เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1109 ผมมาตั้งแต่แรกแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา แล้วล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
มองไปแล้ว ทุกคนก็ล้วนแต่เป็นพวกผมดำ ตาดำ เป็นคนประเทศเดียวกันกับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่คนเหล่านี้มีรูปร่างที่สูงใหญ่ เมื่อเห็นแล้วก็รู้เลยว่าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และมองพวกเขาอย่างถมึงทึง
เมื่อครู่ที่ยังวางมาดหยิ่งยโส จะจับตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไปนั้น ตอนนี้สีหน้าดูลนลานขึ้นมาทันที
“พวกแกเป็นใคร? รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน? ถึงได้กล้าขัดขวางการทำงานของพวกฉัน?”
สายตาของจี้จิ่งเชินกวาดตามองไป แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา : “จับตัวมาให้หมด”
“ครับ คุณผู้ชาย!”
ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง แล้วรีบพุ่งเข้าไปยังสองสามคนทางด้านหน้า
ทั้งสองฝ่ายนั้นต่อสู้กันขึ้นมาในทันที แต่พวกเขากลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกบอร์ดี้การ์ด ไม่นานก็ถูกจับตัวเอาไว้แล้ว
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ยอมยังคนดิ้นกันอยู่นั้น แต่ไม่นาน ก็ถูกปราบให้อยู่หมัด ถูกจับกดลงอยู่ที่พื้น
หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวออกมาเมื่อครู่นี้แล้ว จี้หยู๋ชิงก็ถอนหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งใจ
เมื่อครู่นี้เขายังเป็นกังวล ว่าวันนี้ตัวเองเพียงคนเดียวอาจจะปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ไม่ได้ แต่ตอนนี้นึกย้อนกลับไปแล้ว โอกาสนี้ที่จะคว้าเอาไว้ได้นั้นอาจจะไม่แม่นเท่าไหร่นัก
อีกทั้งความสามารถอย่างจี้จิ่งเชิน คงจะไม่ได้เพิ่งจะปรากฏตัวออกมาในตอนนี้
เขาจะต้องตั้งใจอย่างแน่นอน!
เขามองไปยังจี้จิ่งเชินอย่างไม่พอใจ พลางเอ่ย : “คุณพ่อ ทำไมเพิ่งจะมาตอนนี้ล่ะครับ?”
จี้จิ่งเชินหันมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น : “มาตอนนี้ก็ไม่ได้ช้าไปนี่ ไม่ใช่หรือ? ลูกสามารถปกป้องเที๋ยนเที๋ยนได้ดี ความรู้ล่าสุดที่สอนให้ลูกก่อนหน้านี้ ลูกใช้มันได้อย่างชำนาญดีนี่”
จี้หยู๋เชิงจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ ถึงแม้จะพูดได้ว่าจนถึงตอนนี้จะยังไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นก็ตาม แต่จะพูดอย่างไรพวกเขาก็อยู่ในพื้นที่ของคนอื่น ความรู้สึกของการถูกตามฆ่า ไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว
หลายๆครั้งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องตกอยู่ในอันตราย
จี้หยู๋ชิงหันไปมองเขา
“พูดแบบนี้ แสดงว่าคุณพ่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วหรือครับ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงเล็กน้อย
“พวกมันเป็นลูกน้องของพวกอันธพาลมืดในท้องที่นี้ หนึ่งเดือนก่อนก็เริ่มตรวจสอบข่าวคราวของสมบัติล้ำค่าใต้ทะเลนี่แล้ว เพียงแต่ว่าจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ก็รู้สึกดูภูมิใจขึ้นมาทันที พลางเอ่ยถาม : “แบบนี้ คุณพ่อเองก็ยังไม่รู้ว่าสมบัตินั้นอยู่ที่ไหนเหมือนกันใช่ไหมครับ?”
จี้จิ่งเชินอึ้งไปเล็กน้อย : “ตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสะ”
ได้ยินคำตอบนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิงก็ยิ่งดูภูมิใจมากขึ้น
เห็นท่าทางของพวกเขาแล้ว จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “หรือว่าพวกคุณเจอแล้วอย่างนั้นหรือ?”
จี้หยู๋ชิงเงยหน้าขึ้นมา อาการที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก
“แน่นอนครับ”
ตอนนี้พวกเขากำลังใช้ภาษาจีนในการสนทนากันอยู่ พวกสมาชิกของกลุ่มอันธพาลมืดที่ถูกจับตัวอยู่เหล่านั้นฟังไม่เข้าใจอยู่แล้ว แล้วก็ไม่รู้อีกด้วยว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่านั่นอยู่ ยังคงพากันดิ้นไม่หยุด
ร้องเอะอะขึ้นมา : “รีบปล่อยพวกฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นพวกแกจะต้องรับกับผลที่จะตามมาแน่!”
พวกเขาไม่รู้ถึงสถานะของจี้จิ่งเชิน ยังคงทำตัวเป็นพวกอันธพาลเจ้าถิ่น ที่ข่มทางฝ่ายนั้นอยู่
แต่เพิ่งจะเอ่ยปากพูดออกมานั้น ก็ถูกบอร์ดี้การ์ดสองสามคนนั้นกดลงไปที่พื้น
จี้จิ่งเชินกวาดตามอง สายตาที่เยือกเย็นนั้นมองอยู่ที่ร่างของพวกเขา ราวกับมีดที่แหลมคม ทิ่มแทงเข้าไปในผิวหนัง สามารถคว้านเนื้อออกมาได้เป็นชิ้นๆ
ในใจของคนเหล่านั้นรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เต็มไปด้วยอำนาจ ถึงแม้จะอายุไม่มาก แต่อำนาจที่อยู่บนร่างของเขานั้น แม้แต่ลูกพี่อันธพาลมืดของพวกเขานั้นก็ยังไม่สามารถเทียบได้เลย
แววตาที่ดูกดขี่มีอำนาจนั้นมองมาที่ร่างของพวกเขา
เสียงของพวกเขาเหล่านั้นหยุดลง ไม่กล้าที่จะเอ่ยพูดต่อ เหงื่อผุดขึ้นตรงหน้าผากทันที สีหน้าซีดเผือด
เวลานี้เอง พวกเขาถึงได้พบว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ดูแล้วไม่ได้ธรรมดาเลย
สองสามคนนั้นรู้สึกเสียใจภายหลัง รู้แบบนี้ตั้งแต่แรกเมื่อครู่นี้ก็คงจะไม่ปะทะตาต่อตาฟันต่อฟันกับเขาหรอก
พวกเขายิ้ม พลางเอ่ยขึ้น : “คุณผู้ชายท่านนี้ ไม่รู้ว่าจุดประสงค์วันนี้ของคุณคืออะไร แต่ที่นี่เป็นเขตอิทธิพลของพวกเรา แต่ถ้าหากคุณยอมล่ะก็ เราสามารถกลับไปปรึกษากับลูกพี่ได้ ให้แบ่งสมบัติส่วนหนึ่งให้คุณเป็นอย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้ว ก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ คำพูดพวกนี้เหมือนกับที่พูดกับเธอเมื่อครู่นี้เลย
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในแววตานั้นกลับไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ความเย็นชาและเด็ดขาด
“ถ้าหากฉันบอกว่า ไม่อยากจะร่วมมือด้วยล่ะ?”
สีหน้าของสองสามคนนั้นเปลี่ยนไป คิดว่าจี้จิ่งเชินต้องการจะยึดทรัพย์สมบัติเอาไว้คนเดียว รอยยิ้มบนใบหน้ายากแก่การรักษาเอาไว้ ฝืนดึงมุมปากเอาไว้ ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ดูแย่ยิ่งกว่าการร้องไห้เสียอีก
พลางเอ่ย : “โลภขนาดนี้ก็ไม่ดีมั้ง”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“นี่คือสมบัติที่ฉันหาเจอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าควรจะจัดการอย่างไร”
จี้จิ่งเชินโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้อย่างเบามือ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาเฉียบคม มองไปยังร่างของพวกเขา
“และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้พวกแกไล่ตามภรรยาของฉัน ยังคิดจะลงมืออีก ฉันจะให้พวกแกกลับออกไปได้อย่างราบรื่นได้อย่างไร?”
