เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่812 เจอคนที่ตัวเองชอบ
บทที่812 เจอคนที่ตัวเองชอบ
“ไม่ใช่ว่าผมก็ส่งคนไปช่วยเขาส่งจดหมายแล้วไม่ใช่หรือครับ?”
ได้ยินแล้ว ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ปรากฏความสงสัยออกมา
“พี่คิดที่จะช่วยเขาแบบนี้จริงๆหรือคะ?”
อาหงถูกกระแสน้ำพัดขึ้นมาบนเกาะ เรือประมงก็ชนโขดหินจนเสียหาย
อย่างที่รู้กัน ว่าพื้นผิวทะเลก็ไม่ได้นิ่งสงบเท่าไรนัก
ออกทะเลเวลานี้ เกรงว่าจะเป็นอันตราย ทุกหนทุกแห่งก็ล้วนแต่สามารถเกิดอันตรายขึ้นได้ทั้งนั้น
อาหงส่งจดหมายไป เพื่อให้คนในครอบครัวช่วยหาคนมาเอาเรือประมงกลับไป
ไปๆมาๆแบบนี้ ใครจะกล้ารับประกันว่าจะไม่เจออันตรายกัน?
ถึงตอนนั้นเธอกับจี้จิ่งเชินถึงแม้ว่าจะยื่นมือออกไปช่วยด้วยความหวังดี แต่กลับทำให้เขาเสียหายหนักไปกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากที่จะเห็นอยู่แล้ว
“วางใจเถอะครับ ผมจัดการเอาไว้แล้ว” จี้จิ่งเชินเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นกังวล จึงยิ้มพลางเอ่ย : “ที่ผมยังไม่ได้จะให้ความช่วยเหลือเขาขนาดนั้น เพราะอยากจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง มีค่าพอให้เราต้องช่วยเหลือหรือเปล่า”
“ถ้าหากเขาได้คืบแล้วจะเอาศอก มาเรียกร้องขอความช่วยเหลือมากกว่าเดิม ผมก็คงทำได้เพียงแค่ต้องลงมือขั้นต่อไป”
ได้ยินมาถึงตรงนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็คิดขึ้นมาได้ทันที “เพราะฉะนั้นพี่กำลังทดสอบว่าเขาเป็นคนยังไงอยู่ใช่ไหมคะ?”
“ผมเพียงแค่ไม่อยากช่วยคนผิด”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า นับว่าเป็นการเห็นด้วยกับความคิดของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เข้าใจ แน่นอนว่าอย่างจี้จิ่งเชินนั้นมีความสามารถพอที่จะให้ความช่วยเหลือได้มากกว่านี้อยู่แล้ว
ที่เขายังไม่ได้ลงมือทั้งหมด เพียงแค่ให้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งจดหมายนั้น ก็คิดจะดูคนเหล่านี้ว่ามีค่าพอที่จะให้เขาช่วยหรือเปล่านั่นเอง
“ฉันเห็นว่าเขาเองก็เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาดีนะคะ การสำรวจของพี่จะสิ้นสุดลงหรือยัง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามเบาๆ
จากสายตาที่จ้องมองมาของเธอนั้น จี้จิ่งเชินจึงพยักหน้าลงอย่างช้าๆ “ผมส่งคนไปเช่าเรือประมงที่เกาะบริเวณใกล้ๆนี้แล้วล่ะครับ เชื่อว่าภายในเวลาหนึ่งวัน ก็จะสามารถให้เขาพาทั้งคนและเรือกลับเกาะของตัวเองได้แล้ว”
คำพูดของจี้จิ่งเชินนี้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
เขาได้คิดพิจารณาทุกด้านเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่แท้ตัวเธอก็กังวลไปเองเสียอย่างนั้น
เมื่อคิดแล้วนั้น เธอก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันที “ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดพี่แล้วสิ ฉันคิดว่าพี่จะไม่ช่วยเขาซะอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยอมรับผิดอย่างว่าง่าย ท่าทางที่ดูอ่อนน้อมนี้ทำให้ยิ่งรู้สึกน่าเอ็นดูยิ่งนัก
“แต่ผมดีใจนะ ที่คุณบอกความคิดพวกนี้กับผม ไม่ได้เก็บซ่อนเอาไว้ในใจ”
แววตาของจี้จิ่งเชินนั้นแสดงความยอมรับ ราวกับผืนน้ำที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างไรอย่างนั้น
เธออ้อยอิ่งเหมือนกับเรือลำเล็ก
ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในสายตาของเขา จนสุดท้ายก็ถูกยึดครองเข้าในที่สุด
จี้จิ่งเชินลูบใบหน้าเธอพลางยิ้ม “เพราะฉะนั้นก็หายกันนะครับ ลงโทษคุณโดยการทำอาหารรอบดึกให้ผมดีกว่า”
ทำอาหารรอบดึก?
