เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่784 ปู่จะต้องช่วยหนู
บทที่784 ปู่จะต้องช่วยหนู
พอเห็นชายชราเดินเข้ามาจาตรงประตูในเวลานี้แล้ว ใบหน้าของหล่อนเจียนีปรากฏความดีใจออกมา แล้วดิ้นเพื่อให้หลุดจากการผูกมัดจากบอร์ดี้การ์ดสองสามคนแล้วพุ่งตัวไป
“คุณปู่! ช่วยหนูได้ค่ะ! เวินเที๋ยนเที๋ยนจะขายหนูไปแล้ว! ช่วยหนูด้วยค่ะ!”
คุณปู่?
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำเรียกนี้แล้ว จึงมองไปทางนั้นด้วยความสงสัย
และเวลานี้เองหล่อนเจียนีราวกับมีความหวังสุดท้ายขึ้นมา รีบวิ่งไปทางด้านหลังของชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว แล้วจับมือเขาเอาไว้พลางร้องไห้ออกมา
“คุณปู่! คุณปู่จะต้องช่วยหนูนะคะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองบุคคลตรงหน้าอย่างพิจารณา รู้สึกว่าเขาดูคุ้นๆอย่างเลือนราง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินไปเยี่ยมเยียนคุณนายหล่อนและเวินหงหยู้ที่บ้านพักบนภูเขา ได้เจอบุคคลที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลหล่อนเป็นจำนวนไม่น้อย บุคคลนี้เธอเองก็เคยเห็นอยู่ไกลๆ แต่กลับไม่เคยได้พูดคุยกัน
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
อีกทั้งหล่อนเจียนีเรียกเขาว่าคุณปู่อีก?
ความสงสัยในใจที่เพิ่งจะมีขึ้นนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เห็นอีกคนหนึ่งที่เดินเข้ามาจากตรงประตู
ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนที่หนีไปก่อนหน้านี้ คนที่พวกเขาตามหากันอยู่ หลิวเหม่ยหลัน!
นึกไปถึงการปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของหล่อนเหลือยแล้ว แท้ที่จริงเมื่อวานนี้หลิวเหม่ยหลันไม่ได้หนีไป แต่ไปที่บ้านพักบนภูเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ แล้วเชิญให้คุณปู่ของหล่อนเจียนีมา
ในช่วงก่อนหน้านี้ตอนที่หล่อนเจี้ยนกั๋วเกิดเรื่อง เขาเองก็ไม่เคยออกหน้ามาเช่นกัน ไม่คิดว่าครั้งนี้จะออกมาจากภูเขาแล้วจริงๆ
จะเป็นเพราะว่าลูกชายของตัวเองเคยเกิดเรื่องขึ้นไปแล้ว จึงไม่ยอมจะให้หล่อนเจียนีมีอันตรายอีกอย่างนั้นหรือ?
เขาถือไม้เท้าด้วยลักษณะท่าทางที่จริงจังเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาแล้วลูบไหล่ของหล่อนเจียนี
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรหรอก”
ได้ยินประโยคที่เป็นการรับประกันของเขาแล้ว หล่อนเจียนีราวกับหาคนที่สามารถจะช่วยเธอได้ จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม แล้วจ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
และยังเจตนาที่จะพูดเสริมขึ้นมาอีกด้วย
“เวินเที๋ยนเที๋ยนใส่ความหนู! ตอนนี้ยังคิดที่จะส่งตัวหนูไปเป็นคนคอยรับใช้คนอื่นที่ต่างประเทศด้วย! คุณปู่ หนูเป็นถึงหลานสาวของตระกูลหล่อนนะคะ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นเจ้าของตระกูลแล้วยังไงกัน? จะมาทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง”
แต่ละคำพูดของเธอนั้นล้วนแต่บิดเบือนความจริง เพียงแค่ต้องการจะให้หล่อนเหลือยเชื่อตัวเอง
แต่หล่อนเหลือยกลับไม่ยอมเปิดปากพูดออกมา เพียงแค่เม้มปากเอาไว้
ตอนที่เขาย้ายเข้าไปที่บ้านพักบนภูเขา ก็ได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องการพัฒนาของบริษัทและเรื่องนอกตระกูลหล่อน ก่อนหน้านี้ที่หล่อนเจี้ยนกั๋วเกิดเรื่อง เขาในฐานะที่เป็นพ่อก็ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงเอาไว้แล้วคือไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