อาการที่แสดงออกทางใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนไป อิทธิพลอำนาจทั่วๆร่างกายเพิ่มขึ้นสูงทันที เหมือนกับพายุทอร์นาโดที่ทำลายล้าง แหวกอากาศ แหวกภูเขา บีบรัดร่างของคนเอาไว้
ในขณะเดียวกันในใจของสองสามคนนั้นก็รู้สึกกลัว ในหัวปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมาเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย—พวกเขาต้องตาย! ตายอยู่ที่นี่แน่ๆ!
ไม่นาน เหงื่อเม็ดใหญ่ก็กลิ้งหยดลงมาจากศีรษะ ทำได้เพียงแค่อ้อนวอนขอร้อง แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งของเขาได้เลย
บอร์ดี้การ์ดที่อยู่ทางด้านหลังนั้นดึงตัวพวกเขาขึ้นมา แล้วพาเดินไปอีกทางด้านหนึ่ง
จี้จิ่งเชินพูดเสริมหนึ่งประโยคเรียบๆ : “ถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือ ก็ใช้วิธีที่เหมาะสมให้พวกมันเชื่อฟังกันหน่อยก็แล้วกัน”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว คนขององค์กรนั้นก็ยิ่งตกใจเสียจนหน้าซีด
“ครับ คุณผู้ชาย” น้ำเสียงของบอร์ดี้การ์ดสองสามคนนั้นนิ่งมาก ตอบรับแล้วก็พาพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
รอจนคนหายไปจากสายตาแล้ว จี้จิ่งเชินถึงได้หันมามองยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ตอนนี้บอกผมได้หรือยังครับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแสร้งทำเป็นหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง ไม่บอกเขา
“ไม่ใช่ว่าพี่สำรวจเอาไว้ชัดเจนหมดแล้วหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็หัวเราะออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิงจะโกรธล่ะก็ เขาก็คงจะปรากฏตัวขึ้นตั้งนานแล้ว
“เที๋ยนเที๋ยน”
เขาเดินไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วถือโอกาสโอบเอวเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
“เที๋ยนเที๋ยน คุณก็รู้ว่าผมจะไม่ปล่อยให้คุณมีอันตราย อีกทั้งคุณกับหยู๋ชิงก็ทิ้งผมไว้แล้วมาเที่ยวงานรื่นเริงนี่ด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกท่าทางที่น้อยใจของเขานี้หยอกให้ยิ้มออกมา พลางเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “พวกเราทิ้งพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ? งานพี่ต่างหากที่ทำให้พี่ไปไหนไม่ได้”
จี้จิ่งเชินโอบเอวของเธอเอาไว้ แล้วเอาคางเกยไว้ตรงหัวไหล่
“ผมทำงานคนเดียว แต่พวกคุณกลับหายไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกจนปัญญากับท่าทางของเขา จึงเอ่ยขึ้น : “ความจริงแล้วสถานที่นี่ไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันกับจี้หยู๋ชิงแอบเข้าไปในสถาบันวิจัย แล้วยังได้พบกับศาสตราจารย์จางเชียงหนิงและได้รับข่าวสารข้อมูลบางอย่างมาจากปากของเขา”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลงพลางเอ่ยขึ้น : “อีกทั้งครั้งนั้นก็อันตรายมากด้วย ทำไมคุณพ่อไม่ปรากฏตัวออกมาครับ? อีกนิดเดียวคุณแม่ก็จะถูกจับตัวไปแล้ว”
“พ่อปรากฏตัวออกมาแล้ว” จี้จิ่งเชินกล่าว