางลับ”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของสวุไห่เฉินก็เปลี่ยนไปมากและซีดลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองทางเขา
“ฉันแค่อยากถามหัวหน้าสวุไห่เฉินว่า คุณเอาสารเรืองแสงที่ฉันทาทิ้งไว้ที่ลูกบิดประตูเข้ามาในห้องได้อย่างไร?”
“คือ……คือว่า……”
สวุไห่เฉินอ้ำอึ้งอยู่นานก็ยังพูดไม่ออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดหัวคิ้ว สายตาเปลี่ยนเป็นแหลมคมอย่างรวดเร็วแล้วมองไปที่เขาอย่างเย็นชา
“พูดไม่ออก? ให้ฉันช่วยพูดแทนคุณไหม หลังจากที่เฉินหยุนล็อกประตูคลังเก็บของแล้ว คุณเข้ามาในคลังเก็บห้องทางเส้นทางลับ เพราะก่อนหน้านี้ฉันบอกว่าฉันเจอรอยนิ้วมือที่หัวขโมยทิ้งไว้ที่นี่ ดังนั้นคุณเลยร้อนใจจะลบมันออกอย่างนั้นใช่ไหม?”
“แค่ตรวจสอบแนวสารเรืองแสง ก็สามารถเปิดโปงคำโกหกของคุณได้แล้ว!”
สวุไห่เฉินหลบสายตา
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าไปเลอะเอาตอนไหน เป็นไปได้ว่า……”
“จนตอนนี้คุณก็ยังไม่ยอมพูดความจริงอีก?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป จัดการกับคอมพิวเตอร์ในห้องอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่นานภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภาพกล้องวงจรปิดในห้องนี้
จี้หยู๋ชิงเข้ามาใกล้ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คนคนนี้เหมือนคุณปู่สวุเลย!”
เมื่อทุกคนมองไปก็เห็นที่ถ่ายไว้ได้อย่างชัดเจนว่ากลางดึกเมื่อวานสวุไห่เฉินได้มาที่ห้องนี้ เปิดภาพสีน้ำมันออกแล้วเปิดประตูเดินเข้าไป
“เห็นแบบนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเจือความกดดันอย่างหนักมองไปที่เขา
คนที่อยู่รอบๆ เห็นภาพตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกช็อก
คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าสวุไห่เฉินที่ปกติได้รับการเคารพนับถือจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลง……
สวุไห่เฉินไม่พูดอะไรอยู่นาน กำหมัดแน่น
“ต่อให้เป็นแบบนี้……คุณจะกล่าวหาว่าผมเป็นคนทำไม่ได้!”
“ขออภัย”
ในตอนนั้นเอง ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เดินขึ้นมาด้านหน้า แล้วเอ่ยกับสวุไห่เฉิน “ตามหลักฐานในตอนนี้แล้ว สามารถคาดโทษคุณได้แน่นอน ต่อไป เชิญคุณไปที่สถานีตำรวจกับพวกเรา”
ตำรวจสองนายจึงเดินเข้ามา แล้วพาตัวเขาเดินออกไปทางด้านนอก
บนหน้าสวุไห่เฉินไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ดิ้นรนสุดชีวิตด้วยความตื่นตระหนก
“ปล่อยผม! ผมไม่ได้ขโมยของจริงๆ คนนั้นไม่ใช่ผม!”
เหล่าตำรวจไม่ได้สนใจคำพูดของเขา พาสวุไห่เฉินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
คนที่เหลืออยู่ก็ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
“คิดไม่ถึงว่าสวุไห่เฉินจะเป็นคนแบบนั้น ขโมยของพวกเราไปมากขนาดนี้”
“ก่อนหน้านี้ฉันถูกภาพลักษณ์ของเขาหลอกจริงๆ!”
พวกเขามองเวินเที๋ยนเที๋ยน ในใจก็เกิดคลื่นความรู้สึกผิดขึ้นมา
“ขออภัย ก่อนดำเนินการเข้าใจคุณผิดแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะคิดวิธีแบบนี้มาจับขโมย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ เอ่ยอย่างเขินอาย “ความจริงแล้ว ที่สำคัญคือจี้หยู๋ชิงสอนฉัน”
เธอหันไปมองจี้หยู่ชิงที่อยู่ข้างๆ แล้วขยิบตา
จี้หยู๋ชิงดึงชายเสื้อของเวินเที๋ยนเที๋ยน เอ่ยอย่างดีใจ “แผนการส่วนใหญ่คุณแม่เป็นคิดเองทั้งหมดเลย”
เขามองเวลา
“สายแล้ว ผมยังต้องกลับไปเรียนต่อ ลาก่อนครับคุณแม่”
พูดจบก็โบกมือให้เวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วก้าวขาป้อมๆ วิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนส่งเขาขึ้นรถแล้ว จึงหมุนตัวกลับมาที่พิพิธภัณฑ์เพื่อทำงานต่อ
บนรถ
จี้หยู๋ชิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออกหาหมายเลขหนึ่งอย่างชำนาญ
ทันทีที่รับสายก็เอ่ยขึ้น “จับหัวขโมยได้แล้ว”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาจากปลายสายไม่ได้แปลกใจราวกับว่าทุกเหตุการณ์อยู่ในการคาดการณ์ของเขา
“อืม กลับไปเรียนต่อ”
จี้หยู๋ชิงยู่ปาก เอ่ยอย่างไม่พอใจ “คุณพ่อไม่อยากรู้ว่าเป็นใครเหรอ?”
