เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่813 ความแตกต่างของการตกปลาในทะเล
บทที่813 ความแตกต่างของการตกปลาในทะเล
“ขอบคุณครับคุณจี้” อาหงเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ”
จี้จิ่งเชินเพียงแค่เหลือบมองเขาอย่างนิ่งๆ แล้วก็ละสายตามามองที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง
แล้วอาหงก็รีบเอ่ยพูดขึ้น : “เมื่อวานนี้ไม่ใช่บอกว่า ทั้งสองคนอยากจะเรียนตกปลาในทะเลหรอกหรือครับ? ตอนนี้เลยก็ได้นะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว จึงพยักหน้าลง
“ใช่ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
เธอหมกมุ่นอยู่กับปลาเป็นอย่างมาก เป็นเพราะที่นี่เป็นเกาะ ตอนที่เตรียมเสบียงนั้น พวกบอร์ดี้การ์ดไม่ได้เตรียมอาหารทะเลมาด้วย
ไม่มีอาหารทะเล ข้าวต้มปลาที่จี้จิ่งเชินชอบที่สุดเธอเองก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเดินมาตรงด้านข้างโขดหินที่ตกปลาเมื่อวานนี้ด้วยความสนใจ คันเบ็ดก็ได้เตรียมวางอยู่ข้างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลุงหงมองดูอุปกรณ์เหล่านี้ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุขขึ้น
พลางเอ่ย : “การตกปลานี้ เน้นตรงที่เหยื่อไม่เคลื่อนไหว ผมก็จะไม่ขยับ โดยเฉพาะการตกปลาในทะเล คนที่คุ้นเคยกับการตกปลาในทะเลสาบจำนวนไม่น้อย ก็จะไม่ค่อยชินเท่าไหร่”
น้ำเสียงของอาหงดูขบขันยิ่งนัก ประโยคเดียวก็ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ” อาหงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าปกติ “ปลาบางตัวก็ฉลาดมาก มันจะคิดหาวิธีหลอกล่อ”
“หลอกล่อ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย ปลาก็สามารถหลอกคนได้อย่างนั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าจะต้องชำนาญมากเลยน่ะสิ?
อาหงพยักหน้าเล็กน้อย “มันจะลองหยั่งเชิงก่อน โดยการมาว่ายวนอยู่ตรงเหยื่อ เวลานี้จะต้องอดทนหน่อยนะ มิเช่นนั้นถ้าคุณดึงเบ็ดขึ้นมา พวกมันจะหนีไปหมด”
“ถ้าอย่างนั้นมันเกี่ยวอะไรกับการหลอกล่อล่ะคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสงสัย
ทั้งๆที่อาหงบอกว่าปลากำลังหยั่งเชิง ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับการหลอกล่อเสียหน่อย?
อาหงหัวเราะ “ตอนแรกพอเห็นการเคลื่อนไหวแล้วเก็บเบ็ด หลายครั้งเข้า คุณก็จะรู้สึกเหนื่อยและขี้เกียจแล้วล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดตามคำพูดของอาหง
ถ้าหากเธอชักเบ็ดหลายครั้ง กลับไม่ได้เหยื่ออยู่ตลอด ก็คงจะรู้สึกล้าจริงๆ
นี่ก็เป็นเหมือนเรื่องของหมาป่า ที่ตอนแรกคนในหมู่บ้านได้ยินว่าหมาป่ามา ก็พากันตื่นตระหนกตกใจ
จนสุดท้ายก็กลับชินชาไป เพราะคิดว่าเด็กๆกำลังหลอกเขาอยู่
มาถึงตรงนี้ก็คงจะเหมือนกัน เริ่มแรกมีเพียงเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆก็เก็บเบ็ด พอหลายๆครั้งเข้า ก็จะชินชาไปเช่นกัน
“การตกปลา ดูว่าใครที่จะมีความอดทนมากกว่ากัน” อาหงเน้นถึงความสำคัญของความอดทน หลังจากนั้นก็มองไปยังเบ็ดตกปลาที่อยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าเขาจะเอาเบ็ดตกปลา จึงยื่นส่งเบ็ดในมือให้กับเขา
อาหงโบกมือขึ้นมา แล้วชี้ไปยังเบ็ดตกปลาที่อยู่ในถังตกปลาของเขา
“เบ็ดตกปลานี้ก็เหมือนกับรองเท้านั่นแหล่ะครับ ยิ่งเก่าก็ยิ่งเหมาะ”
เขายิ้มพลางเอ่ยพูดกับทั้งสองคน : “เบ็ดตกปลาของพวกคุณถึงแม้ว่าจะใหม่ ประสิทธิภาพครบครัน แต่ผมใช้ไม่ถนัดมันก็ไม่มีประโยชน์”
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างกำลังคิดอะไรอยู่ “เหมาะสมกับตัวเองถึงจะดีที่สุด”
สายตาของเขาจ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน เหมือนกับประโยคนี้พูดออกมาเพื่อเธออย่างไรอย่างนั้น
เหมาะสมกับตัวเองถึงจะดีที่สุด?
จี้จิ่งเชินหมายถึง เธอเหมาะสมกับเขามากที่สุดอย่างนั้นใช่ไหม?