แต่ครั้งนี้ หลิวเหม่ยหลันมาขอร้องเขาด้วยตัวเอง ในที่สุดเขาถึงได้ใจอ่อน และเตรียมที่จะทำลายกฎเกณฑ์เหล่านั้นออกมาดู
ถึงอย่างไรหล่อนเจียนีก็เป็นสายเลือดสุดท้ายของเขา ถ้าหากแม้แต่เธอก็เกิดเรื่องขึ้น ตั้งแต่นี้ไปอาจจะเป็นการตัดขาดสายเลือดของตัวเองไปเลยก็ได้
เขาคิดแล้วนั้น สุดท้ายจึงเดินทางออกมากับหลิวเหม่ยหลัน มายังตระกูลหล่อน
ระหว่างทาง แม้ว่าเขาจะเอ่ยถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลิวเหม่ยหลัน แต่หลิวเหม่ยหลันกลับอ้ำๆอึ้งๆ รายละเอียดหลายๆอย่างก็ไม่ได้พูดถึง บอกกับเขาคร่าวๆเพียงเท่านั้น
หล่อนเหลือยรู้นิสัยของหลานสาวตัวเองคนนี้ดีอยู่แล้ว ส่วนนิสัยใจคอทางด้านศีลธรรมของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้น ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินคนอื่นๆบนบ้านพักบนภูเขาพูดถึงเช่นกัน ดูแล้วไม่เหมือนกับคนที่จะใส่ร้ายกลั่นแกล้งคนอื่นแบบนั้น
เรื่องนี้ คิดไปคิดมาแล้วอาจจะเป็นหล่อนเจียนีที่ทำผิด แล้วถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับได้ ถึงได้เกิดเรื่องขึ้นตามมาแบบนี้
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
แต่ถึงแม้จะรู้ว่าหล่อนเจียนีทำผิด เขาเองก็ทนไม่ได้ ที่จะมองดูหลานสาวเพียงคนเดียวของตัวเองต้องถูกส่งตัวไปต่างแดนแบบนี้ จะไม่สามารถได้เจอกันอีกตลอดชีวิต
ได้ยินคำพูดของหล่อนเจียนีแล้ว เขาเองก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด เพียงแต่เงยหน้ามองเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางเอ่ยขึ้น : “เรื่องนี้ยังต้องคุยกันอีก เข้าไปคุยข้างในเถอะ”
ว่าแล้ว ก็พาหล่อนเจียนีเดินเข้าไปด้านใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าหลิวเหม่ยหลันจะเรียกหล่อนเหลือยมา ถ้าหากเขายังคงยืนหยัดว่าจะให้หล่อนเจียนีอยู่ต่อ ควรจะทำอย่างไรดี?
จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆดึงมือเธอไว้ พลางพูดปลอบเธอ : “ไม่เป็นไรนะครับ เข้าไปฟังพวกเขาพูดก่อน แล้วค่อยดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีวิธีอื่น จึงทำได้เพียงพยักหน้าลง แล้วกลับเข้าไปด้านในคฤหาสน์กับพวกเขา
ฉวีผิงและคนรับใช้อีกสองสามคนได้ยินว่าหล่อนเหลือยมานั้น ก็ล้วนแต่แสดงความประหลาดใจออกมา
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันก่อเรื่องมาไม่น้อย วันนี้หาตัวทั้งสองคนได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เดิมทีคิดว่าจะจบลงแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการข่มขู่เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นอีก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เพิ่งจะส่งตัวไปนั้น หล่อนเหลือยกลับตามมาถึงเสียก่อน
จากนั้น ก็เห็นหล่อนเจียนีเดินเชิดหน้าตามหลังเขามา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห่งความพอใจออกมา เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่แอบอ้างบารมีเพื่อมาข่มเหงคนอื่นเช่นนั้น
มองไปทางด้านหลังอีกนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนและอีกสองสามคนนั้นต่างก็พากันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ฉวีผิงถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว หรือว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรกับหล่อนเจียนีและหลิวเหม่ยหลันสองแม่ลูกนี่ได้จริงๆใช่ไหม?
