เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่777 ผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียว
บทที่777 ผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา พลางเดินออกไปทางด้านนอกแล้วกดโทรออกไปด้วย
ในใจของเธอนั้นเป็นห่วงจี้จิ่งเชินในเวลานี้อยู่ตลอด แล้วกดโทรออกไม่หยุด
เสียเวลาอยู่เป็นเวลานาน ถึงได้โทรติดในที่สุด แล้วแจ้งที่อยู่ของตัวเองเพื่อให้คุณหมอมา
หลังจากนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้รีบกลับไปยังห้องนอน กลับพบว่าจี้จิ่งเชินหายไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นอย่างร้อนรน แล้วเริ่มตามหาเขา
แต่คฤหาสน์ตระกูลหล่อนนั้นใหญ่มาก เพียงแค่ห้องนั้นก็มีเป็นสิบกว่าห้องแล้ว จะต้องมาไล่หาทีละห้อง คงจะต้องมาเสียเวลานาน
จี้จิ่งเชินไปหลบอยู่ที่ไหนกันแน่?
ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งเป็นกังวลและทั้งกลัว รู้ว่าเขากังวลว่าจะเป็นการทำร้ายตัวเอง ถึงได้หลบอยู่แบบนี้
แต่เป็นเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้เธอเป็นกังวลมากกว่าเดิมเสียอีก
หาตัวเขาอยู่พักหนึ่ง ก็ยังคงไม่มีต้นสายปลายเหตุอยู่ดี
ฉวีผิงและแม่ครัวเสร็จงานแล้ว ได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ จึงเดินขึ้นมาด้วยความสงสัย
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่มีท่าทางทำอะไรไม่ถูก หลังจากที่เอ่ยถามแล้วนั้น ถึงได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น และสีหน้าก็เปลี่ยนขึ้นมาทันที
แม่ครัวทั้งรู้สึกตกใจ ทั้งงงงวย
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ? อาหารสองสามวันนี้ฉันเป็นคนทำเองทั้งนั้น ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า พลางเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ : “เรื่องนี้เดี๋ยวเราค่อยว่ากันดีกว่าค่ะ หาตัวจี้จิ่งเชินกันก่อนดีกว่า ฉันเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะทำอะไรโง่ๆ”
“ได้ค่ะ คุณหนู”
ทั้งสามคนแยกย้ายกันตามหา หากันอยู่ซักพักหนึ่งนั้น ถึงได้มุ่งเป้าหมายไปยังห้องรับรองแขกห้องหนึ่ง
ประตูถูกคนล็อกเอาไว้จากทางด้านใน จี้จิ่งเชินจะต้องอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนเคาะอยู่ตรงหน้าประตู พลางตะโกนเข้าไปยังด้านใน : “จี้จิ่งเชิน พี่ออกมาเถอะ ฉันเที๋ยนเที๋ยนเอง”
“พี่ใจเย็นๆนะ”
แต่ด้านในไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“เกิดอะไรขึ้น จี้จิ่งเชินคงไม่ได้หมดสติไปแล้วใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากกว่าเดิม จึงเอ่ยถามฉวีผิงอย่างร้อนใจ : “หมอจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?”