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วจึงเบิกตาขึ้น
“พี่ยังไม่อิ่มหรือคะ?”
ตอนที่อยู่บนชายหาดนั้น เธอทำอาหารไปไม่น้อยเลย
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงอย่างไม่สะทกสะท้าน “ไม่ครับ เที๋ยนเที๋ยนสนใจเป็นห่วงแต่อาหง ไม่ได้สนใจผมเลย”
ได้ยินแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ แม้แต่ซุปปลาแค่สองถ้วยก็ยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยเสียอย่างนั้น
พูดไปก็เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ ประธานบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ไม่คิดว่าจะมาหาเรื่องกับซุปปลาเพียงสองถ้วยนี้
“ซุปแค่เพียงถ้วยเดียวเอง นี่พี่จะไม่ยอมให้คนอื่นได้ทานเลยหรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยอกล้อออกมาอย่างขำๆ
ตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ เวินเที๋ยนเที๋ยนมักจะเข้าครัวอยู่บ่อยๆ จี้จิ่งเชินก็ได้กินไปไม่น้อยแล้ว
ไม่นึกเลยว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับซุปเพียงถ้วยเดียวแบบนี้?
ถ้าหากคนเหล่านั้นที่บริษัทรู้ว่าจี้จิ่งเชินขี้เหนียวขนาดนี้ จะต้องหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน
รับรู้ได้ถึงความคิดของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยพูดขึ้น : “ไม่ได้สิ นั่นเที๋ยนเที๋ยนทำให้ผมเชียวนะ”
“เป็นสิ่งล้ำค่า ให้เงินผมเท่าไหร่ผมก็ไม่ยอมแลกหรอก”
ดวงตาที่ลึกซึ้งทั้งสองข้างจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง ราวกับกำลังบอกเธอว่า เขาไม่ได้พูดเกินจริงและไม่ได้ล้อเล่นด้วยเช่นกัน
ผู้ชายคนนี้ มักจะทำให้เธอเกิดความรู้สึกร่วมได้เสมอ
เป็นเพราะซุปนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนทำ เขาจึงให้ความสำคัญมาก
มิน่าล่ะ อาหารทุกอย่าง กินจนไม่เหลืออะไรเลย ถึงได้ยอมวางลง
“ต่อไปฉันจะทำให้พี่กินทุกวันเลย ขอพี่อย่าเบื่อซะก่อนแล้วกันนะคะ”
“เที๋ยนเที๋ยนเป็นคนทำ ผมไม่เบื่ออยู่แล้ว”
เขามองหน้ากันแล้วยิ้ม เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องครัว
เดิมทีเธอไม่ได้คิดที่จะทำอาหารรอบดึกให้ตัวเอง แต่จี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องครัว แล้วจ้องมองเธออย่างเงียบๆ
“เที๋ยนเที๋ยน เมื่อกี้ผมพูดไม่ถูกสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังทำต้มบะหมี่อยู่ แล้วหันไปส่งสายตาที่มีความสงสัยนี้ให้กับจี้จิ่งเชิน
“ผมไม่ได้เพียงแค่จะลงโทษคุณให้คุณทำอาหารรอบดึกให้ผมนะ ยังจะลงโทษคุณให้คุณมากินด้วยกันเป็นเพื่อนผมด้วย”
จี้จิ่งเชินยิ้มพลางมองเธอ สีหน้าท่าทางที่ดื้อรั้นนั้น ราวกับกำลังบอกเธอ
เขาจะไม่รับคำตอบที่เป็นการปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น
ก็ยังคงเผด็จการเหมือนเดิม
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาแวบหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงต้องเพิ่มถ้วยและตะเกียบมาอีกคู่หนึ่งเท่านั้น
วิธีการทำบะหมี่นั้นง่ายมาก ไม่นาน บะหมี่ร้อนๆก็ถูกยกมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะอาหาร
จี้จิ่งเชินหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วชิม
“เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเอ่ยถาม
“อร่อยมากเลยครับ ฝีมือของเที๋ยนเที๋ยนสุดยอดที่สุดแล้ว”
จี้จิ่งเชินไม่ขี้เหนียวกับคำพูดชื่นชมของตัวเอง
มุมปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอรู้ ว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองนั้นไม่ได้ดีขนาดที่ชายหนุ่มพูดเลย
แต่ถูกคนที่รักเอ่ยชมมาแบบนี้ ทำให้หัวใจของเธอนั้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
แม้แต่บะหมี่ที่อยู่ในปากนั้นก็ยังเปลี่ยนเป็นรสหวานไปแล้ว
วันรุ่งขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินที่เพิ่งจะตื่นมานั้น กลับพบว่าอาหงไม่อยู่แล้ว
“แปลกจัง เช้าขนาดนี้เขาไปไหนนะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ลองไปดูที่ชายหาดสิครับ”
จี้จิ่งเชินจูงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา “ผมคิดว่า เขาคงจะอยู่ที่ชายหาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็รู้สึกเช่นนี้ เรือประมงยังเกยตื้นอยู่ที่ชายหาด เป็นไปได้ที่เขากำลังไปดูสภาพความเสียหายของเรือประมงอยู่
ดูแล้วบอกเขาเร็วหน่อยดีกว่า ว่าจะมีเรือมาช่วยลากเรือประมงของเขากลับไป
เพื่อเขาทั้งสองคนจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล
มาถึงชายหาดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเงาของเขาสองคนนั้นอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ในมือของเขาถือกระดาษกับปากกาเอาไว้ แล้วขีดๆเขียนๆอยู่ข้างเรือประมง
ตอนที่จี้จิ่งเชินและเวินที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปนั้น เขายังไม่รู้ตัวเลยเสียด้วยซ้ำ
“อาหงเตรียมจะซ่อมเรือประมงเองอย่างนั้นหรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนดูอยู่ข้างๆพักหนึ่ง ถึงได้เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
เธอชอบที่จะซ่อมแซมวัตถุโบราณ ดังนั้นจึงค่อนข้างสนใจการซ่อมแซมสิ่งของอื่นด้วยเช่นกัน
เห็นแบบร่างในมือของอาหงแล้ว เธอมองออกว่าเขากำลังวางแผนที่จะซ่อมเรือประมงลำนี้
“ใช่ ผมกำลังคิดอยู่ครับ ถึงอย่างไรก็ว่างไม่มีอะไรทำแล้ว สู้มาทดสอบตรงที่พังก่อนดีกว่า หลังจากกลับไปแล้วค่อยซ่อมก็ได้ครับ”
อาหงยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางตอบรับเวินเที๋ยนเที๋ยนไป
เวินที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง “แต่ทั้งสองคนจะกลับไปแล้วค่อยซ่อมก็ได้นะคะ เพราะว่าเดี๋ยวก็จะมีเรือมาช่วยลากกลับไปแล้ว สามารถนั่งเรือกลับบ้านเลยก็ได้นะคะ”
ได้ยินแล้ว อาหงก็มองเธออย่างประหลาดใจ
“ขอบคุณมากนะครับ ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าควรจะตอบแทนพวกคุณได้ยังไง!”
อาหงรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาแทบนองหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “ถ้าหากคุณลุงอยากจะขอบคุณ ก็ขอบคุณคุณจี้ที่อยู่ข้างๆฉันคนนี้ดีกว่านะคะ เขาเป็นคนจัดการค่ะ”
ความจริงแล้วในใจของอาหงยังคงรู้สึกกลัวจี้จิ่งเชินอยู่บ้าง
ผู้ชายคนนั้นรูปร่างหน้าตาเย็นชา ออร่าที่อยู่รอบๆตัวเขานั้นให้ความรู้สึกที่ไม่กล้าเข้าหา
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ผู้ชายคนที่ดูเย็นชาเยือกเย็นเช่นนี้ จะช่วยเขาแล้ว
อาหงมองไปยังจี้จิ่งเชิน แล้วมองมายังเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง ในใจก็พอจะคาดเดาได้แล้ว
ดูแล้วทั้งหมดนี้ ก็ล้วนแต่เพราะภรรยาตัวเองด้วยใช่หรือเปล่า?
ถึงแม้จะเป็นคนที่เย็นชามากแค่ไหน ได้มาเจอคนที่ตัวเองชอบ ก็จะเปลี่ยนไปอย่างอ่อนโยนดั่งสายน้ำเช่นกัน