มีบุคคลอาวุโสท่านนี้ปกป้องอยู่ ต่อให้พวกเธอทำความผิดครั้งใหญ่ คนอื่นก็คงจะทำอะไรพวกเธอไม่ได้เช่นกัน
เมื่อหล่อนเหลือยเข้ามาแล้ว ก็นั่งลงอยู่ในห้องรับแขก มือทั้งสองวางอยู่บนไม้เท้า เอาไม้เท้ายันเพื่อประคองตัวเองอยู่ตรงหน้าอก แล้วไอออกมาเบาๆ ฉวีผิงจึงรีบเอาน้ำชามาให้เขา
เดิมทีแล้วหล่อนเหลือยไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของตระกูลหล่อน แต่เขาช่วงระยะเวลาที่เขาอยู่ในบริษัทมาเป็นว่าหลายสิบปี เพื่อกิจการของตระกูลหล่อนก็มีความดีความชอบด้วยเช่นกัน ตำแหน่งสถานะนับว่าไม่ธรรมดา ทุกคนต่างก็ให้ความเคารพอ่อนน้อมต่อเขาด้วยกันทั้งนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินและอีกไม่กี่คนนั้นเดินเข้ามา เห็นท่าทางที่ดูเป็นคางคกขึ้นวอของหล่อนเจียนีแล้วนั้นยิ่งรู้สึกเป็นกังวล
หล่อนเหลือยดื่มชาเพื่อให้คล่องคอ แล้วเอ่ยถามขึ้น : “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เขาที่เพิ่งจะเอ่ยขึ้นจบนั้น หล่อนเจียนีก็รีบเอ่ยพูดขึ้นมาก่อน : “คุณปู่คะ เป็นความผิดของพวกเขาทั้งนั้น! ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ส่งพ่อของหนูเข้าคุกไปแล้ว หนูกับแม่ก็ไม่มีที่อยู่แล้ว มาที่นี่ยังจะต้องมารองรับอารมณ์ของเธอ ช่วยเธอทำงานทั้งวัน เป็นเหมือนกับคนรับใช้อย่างไรอย่างนั้น หนูก็แค่ไม่ได้ระวังแล้วทำความผิดเล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง เธอก็จะ……”
เธอเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างรีบร้อน แล้วเลี่ยงเรื่องที่รุนแรงไปยังเรื่องเบาๆแทน ไม่เอ่ยพูดถึงความผิดของตัวเอง แล้วเอาความไม่พอใจที่มีทั้งหมดนั้นลงที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
ถึงแม้ว่าหล่อนเหลือยจะไม่ได้เห็นเรื่องราวพวกนี้ด้วยตาตัวเอง แต่ก็เข้าใจนิสัยของหล่อนเจียนีเป็นอย่างดี
หล่อนเจียนีเพิ่งจะเอ่ยพูดได้เพียงครึ่งเดียวนั้น ก็ถูกเขายกมือขัดขึ้นเสียก่อน
“เวินเที๋ยนเที๋ยน เธอว่ามาซิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าเขาจะให้ตัวเองเป็นคนตอบเอง และยังคิดว่าหลังจากที่หล่อนเจียนีพูดจบแล้ว หล่อนเหลือยจะต้องเชื่อในคำพูดของเธอฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน
คิดแล้วนั้น เธอจึงเอ่ยขึ้น เล่าทุกอย่างที่หล่อนเจียนีและหลิวเหม่ยหลันทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ยุติธรรมและมองวิเคราะห์ปัญหาจากสภาพความเป็นจริง ไม่ปกปิดการกระทำของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอไม่ได้รู้สึกละอายใจในการที่จะตรวจสอบมองตัวเองแบบนี้
พูดถึงตอนที่หล่อนเจียนีขโมยเอาข้อมูลของบริษัทไป และยังผลักหลวนจื่อที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นตกบันไดจนเกือบจะแท้งลูกนั้น ใบหน้าของ หล่อนเหลือยนั้นก็ปรากฏความไม่พอใจออกมา
และเมื่อพูดถึงตอนที่จี้จิ่งเชินถูกวางยานั้น สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูแย่มากขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก
ถึงแม้จะรู้ว่าหล่อนเจียนีจะเย่อหยิ่งเอาแต่ใจตัวเอง ของที่ตัวเองชอบก็จะต้องเอามาอยู่ในมือให้ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำผิดถึงขนาดนี้!
หล่อนเจียนีได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แล้ว ในใจก็ยิ่งเครียดมากขึ้น
จึงรีบโต้แย้งกลับไป : “เธอพูดมั่วๆ! คุณปู่คะ คุณปู่อย่าไปฟังที่พวกเขาพูดมั่วๆนั่นนะคะ เรื่องพวกนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนใส่ร้ายหนู!”
“ที่ฉันพูดไปเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เพียงแค่ถามคนที่นี่ หลวนจื่อ กับหมินอันเกอ ก็จะรู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว”