เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1094 เขามาแล้ว
หลวนจื่อมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ตรงหน้า พลางขมวดคิ้วขึ้น ในใจนั้นรู้สึกลังเล ขัดแย้งขึ้นมา
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
โดว์โดว์มองแล้วดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาพลางเอ่ย : “คุณพ่อโทรมาแล้วค่ะ!”
หลวนจื่อตกใจ ยังไม่ทันได้เอ่ยพูดขึ้น โดว์โดว์ก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนออกมาเสียงหวาน : “คุณพ่อ? หนูกับคุณแม่ดูรายการของคุณพ่อทุกวันเลยนะคะ เราชอบมากเลยค่ะ”
หลวนจื่อได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว อยากจะหยุดไว้ แต่โดว์โดว์กลับพูดออกมาทั้งหมดแล้ว
“อืม ตอนนี้หรือคะ?”
ว่าแล้ว ก็ยื่นโทรศัพท์มือถือไปตรงหน้าของหลวนจื่อ
“คุณแม่คะ คุณพ่อจะคุยด้วยค่ะ”
หลวนจื่อรับโทรศัพท์มือถือมา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยพูดขึ้น : “มีอะไรหรือคะ?”
เมื่อเอ่ยขึ้น หลวนจื่อก็รู้สึกเสียใจภายหลัง ประโยคนี้ฟังแล้วดูจะเย็นชาอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยพูดอย่างไรถึงจะถูก
แต่ทางฝ่ายนั้นดูเหมือนกับจะไม่ได้แคร์ พลางเอ่ยขึ้น : “รอให้ผมเสร็จงานในมือก่อน แล้วจะไปหาพวกคุณนะ”
ถึงแม้ว่าจะเป็นการคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ใบหน้าของหลวนจื่อนั้นก็แดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“คุณไม่ต้องมาหาฉันเองก็ไม่เป็นไรนี่ค่ะ”
ทางปลายสายนั้นเงียบไปพักหนึ่ง หัวใจของหลวนจื่อนั้นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา จากนั้นกลับได้ยินหมินอันเกอพูดขึ้นมา : “ผมอยากไปหาพวกคุณเอง”
ได้ยินคำพูนี้แล้ว หลวนจื่อก็รู้สึกอึ้งไป แสร้งทำเป็นไม่ได้ใส่ใจ : “คุณอยากจะมาก็มาเถอะค่ะ”
“อืม” ดูเหมือนกับว่าหมินอันเกอจะกำลังยุ่งอยู่ ดูรีบร้อน : “แค่นี้ก่อนนะครับ ผมวางแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” หลวนจื่อรีบตะโกนเรียกเขาเอาไว้ ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น : “ฉันได้ยินเที๋ยนเที๋ยนบอกว่า คุณไม่ได้ต่อสัญญากับบริษัทหวนฉิวแล้วหรือคะ?”
“อืม” หมินอันเกอไม่ได้อธิบายต่อ เพียงแค่ตอบกลับไปอย่างเฉยเมย : “ผมสร้างบริษัทเป็นของตัวเอง รอหลังจากนี้ผ่านไปซักพัก ก็จะค่อยๆถอยไปอยู่เบื้องหลัง”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น ในใจมีคำถามมากมายนับไม่ถ้วนที่อยากจะถาม แต่ทางฝ่ายนั้นไม่ได้มีเวลาให้เธอเลย และเอ่ยขึ้นมา : “ผมยังมีงานในมือกำลังยุ่งอยู่ครับ”
ว่าแล้วก็วางสายไปเลย
คำพูดของหลวนจื่อนั้นยังคงค้างอยู่ที่ปาก แต่ต้องกลืนกลับลงไปอีกครั้ง มองโทรศัพท์มือถือที่ขึ้นมา “วางสายแล้ว” พลางขมวดคิ้วขึ้น
ทำไม?
หมินอันเกอชอบอาชีพของตัวเองขนาดนั้น? เขาอยากจะเป็นนักแสดงขนาดนั้น อีกทั้งก็สามารถทำได้อีกด้วย ตอนนี้ถึงจุดที่สูงสุดแล้ว ทำไมถึงตัดสินใจที่จะทำแบบนี้กัน?
