เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1103 ข่าวคราวสมบัติล้ำค่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาจี้หยู๋ชิงพักอยู่บ้านของคนในท้องที่นั้นหนึ่งวัน และเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ คือทางฝ่ายนั้นคิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะมาพักอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงนับว่ายังมีความปลอดภัยอยู่เป็นการชั่วคราว
เดิมทีเวินเที๋ยนเที่ยนยังกังวลอยู่เรื่องการสื่อสารทางด้านภาษา อาจจะทำให้ลำบากอยู่บ้าง แต่มีล่ามอย่างจี้หยู่ชิงคนนี้แล้ว ไม่นานพวกเขาก็ได้สอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับในพื้นที่นั้นไปได้ไม่น้อยจากเจ้าของบ้าน
ที่สำคัญที่สุดในนั้นก็คือ องค์กรหนึ่งของท้องถิ่นนี้
จากการบรรยายของทางฝ่ายนั้น เบื้องต้นเวินเที๋ยนเที๋ยนสามารถมั่นใจได้ ว่าองค์กรที่พวกเขาพูดถึงนั้นก็คือสองสามคนที่เจอกันที่งานรื่นเริงเมื่อวานนี้
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันก็นึกเรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นอีกเรื่องนึงขึ้นมาได้” ดวงตาเจ้าของบ้านเป็นประกาย จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยพูดขึ้นอย่างดีใจ : “ช่วงก่อนหน้านี้ มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์บริเวณใกล้ๆนี้ ดูเหมือนกว่าจะหาสมบัติล้ำค่าเจอแล้ว!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว จึงมองด้วยความสงสัย แล้วรีบให้จี้หยู๋ชิงเอ่ยถามสถานการณ์ที่ชัดเจน
คนๆนั้นเอ่ยขึ้น : “เป็นนักสำรวจต่างประเทศใกล้ๆนี้ที่เป็นคนค้นพบ ดูเหมือนจะมาจากประเทศเดียวกันกับคุณนะ”
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ พวกคุณรู้ได้อย่างไรกัน?”
“ได้ยินมาว่าข่าวมาจากคนในองค์กรนั้น พวกเขาเองก็อยากจะได้สมบัติล้ำค่านั้นเหมือนกัน กำลังจะแย่งชิงมาอยู่ โดยเฉพาะทีมสำรวจนั่นก็ตกอยู่ในอันตรายเพราะเรื่องนี้”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว คิ้วของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดเข้าหากันแน่น
นึกถึงชายวัยกลางคนๆนั้นที่เจอบนถนนเมื่อวานนี้ และยังมีเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวที่ยังหลงเหลืออยู่ของราชวงศ์หมิงนั่นอีก หรือว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างที่เจ้าของบ้านบอก?