พ่อบ้านมองดูเวลา
“ดูแล้วระยะทางจากโรงพยาบาลมาถึงที่นี่ ก็น่าจะประมาณอีกยี่สิบนาทีครับ”
แม่ครัวที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นมา : “คุณคะ เป็นเพราะคุณผู้ชายไม่อยากทำร้ายคุณถึงได้หลบอยู่ข้างในแบบนี้”
“ฉันรู้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพิงประตู เธอรู้สึกว่าจี้จิ่งเชินจะต้องอยู่ทางด้านในอย่างแน่นอน และได้ยินคำพูดของเธอ
“จี้จิ่งเชิน ฉันเวินเที๋ยนเที๋ยนนะ พี่อย่าทำร้ายตัวเองนะ เดี๋ยวอีกไม่นานคุณหมอจะมาแล้ว”
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เวลานี้ภายในห้องนั้นมืดสนิท “เวินเที๋ยนเที๋ยน” อีกคนหนึ่ง ได้ยืนอยู่ตรงหน้าจี้จิ่งเชินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ด้านนอกประตู แล้วพูดปลอบใจจี้จิ่งเชินอย่างต่อเนื่อง อยากจะใช้เสียงของเธอเป็นตัวช่วย
จี้จิ่งเชินไม่ยอมออกมา ต่อให้เข้าไปอีกก็คงไม่มีประโยชน์
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากเขาไม่เปิดประตูอยู่ตลอดแบบนี้ หลังจากที่คุณหมอมาแล้ว พวกเราก็คงจะต้องพังประตูเข้าไป”
ในขณะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังร้อนใจอยู่นั้น หลวนจื่อก็กลับมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตลอดทาง ในใจของเธอนั้นรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อนึกถึงที่ตัวเองวางยาจี้จิ่งเชินแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกเครียดและตำหนิตัวเอง
เธอนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ และเพิ่งจะเข้ามาด้านในนั้นก็ถูกหมินอันเกอตะโกนเรียกเอาไว้
“คุณกลับมาแล้ว”
หมินอันเกอยืนขึ้น แล้วออกมารับเธอ
แต่หลวนจื่อเห็นแววตาที่เป็นห่วงของเขาแล้ว กลับยิ่งรู้สึกขาดความมั่นใจ จึงหลบตาเขา
“วันนี้คุณกลับมาเร็วจังเลยนะคะ?”
หมินอันเกอพยักหน้า พลางเอ่ยขึ้น : “ได้ยินว่าคุณไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนมา เดิมทีผมก็อยากจะไปรับคุณด้วย”
หลวนจื่อพยักหน้าอย่างขอไปที เลี่ยงสายตาของเขาแล้วเดินเข้าไปยังด้านใน
“คุณทานข้าวมาหรือยัง?” เธอเอ่ยถามขึ้น
หมินอันเกอตามมาอยู่ข้างๆเธอ “ทานแล้วถึงกลับมานี่แหล่ะ ทำไมครับ? คุณยังหิวอยู่ไหม?”
หลวนจื่อส่ายหน้า
“ทานกับเที๋ยนเที๋ยนมาบ้างแล้วค่ะ”
ว่าแล้วก็อยากจะรีบเดินเข้าไปด้านใน ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเขา
แต่หมินอันเกอกลับตามเธออยู่ตลอด
เห็นท่าทางที่ดูลนลานของหลวนจื่อแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย : “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? สองสามวันมานี้รู้สึกว่าคุณแปลกๆไป หรือว่าบางทีพวกเราหาเวลาออกไปเที่ยวพักผ่อนข้างนอกกันบ้างไหมครับ”
หลวนจื่อคิดไปถึงเรื่องของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชิน ได้ยินประโยคนี้แล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ได้คิด : “อยู่กับฉัน ไม่เสียเวลาหรอกหรือคะ?”
รอจนตอนที่รู้ตัวแล้ว คำพูดนี้ก็พูดออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
หมินอันเกอได้ยินประโยคนี้แล้วก็ถึงกับอึ้งไป มองเธออย่างไม่เข้าใจ
“ออกไปข้างนอกกับคุณ จะเสียเวลาได้ยังไงล่ะครับ?”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว ทันใดนั้นก็ไม่อยากจะเสแสร้งอีกต่อไปอีกแล้ว
แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างดูถูกตัวเอง : “ฉันรู้ว่าคุณชอบเที๋ยนเที๋ยนมาตลอด ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเด็กคนนี้ คุณเองก็คงจะไม่อยู่ข้างๆฉัน ฉันคิดดีแล้ว บางทีเราสองคนคงจะไม่เหมาะสมกันจริงๆ คุณชอบเธอ ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาเธอเถอะค่ะ แต่ทางที่ดีที่สุดจะต้องไม่ใช่วันนี้”
เธอนึกถึงที่ตัวเองวางยาจี้จิ่งเชิน คิดว่าตอนนี้ทั้งสองคนคงจะแนบชิดกันไปถึงไหนแล้วล่ะมั้ง?