ในหัวของหลวนจื่อนั้นอดที่จะนึกถึงตอนที่หมินอันเกอมาเกลี้ยกล่อมเธอให้กลับบ้านไปครั้งที่แล้วไม่ได้ ตัวเองเคยพูดแบบนั้นแล้ว
เธอเคยพูดเอาไว้ หมินอันเกอสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ และเธอก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ หมินอันเกอทิ้งความฝันของตัวเอง แล้วใช้การกระทำบอกสิ่งที่เขาเลือกใช่หรือเปล่า?
“คุณแม่”
โดว์โดว์ที่อยู่ข้างๆนั้นดึงเสื้อของเธอ แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างรอคอย : “คุณพ่อจะมาหาเราเมื่อไหร่คะ?”
“อีกซักพักนึงนะคะ รอให้คุณพ่อทำงานเสร็จก่อนแล้วคุณพ่อก็จะมาค่ะ”
“ดีจังเลยค่ะ” โดว์โดว์วิ่งไปทั่วห้องด้วยความดีใจ “ถึงตอนนั้นหนูจะพาคุณพ่อออกไปเดินเล่นข้างนอก เป็นไกด์ตัวน้อยๆให้คุณพ่อด้วยนะคะ”
เห็นท่าทางที่ดูดีใจแบบนี้ของลูกแล้ว หลวนจื่อเองก็ยิ้มตามไปด้วยเช่นกัน
ช่างเถอะ ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก ทุกๆปัญหา รอให้หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนแล้วนั้นก็จะคลี่คลายลง
ตอนนี้เหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งปีครึ่งเท่านั้น
ขณะที่คิดอยู่นั้น ออดประตูก็ดังขึ้น
พอเปิดประตูออกไปนั้น กลับพบว่าเป็นจางอันโย่วยืนอยู่ทางด้านนอก ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่งอยู่
“คุณหลวน คืนนี้ไปทานอาหารมื้อค่ำกับผมได้ไหมครับ?”
หลวนจื่อมองคนที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
และก็ไม่รู้เช่นกันว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่จางอันโย่วแสดงความรู้สึกดีๆที่มีต่อเธอออกมา หลายๆครั้งที่อยากจะนัดเธอออกไปทานข้าวด้วยกัน
หลวนจื่อถอนหายใจออกมา ตัวเองได้พูดไปหลายครั้งแล้ว ว่าตัวเธอนั้นแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังมีลูกแล้วหนึ่งคนด้วย แต่ทางฝ่ายนั้นกลับไม่ได้แคร์เลยด้วยซ้ำ และยังเกาะติดมากกว่าเดิมเสียอีก
และทุกๆครั้งก็จะเอาของขวัญชิ้นเล็กๆที่โดว์โดว์ชอบมาด้วย ทำให้หลวนจื่อไม่สามารถปฏิเสธได้
“ขอโทษนะคะ วันนี้ฉันไม่มีเวลาเลย” หลวนจื่อเอ่ยขึ้น
แต่จางอันโย่วกลับไม่รีบร้อน
“วันนี้รายการ《วัตถุโบราณแห่งชาติ》ออกอากาศตอนสุดแล้วแล้วใช่ไหมครับ ผมคิดว่าคุณจะมีเวลาออกไปข้างนอก”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว ก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันที
“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้ฉันบอกกับคุณชัดเจนแล้ว ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจเรื่องความรัก”
“ถ้าหากไม่ลองดู แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ? เมื่อก่อนคุณชอบหมินอันเกอเพียงคนเดียวมาตลอดใช่ไหมครับ? ไม่ลองคบกับคนอื่นบ้างแล้วจะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง?”
หลวนจื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็เบิกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
จางอันโย่วยิ้มออกมาเล็กน้อย “เคยเห็นการเดินแบบของคุณก่อนหน้านี้ และยังมีการโต้ตอบระหว่างคุณกับหมินอันเกออีก ก็เดาได้บ้างล่ะครับ”
หลวนจื่อเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ : “คุณเคยเห็นการเดินแบบก่อนหน้านี้ของฉัน?”