เธอจำได้ว่า เมื่อก่อนในประเทศคงจะไม่มีเรือมาถึงที่นี่สิถึงจะถูก แต่เครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนั้นเห็นได้ชัดว่ามากจากประเทศจีน ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ เรื่องราวก็คงจะไม่ง่ายเสียแล้ว
เป็นไปได้มาก ว่าข่าวที่นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์สำรวจพบสมบัติล้ำค่าทางนี้ หากตามหลักการแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ควรจะแจ้งไปยังประเทศจีนตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้รับข้อมูลใดๆเลย
คิดแล้วคงจะเป็นเพราะถูกคนในท้องที่นี้ปิดข่าวเอาไว้ ต้องการยึดครองสมบัติล้ำค่าชุดนั้นไว้เป็นของตัวเอง
คนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเจอเมื่อคืนนี้ คงจะเป็นหนึ่งในทีมนักวิจัยนั่นเอง
คงไม่มีวิธีอื่นแล้ว จึงทำได้เพียงเอาของในมือนั้นมอบไว้ให้กับเธอ
ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดก็คือรีบแจ้งไปกลับไปยังภายในประเทศ แต่สิ่งเหล่านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเพียงแค่คาดเดาเอาเองเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานที่แน่ชัด
ถ้าหากกระทำการอย่างผลีผลาม อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด แล้วส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรอบคอบระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง แล้วตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบสถานการณ์ข้างนอกก่อน
ตอนนี้ผ่านไปคืนนึงแล้ว กำลังในการตามหาของคนทางฝ่ายนั้นก็คงจะลดลงแล้วเช่นกัน
เธอซ่อนถ้วยเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวอันนั้นเอาไว้ แล้วออกไปข้างนอก มายังสถานที่ที่เธอเจอกับชายวัยกลางคนเมื่อวานนี้
“ที่นี่แหล่ะ เมื่อวานเหมือนกับว่าเขาจะวิ่งมาจากทางนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชี้ไปอีกทางหนึ่ง
เวลานี้เป็นช่วงเช้ามืด บนถนนไม่ได้มีผู้คนมากมายนัก เทียบกับเสียงดังเอะอะเมื่อคืนนี้แล้ว เงียบสงัดลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
“เราไปดูกันหน่อยดีกว่า บางทีอาจจะหาเบาะแสอะไรได้บ้าง”
ทั้งสองคนไปหาตามทางที่คนๆนั้นวิ่งมา ถึงแม้ว่าจะหาเบาะแสอะไรไม่เจอ แต่ไม่นานนักก็เห็นสถานทูตและสถาบันวิจัย
คนขององค์กรนี้ล้วนแต่รู้จักลักษณะของเวินเที๋ยนเที๋ยนกันหมด เธอจึงทำได้เพียงต้องรออยู่ทางด้านนอก ให้จี้หยู๋ชิงเข้าไปด้านในคนเดียว
“ระวังตัวนะลูก รู้ไหม?”
“วางใจเถอะครับ คุณแม่”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้า แล้วเดินไปทางสถานทูต
อาการที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาดูจริงจัง มองไปยังบริเวณรอบๆ มั่นใจว่าไม่มีคนที่น่าสงสัยเหล่านั้นแล้วถึงได้เดินเข้าไป
เมื่อก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ อาการที่แสดงออกมาก็เปลี่ยนเป็นลักษณะของเด็กๆทันที แววตาไร้เดียงสา
คนในสถานทูตนี้ล้วนแต่เป็นประชาชนในประเทศ เมื่อเห็นจี้หยู๋ชิงที่เป็นเด็กปรากฏตัวอยู่เพียงลำพังนั้น ก็มองมาทางเขาด้วยความสงสัย
“เด็กน้อย ทำไมมีแค่หนูเพียงคนเดียว พ่อแม่ของหนูล่ะ?”
จี้หยู๋ชิงแสดงท่าทางไร้เดียงสาใสซื่อบริสุทธิ์ออกมา
“คุณแม่บอกว่า ให้ผมมารอที่นี่ครับ ที่ที่มีคุณลุงคุณป้าทำงานวิจัยกันเยอะๆ”
สองสามคนที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์มองหน้ากัน พลางเอ่ย : “ที่หนูพูดถึงคงจะเป็นสถาบันวิจัยข้างๆหรือเปล่า?”
จี้หยู๋ชิงเอียงศีรษะ
“เหมือนว่าจะเป็นที่นั่นนะครับ” ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาออกมา พลางเอ่ย : “ผมสามารถเข้าไปดูได้ไหมครับ?”
เจ้าหน้าที่สองสามคนนั้นมองหน้ากันอย่างลังเล
ไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีแล้วสถาบันวิจัยข้างๆนั้นเป็นสถานที่ที่เป็นความลับเป็นอย่างมาก ถ้าหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสถาบัน จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้
จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้เด็กคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปได้?
และยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้ว พวกเขายอมที่จะไม่ให้ฝ่ายนั้นเข้าไป
คนพวกนั้นโหดร้าย และก้าวร้าวมาก บีบให้นักวิจัยจำนวนไม่น้อยให้ไม่มีทางไป ถ้าหากเด็กคนนี้เข้าไป จะไม่เป็นการเอาเนื้อไปเข้าปากหมาป่าหรอกหรือ?
เจ้าหน้าที่ก้มตัวลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นกับจี้หยู๋ชิงที่อยู่ตรงหน้า : “ขอโทษนะ เด็กน้อย เราเปลี่ยนสถานที่รอกันดีไหม?”
“ทำไมหรือครับ?”
จี้หยู๋ชิงมองเขาด้วยใบหน้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์ “เมื่อครู่นี้ผมเห็นคนเข้าไปเยอะมากเลยนะครับ คุณลุงที่ใส่ชุดสูทพวกนั้น สูงมากเลย ดูแล้วดุจังเลยครับ”
สองสามคนนั้นได้ยินแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน : “พวกเขามาอีกแล้วหรือ? ทำไมฉันไม่ได้รับข่าวเลย?”
“ไม่ได้ รีบไปแจ้งพวกเขาเร็ว!”
ว่าแล้ว อีกคนหนึ่งก็หันหลังกลับออกไป ด้วยอาการที่ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
เห็นฉากนี้แล้ว ในใจของจี้หยู๋ชิงรู้สึกหนาวสั่น คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะรุนแรงขนาดนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ของสถานทูตจะทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าของคนในองค์กรนั้นด้วยเช่นกัน หรือว่าที่นี่จะอยู่ห่างไกลจากในประเทศ คำสั่งของรัฐบาลครอบคลุมไม่ทั่วถึง เกินอำนาจไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
เพียงแต่เรื่องราวครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากไม่สามารถละเลยไปได้
ตามข้อตกลงระหว่างประเทศแล้ว สิ่งของที่กู้งมได้ในทะเลหลวงเอามาเป็นของตัวเอง ดังนั้นเมื่อคนพวกนั้นพบข่าวคราวเรื่องสมบัติล้ำค่านี้แล้ว ถึงได้ต้องการจะแย่งชิงมาอย่างไม่เกรงกลัว
เพียงแต่ถ้าหากฝ่ายที่ไปกู้งมมาได้นั้นเป็นสถาบันวิจัย ตามหลักการแล้วควรจะเป็นในประเทศถึงจะถูก
ถึงแม้ว่าใบหน้าของจี้หยู๋ชิงนั้นดูแล้วไม่เป็นอันตราย แต่ในใจของเขานั้นได้วิเคราะห์กับสถานการณ์ในตอนนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้น แววตามีรอยยิ้ม มองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา พลางเอ่ยถาม : “พี่สาวครับ คนที่สวมชุดสูทสีดำเหล่านั้นเป็นใครหรือครับ? ดูดุจัง เมื่อกี้นี้ผมจะถามพวกเขาด้วยว่าไปยังไง แต่กลับต้องตกใจเสียก่อน”
เจ้าหน้าที่คนนั้นได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว จึงรีบเอ่ยขึ้น : “เจ้าหนู อย่าไปพูดกับคนพวกนั้นเด็ดขาดเลยนะ ต่อไปถ้าหากเห็นพวกเขา จำไว้ว่าให้อยู่ห่างๆเลย”
“ทำไมหรือครับ?”
คนๆนั้นเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง จึงไม่ได้ระวัง พลางเอ่ยขึ้น : “พวกเขาเป็นองค์กรที่เลวร้ายที่สุดในท้องถิ่นนี้เลยล่ะ สถาบันวิจัยข้างๆ คุณลุงคุณป้าจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกพวกเขากักขังตัวเอาไว้ แม้แต่พวกเราเองก็ถูกพวกเขาเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพียงแค่รอให้พวกเขาตามหาถ้วยใบนั้นเจอ ถอดรหัสเบาะแสได้ หลังจากที่หาสมบัติล้ำค่าเจอแล้ว……”