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเลวขนาดนี้
แต่หมินอันเกอได้ยินคำพูดนี้แล้วกลับรู้สึกงงงวย
“คุณพูดอะไรอยู่น่ะ? ผมเคยบอกเมื่อไหร่ว่าผมชอบเที๋ยนเที๋ยน เมื่อก่อนผมเคยชอบเธอก็จริง แต่นั่นเป็นความทรงจำที่พวกเรามีร่วมกันตอนเด็ก แต่ตอนนี้…….”
เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็ดึงหลวนจื่อเอาไว้ พลางจับมือเธอเอาไว้แน่น
“คุณลืมที่ผมเคยพูดกับคุณที่โรงพยาบาลเมื่อก่อนหน้านี้ไปแล้วใช่ไหม? ผมเคยบอกว่า…….”
“ฉันรู้ค่ะ!” ในใจของหลวนจื่อนั้นรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เธอไม่อยากที่จะหลอกตัวเองอีกแล้ว จึงขัดเขาขึ้น
“คุณเคยบอกกับฉัน ว่าระหว่างเราสองคนไม่ใช่ความรู้สึกแบบพี่น้อง แล้วก็ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างเพื่อนด้วย แต่แล้วยังไงล่ะคะ? ใครจะรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับฉัน? ฉันไม่อยากเป็นเพราะแบบนี้…..”.
“มันคือความรัก!”
หมินอันเกอเสียงสูงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วขัดการคาดเดาของเธอขึ้น พลางเอ่ยขึ้นมาด้วยความเด็ดเดี่ยว : “เป็นความรู้สึกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง คุณเข้าใจไหม?”
หลวนจื่อเบิกตาขึ้นมาด้วยความตกตะลึง มองเขาด้วยความตกใจ แววตางุนงง แล้วก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน
“จะเป็นไปได้ยังไง?”
“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ?”
หลวนจื่อส่ายหน้า
“คุณอย่าโกหกฉันเลย ฉันรู้จักคุณมาเป็นสิบปี ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ทำไมก่อนหน้านี้กลับไม่รู้ตัวล่ะ?”
หมินอันเกอได้ยินแล้ว จึงฝืนหัวเราะออกมา
“ผมเองก็ทุกข์ใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมเมื่อก่อนผมถึงไม่ค้นพบความรู้สึกของตัวเอง”
“หลวนจื่อ ผมคิดดีแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีกับเที๋ยนเที๋ยนเป็นความสงสารเห็นใจ เพราะเราใช้ชีวิตตอนเด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาด้วยกัน ผมเห็นเธอและดูแลเธอเหมือนกับน้องสาว ต่อมาเพราะต้องตามความฝันของตัวเองก็เลยออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ในใจกลับคิดถึงและเป็นห่วงอยู่ตลอด”
“ผมหวงเธอ ก็เพราะผมไม่อยากให้น้องสาวของตัวเองต้องเป็นทุกข์ แต่สำหรับคุณ……”
เขามองหลวนจื่ออย่างลึกซึ้ง ราวกับต้องการจะบอกความคิดทั้งหมดที่อยู่ในใจของเขากับเธอ
ถึงแม้ว่าตอนนี้โอกาสแบบนี้จะไม่ดีซักเท่าไหร่นัก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลวนจื่อจะเข้าใจผิดมานานขนาดนี้
เขาเอ่ยพูดต่อ : “ผมคิดดีแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณมันเคยเป็นแบบพี่ชายกับน้องสาว ผมเห็นคุณเป็นน้องสาว เป็นเพื่อน แต่ตอนนี้…….”
การกระทำของหมินอันเกออ่อนโยนมาก แววตานั้นแสดงออกถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ : “ผมชอบคุณ ไม่ใช่เป็นเพราะลูกในท้องของคุณ บางทีอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมยังเข้าใจคุณไม่พอ ในช่วงเวลาที่อยู่กับคุณช่วงนี้ ทุกครั้งกลับพบความแตกต่างของคุณ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่ง”
“แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ ว่าตอนนี้ผมไม่ได้เห็นคุณเป็นเด็กคนนึงอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นผู้หญิงคนนึง ผู้หญิงที่ผมรัก”