“แน่นอนว่าต้องเคยเห็นอยู่แล้วสิครับ” ทางฝ่ายนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย “รายการการเดินแบบทั้งหมด และยังมีฉากที่คุณปรากฏตัว ผมเคยเห็นมาแล้ว”
หลวนจื่อรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาในทันที
จางอันโย่วเอ่ยพูดขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณไปทานข้าวเย็นกับผมได้หรือยังครับ?”
หลวนจื่อขมวดคิ้วขึ้น ยังไม่ได้ตอบรับ เสียงของโดว์โดว์ก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ค่ะคุณลุงจางอันโย่ว!”
จางอันโย่วเห็นเธอแล้ว ก็ปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมา “โดว์โดว์ วันนี้ลุงทำของอร่อยเอาไว้เยอะเลย อยากไปที่บ้านลุงลองชิมดูไหมครับ?”
โดว์โดว์ได้ยินแล้ว ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วรีบพยักหน้าลง
“ได้ค่ะ คุณแม่ เราไปด้วยกันนะคะ”
หลวนจื่อเห็นแล้วนั้นไม่คิดว่าโดว์โดว์จะถูกดึงดูดไปด้วยอาหารแบบนี้ จึงรู้สึกเลี่ยงไม่ได้ขึ้นมาทันที ทำได้เพียงพยักหน้าลง “ถ้าอย่างนั้นก็ไปทานข้าวแล้วกลับนะคะ”
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าจางอันโย่วกำลังล้อเล่นเท่านั้น แต่หลังจากที่เธอถามเรื่องที่เธอเดินแบบ ทางฝ่ายนั้นกลับสามารถพูดออกมาได้
“นี่คุณดูหมดแล้วจริงๆหรือคะ?”หลวนจื่อยิ่งรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก
จางอันโย่วยิ้มออกมา “ถ้าหากผมบอกคุณ ว่าผมเริ่มสนใจคุณตั้งแต่แรกแล้ว คุณจะเชื่อหรือเปล่าครับ?”
หลวนจื่อมองเขาด้วยความประหลาดใจ แล้วรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที
ตั้งแต่เธออายุสิบกว่าปีเธอก็ชอบหมินอันเกอมาโดยตลอด ในสายตาของเธอไม่เคยมองเห็นผู้ชายคนไหนมีตัวตนอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในวงการนางแบบ และมีคนจำนวนไม่น้อยที่จะมาแสดงความรู้สึกดีๆกับเธอบ่อยๆ แต่อย่างจางอันโย่วแบบนี้นั้น นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอเคยเห็น จึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอรีบละสายตาของตัวเองออกมา พลางเอ่ยขึ้นด้วยความลนลาน : “ฉันกลับก่อนนะคะ”
ว่าแล้ว ก็พาโดว์โดว์ออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วตรงกลับบ้านในทันที
เปิดประตูกลับเข้าสู่พื้นที่ที่คุ้นเคยของตัวเอง ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
“คุณแม่เป็นอะไรไปคะ?”
หลวนจื่อส่ายหน้า
“แม่ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปเราไม่ต้องไปทานข้าวที่บ้านจางอันโย่วแล้วนะคะ แม่จะทำให้หนูทานเอง ดีไหม?”
โดว์โดว์ขมวดคิ้วขึ้น คิดอยู่พักหนึ่งแล้วถึงได้พยักหน้าลง
“ได้ค่ะ โดว์โดว์ชอบอาหารที่คุณแม่ทำ”
หลวนจื่อพาลูกเดินเข้ามาด้านใน เดินเข้าไปในห้องรับแขก และกำลังเตรียมจะเปิดไฟ
ท่ามกลางความมืดนั้น กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“พวกคุณไปทานข้าวบ้านจางอันโย่วมาหรือครับ?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำ ดังขึ้นท่ามกลางความมืดเพื่อเป็นการบีบบังคับ และแฝงความเยือกเย็นเอาไว้
หลวนจื่อตกใจจนอึ้งไป หมินอันเกอ!
โดว์โดว์ที่อยู่ข้างๆวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ต่อให้ไม่ต้องเปิดไฟ ก็สามารถพุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายหนึ่งได้เช่นกัน
“คุณพ่อ โดว์โดว์คิดถึงคุณพ่อจังค่ะ!”
หลวนจื่อเปิดไฟ เห็นคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก สีหน้าซีดเผือด แววตาเย็นชา