“สวุไห่เฉิน。” จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้น
“รู้ได้อย่างไร?”
เสียงของอีกฝ่ายยังคงถือดีอย่างเช่นเคย “ทำไมจะไม่รู้?”
จี้หยู๋ชิงพองแก้ม แต่ก็ยังรายงานผลตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
“คุณแม่ไม่รู้ว่าผมจงใจ แผนการที่วางไว้ก่อนหน้านี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น”
“อืม” เสียงของจี้จิ่งเชินดังมาจากปลายสายโทรศัพท์ “อย่าให้เที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าพ่อเป็นคนส่งลูกไป”
“ทำไม?” จี้หยู๋ชิงไม่เข้าใจ
เสียงของจี้จิ่งเชินหยุดชะงักไป เมื่อเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งก็เจือความอ่อนโยนเบาบาง
“เรื่องที่เที๋ยนเที๋ยนต้องการทำ พ่อจะปล่อยให้เธอทำ ถ้ามีอันตรายพ่อก็แอบจัดการให้”
ได้ยินดังนั้น จี้หยู๋ชิงก็แค่นหัวเราะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“ผมก็ปกป้องคุณแม่ได้!”
เสียงของจี้จิ่งเชินราบเรียบลง เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ลูกทำการบ้านวันนี้ให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน”
พูดจบก็วางสายไปเลย
จี้หยู๋ชิงถลึงตามองคำว่า “วางสาย” บนโทรศัพท์แล้วส่ายขาป้อมๆ ของตัวเองอย่างไม่พอใจ เอ่ยกับคนขับรถ “พวกเรารีบกลับกันเถอะ”
“ครับ คุณชาย”
ดูเหมือนว่าใครก็ไม่คาดคิดว่าสวุไห่เฉินจะทำเรื่องแบบนี้ได้
แม้ว่าคนจะโดนนำตัวไปแล้ว แต่ในสำนักงานยังเต็มไปด้วยเสียงถอนหายใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมองหัวหน้าหวางเจี้ยนยินที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ขอบคุณที่คุณเข้าข้างฉัน”
หวางเจี้ยนยินลูบเคราของตนเอง “ในเมื่อตัดสินใจรับตำแหน่งภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำให้ดี ตำแหน่งนี้ถือว่าเป็นเผือกร้อนอยู่เหมือนกัน”
ดูท่าแล้วหัวหน้าหวางเจี้ยนยินน่าจะรู้ถึงสถานการณ์ของพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นกังวลเสียขนาดนี้
“คุณวางใจเถอะ ฉันจะใช้ความสามารถทั้งหมด ทำให้พิพิธภัณฑ์กลับมารุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี”
พูดจบเขาก็หมุนตัวจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนลอบถอนหายใจ ยังดีที่ครั้งนี้เรื่องคลี่คลายได้อย่างราบรื่น ข่าวที่ได้จากปากของสวุไห่เฉิน ก็เพียงพอที่จะช่วยให้ตำรวจหาวัตถุโบราณที่หายไปก่อนหน้านี้กลับมาคืนให้เจ้าของเดิมได้
เวลาหกโมงเย็น รถซีดานสีดำจอดลงตรงหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์อย่างตรงเวลา เมื่อประตูรถเปิดออกจี้จิ่งเชินก็เดินลงมา
เขาไม่สนใจสายตาของคนที่มาเที่ยวชม แล้วตรงไปที่สำนักงานของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขา ความดีใจก็ปรากฏขึ้นบนหน้าทันที
“คุณรู้ไหม? ในที่สุดวันนี้ฉันก็หาตัวคนที่ขโมยของในพิพิธภัณฑ์เจอแล้ว”
ก่อนหน้านี้เธอยังเคยคิดว่าถ้าหากตัวเองยังเอาแต่หาตัวไม่เจอ อาจจะให้จี้จิ่งเชินช่วย แต่ยังดีที่นาทีสุดท้ายแล้วเธอสามารถจับตัวได้สำเร็จ
สายตาของจี้จิ่งเชินเจือความอ่อนโยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สายตาจับจ้องอยู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วพยักหน้า
“ไม่เลว”
เขารวบเอวเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วถือโอกาสเอ่ย “โอกาสดีขนาดนี้ ไปทานข้าวฉลองด้วยกันเถอะ”
“เอาสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเรื่องนี้กวนใจอยู่ตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็คลี่คลายแล้ว จึงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ กลับไม่เห็นจี้หยู๋ชิงแล้วก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อย
“หยู๋ชิงล่ะ?”
“น่าจะเรียนหนังสือต่ออยู่ในบ้าน”
จี้จิ่งเชินลดสายตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาฉายรอยยิ้มเยาะที่แผนการสำเร็จ