เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1105 บุกสถานทูต
ในวันนั้นช่วงบ่าย เวินเที๋ยนเที๋ยนพาจี้หยู๋ชิงไปล้อมดูยังสถาบันวิจัยนั้นอีกครั้ง
แต่หลายครั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ๆ ก็ถูกคนสังเกตเห็นเข้าเสียก่อน จึงต้องถอยออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงรออยู่ข้างนอก แต่กลับไม่เห็นเจ้าหน้าที่วิจัยคนไหนเดินออกมาจากทางด้านในเลย
จากความเข้าใจก่อนหน้านี้ สถาบันแบบนี้มักจะมีเจ้าหน้าที่วิจัยยี่สิบกว่าคน เดิมทีเวินเที๋ยนเที๋ยนวางแผนที่จะเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด อาจจะได้เจอกับทางเจ้าหน้าที่ซักคนสองคนในนั้น หรือบางทีอาจจะได้ข่าวคราวที่เกี่ยวข้องจากปากของพวกเขาอีกด้วย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ารอมาทั้งวันแล้ว กลับไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเลย
เป็นไปได้มากว่าเจ้าหน้าที่วิจัยที่อยู่ด้านในนั้นจะถูกคนขององค์กรกักตัวเอาไว้อยู่ด้านใน ไม่สามารถออกมาได้
ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ สถานการณ์ก็จะรุนแรงมากกว่าที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดเอาไว้มาก พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะติดต่อกับทางโลกภายนอกได้เลย
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงหางานเกี่ยวกับสถาบันวิจัยนั้น และรู้มาจากปากคนพื้นที่ว่าในทุกๆช่วงเวลา ที่สถาบันวิจัยจะมีกิจกรรมกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่นั้น ดังนั้น พวกเขาจึงคุ้นเคยกับพวกนั้นเป็นอย่างดี
คนที่เอาถ้วยเครื่องเคลือบลายครามนั้นให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็คือจางเชียงหนิง
โดยปกติแล้วจะมีความกระตือรือร้นกับคนในท้องที่และมีความเป็นกันเอง คนจำนวนไม่น้อยล้วนแต่ชอบเขากันทั้งนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังเห็นรูปถ่ายร่วมกันที่พวกเขาเอาออกมาให้อีกด้วย ในใจก็ยิ่งมั่นใจ เนื่องจากว่าคนในรูปถ่ายนั้นกับคนที่แห้งเหี่ยวโรยรานั้นมีท่าทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก
ตอนนี้จางเชียงหนิงแอบเอาเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวอันนั้นออกมาให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน คนขององค์กรนั้นจะต้องโมโหเป็นอย่างมากแน่นอน ไม่รู้ว่าจะจัดการกับจางเชียงหนิงอย่างไร
เพื่อความปลอดภัยของเขา จำเป็นที่จะต้องรีบช่วยเขาออกมา
แต่จี้หยู๋ชิงลองหลายครั้งแล้วก็ไม่สามารถเข้าไปในสถาบันนั้นได้เลย
“เราจะต้องเข้าไปดูสถานการณ์ของคนอื่นๆ ถึงจะได้วางแผนกันได้”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง
“คุณแม่ครับ ให้ผมลองอีกครั้งได้ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ไม่ต้องแล้วลูก ครั้งนี้ให้แม่ไปเองดีกว่า”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว จึงรีบเอ่ยขึ้น : “ไม่ได้ครับ! แบบนี้อันตรายมาก!”
ลักษณะของเวินเที๋ยนเที๋ยนคนขององค์กรนั้นก็รู้กันหมดแล้ว อีกทั้งตอนนี้ทุกคนก็กำลังตามหาตัวเธอ ถ้าหากมีคนเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎตัวขึ้น จะต้องกรูกันเข้ามาจับตัวเธอไปอย่างแน่นอน
แต่การตัดสินใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการวู่วาม ในแววตาของเธอปรากฏความมั่นใจออกมา พลางเอ่ยขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น : “ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด หยู๋ชิง ลูกไปไหนฐานะนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าก็เข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ลูกยังจำได้ไหมครั้งแรกที่เราไปที่สถานทูตกันน่ะ?”
“คนที่นั่นดูเหมือนว่าจะสามารถเข้าออกสถาบันวิจัยได้ตลอด ถ้าหากแม่แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานทูต คงจะไม่มีปัญหา อีกอย่างลักษณะของแม่เองก็เหมาะด้วย”
“แต่ว่า…..” จี้หยู๋ชิงยังเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล : “คุณแม่พูดภาษาของประเทศนี้ไม่เป็น จะฟังเข้าใจได้อย่างไรครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย : “เพราะฉะนั้น แม่ก็เลยเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วไงครับ”
เธอเอาหูฟังไร้สายยื่นให้กับจี้หยู๋ชิง : “จี้จิ่งเชินเอาให้แม่ไว้ก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ใช้มัน ถึงตอนนั้นลูกก็จะได้ยินคำพูดข้างในนั้น ช่วยแม่แปล หลังจากนั้นก็บอกคำตอบกับแม่ แม่ก็จะเลียนแบบแล้วตอบกลับไป”
“แบบนี้ได้หรือครับ?” จี้หยู๋ชิงรู้สึกเป็นกังวลมาก
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ” เวินเที๋ยนเที๋ยนลูบศีรษะเขา พลางเอ่ย : “ไม่นานแม่ก็กลับมาแล้ว ถ้าหากหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่มีข่าวคราวอะไร ลูกรีบหนีไปซ่อนตัวก่อนนะครับ”
จี้หยู๋ชิงได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็ยิ่งไม่วางใจที่จะปล่อยให้เวินเที๋ยนเที๋ยนไป
แต่สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาอยากจะรอให้จี้จิ่งเชินมาก่อนแล้วปรึกษาแนวทางด้วยกัน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ารอมาหนึ่งวันแล้ว จี้จิ่งเชินก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
ก่อนหน้านี้กว่าจะหาโทรศัพท์โทรไปไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ติดต่อไปยังคนที่เรือสำราญ แต่ทางฝ่ายนั้นบอกว่าจี้จิ่งเชินออกไปตั้งนานแล้ว
แต่ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังหาพวกเขาไม่เจออีก?
ข้อสงสัยมากมายทำให้ทั้งสองคนรู้สึกไม่สบายใจ
อีกทั้งปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือ จะต้องดูว่าสถานการณ์คนพวกนั้นที่อยู่ในสถาบันวิจัยนั้นเป็นอย่างไร?
ให้จี้หยู๋ชิงรออยู่ทางด้านนอก แล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนก็แอบเข้าไปในสถานทูต
ขโมยเอาชุดเจ้าหน้าที่และบัตรเจ้าหน้าที่มาชุดหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปยังสถาบันวิจัยทางด้านข้าง
เธอยังแต่งหน้าเป็นพิเศษ ดูให้แตกต่างจากเดิม
คืนนั้น คนขององค์กรมองเห็นเธอในมุมมืด อาจจะเห็นใบหน้าของเธอไม่ได้ชัดเจนนัก และตอนที่ส่งต่อบอกคนอื่นๆอีก ก็อาจจะผิดพลาดไปจากเดิมได้
นี่เป็นสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเดิมพันเอาไว้ ประกอบกับเทคนิคการแต่งหน้าด้วยแล้ว คงจะสามารถตบตาผู้คนได้บ้าง
เดินผ่านทางเดินระหว่างสถานทูตกับสถาบันวิจัย เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นคนอยู่สองสามคนที่ยืนอยู่ตรงประตูกำลังเดินไปเดินมา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ก็รีบหันมามอง แววตาแสดงความโหดร้ายออกมา
พอเห็นชุดที่เวินเที๋ยนเที๋ยนสวมใส่อยู่นั้น มั่นใจว่าเธอเป็นคนของสถานทูต จึงวางใจลง
พลางเอ่ยถาม : “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
เสียงดังส่งไปยังทางจี้หยู๋ชิง เวินเที๋ยนเที๋ยนเลียนคำตอบตามเสียงของเขา
เนื่องจากว่าที่สถานทูตล้วนแต่เป็นคนต่างชาติ พูดไม่ได้มาตรฐานก็ไม่เป็นปัญหา
“ครอบครัวของศาสตราจารย์จางเชียงหนิงโทรมา”
สองสามคนนั้นไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ แล้วพยักหน้าลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงไม่หยุดเดิน แล้วรีบเดินไปด้านในอย่างรวดเร็ว
มองพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบๆ องค์กรนั้นเก่งมาจริงๆ ตลอดทางที่เธอเดินมานั้น ถูกคนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ตรวจสอบสถานะของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ยังดีที่ก่อนหน้านี้เธอได้ท่องข้อมูลทั้งหมดของเจ้าที่นี่เอาไว้แล้ว จึงสามารถตอบคำถามออกมาได้
เหมือนกับที่เธอคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบกับหลังจากที่เธอแต่งหน้าแล้วนั้น คนส่วนมากก็จำเธอไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะเดินไปด้านใน จากนั้นก็ได้ยินเสียงด่าว่าออกมาเสียงดัง
“จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังหาตัวคนไม่เจอรึไง? พวกแกจัดการกันยังไง? เครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาว! สิ่งที่ฉันต้องการก็คือเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวอันนั้น!”
อีกเสียงหนึ่งเอ่ยพูดขึ้น : “ลูกพี่ รูปภาพบนนั้นไม่ใช่ว่าถูกถอดลงมาตั้งแต่แรกแล้วหรือครับ? ต่อให้ไม่มีเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาว ก็คงจะไม่เป็นอะไรมั้งครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็หันไปมองยังทิศทางของเสียงนั้น
คิดไม่ถึงว่าจะเห็นคนที่เธอเคยเจอในขบวนงานรื่นเริงก่อนหน้านี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นเป็นคนท้องที่วัยห้าสิบกว่าๆ
ใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ หัวล้าน ใบหน้ามันเยิ้ม รูปร่างอ้วนเตี้ย ดวงตาฉายแววแห่งความเจ้าเล่ห์ออกมา
คนๆนั้นตบลงบนศีรษะของเขาอย่างแรง
“แกจะไปเข้าใจอะไร? พวกแกได้เครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนั้นมาเดือนนึงแล้ว ก็ยังไขความลับข้างบนนั้นไม่ได้เลย! ถ้าหากทางฝ่ายนั้นหาเจอก่อนพวกเราจะทำยังไง? ไม่ใช่เพราะพวกแกหรอกรึไง!”
แววตาของเขาดุดัน กวาดตามองไปที่ทุกคน แล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างรุนแรง : “ถ้าไม่ใช่พวกแกที่ปล่อยข่าวแบบนั้นออกไป ฉันก็ไม่ต้องมาเป็นกังวล! แล้วคนที่เอาข้อมูลออกไปตอนแรกนั่นล่ะ? ฉันแทบอยากจะดึงเส้นเอ็น ถลกหนังมันออกมาจริงๆ!”