ใบหูของเวินเที๋ยนเที๋ยนร้อนผ่าว รีบดึงความสนใจนี้ไปที่อาหงทันที
“เดี๋ยวผมสาธิตให้พวกคุณดูนะ” อาหงเดินไปข้างๆโขดหิน มองแล้วเอ่ยขึ้น : “การตกปลาจะว่ายากก็ไม่ได้ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย คนที่มีประสบการณ์มาก เพียงแค่แป๊ปเดียวก็ไม่สามารถตกปลาขึ้นมาสองตัวได้พร้อมกันหรอกนะ”
ว่าแล้วเขาก็หยิบกล่องใบเล็กใบหนึ่งออกมาจากถังตกปลา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองแวบหนึ่งก็แทบจะตกใจ
ด้านในนั้นคือไส้เดือนที่กำลังเลื้อยไปมาอยู่
“นี่เป็นเหยื่อที่ดีที่สุดเลยนะครับ อยู่ในโคลนนี้ทั้งนั้น เมื่อเช้านี้ผมจับมาได้”
อาหงเองก็รู้ ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินนั้นล้วนแต่เป็นวัยรุ่นที่มาเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตกันทั้งสองคน จึงไม่ได้ให้เขาใช้อันนี้
“ผมเตรียมอาหารปลาสะอาดเอาไว้ให้พวกคุณแล้ว คุณเวินไม่ต้องกลัวนะครับ จะไม่ให้คุณจับไส้เดือนหรอก”
อาหงมองเธออย่างหยอกล้อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนแทบอยากจะมุดซอกหนีเข้าไปในทันที
เธอเองก็ไม่ได้กลัวไส้เดือนหรอก จะให้จับแบบเป็นๆแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะลงมืออย่างไรต่างหาก
จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางอายๆของเธอ
สายตาที่จับจ้องของเขานั้นถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับได้เข้า แล้วจึงกระซิบข้างหูเขาอย่างโกรธๆ
“ฟังให้ดีนะ ถ้าหากว่าฉันตกปลาได้มากกว่าพี่ คืนนี้พี่ต้องนอนโซฟาด้วย!” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินกับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ถ้าหากเที๋ยนเที๋ยนจับได้มากกว่าผม ผมก็คงจะรู้สึกภูมิใจนะครับ”
“ภูมิใจ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจว่าจี้จิ่งเชินกำลังคิดอะไรอยู่ เธอตกปลาได้เก่งกว่าเขา มีอะไรให้เขาต้องภูมิใจกัน?
“ผมมีภรรยาที่ตกปลาได้เก่งกว่าผม ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจหรอกหรือครับ?”
ใบหน้าของเขาแสดงอาการที่รู้สึกเป็นเกียรติออกมา และยังมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นคู่นั้นอีก ทำให้ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ใช่ เธอคือภรรยาของเขา ไม่ว่าเธอจะทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างไร เขาก็จะรู้สึกภูมิใจทั้งนั้น
ในทางตรงกันข้าม
ถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ได้เอ่ยปากพูดออกมา แต่สีหน้าท่าทางของเธอนั้นก็ได้บอกความคิดของตัวเองกับจี้จิ่งเชินไปหมดแล้ว
ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างเงียบๆ
จี้จิ่งเชินถึงได้พูดเสริมขึ้นมา : “แต่โซฟา ผมไม่นอนหรอกนะครับ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนอนโซฟา ผมจะพยายาม คุณนายจี้วางใจได้เลย”
อาหงไม่ได้รบกวนความหวานชื่นที่ลึกซึ้งระหว่างสองสามีภรรยา
มองดูอากัปกิริยาที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินแล้ว เขาก็อดที่จะรู้สึกคิดถึงขึ้นมาไม่ได้ จึงถอนหายใจออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตว่าตัวเองคุยกับจี้จิ่งเชิน จนลืมที่จะฟังไป แล้วรีบหันมาขอโทษอาหงทันที
“ขอโทษนะคะ พวกเราเสียสมาธิไปหน่อย….”
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งที่ขอให้อาหงมาช่วยสอนเทคนิคการตกปลาแท้ๆ
แต่กลับมาคุยกันเองโดยไม่ได้สนใจถึงความรู้สึกของอาหงเลยแม้แต่นิดเดียว
อาหงหัวเราะออกมา แล้วโบกมือขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
รอยย่นบนใบหน้ายิ่งลึกขึ้นเพราะรอยยิ้มของเขา
“วัยรุ่นนี้ดีจริงๆเลยนะ” เขาอุทานออกมา “นึกถึงตอนนั้น ผมกับภรรยาเองก็มีเรื่องให้ต้องคุยกันไม่จบทั้งวันเหมือนกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตได้ถึงคำว่าตอนนั้นที่อาหงพูดขึ้นมา
เธอมองด้วยความสงสัย รู้สึกว่าอาหงจะยังมีคำพูดอื่นที่อยากจะพูดออกมาอีก
และเป็นอย่างที่คิด อาหงถอนหายใจออกมายาวๆ “น่าเสียดาย ที่ภรรยาของผมล้มป่วยและเสียชีวิตไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว เหลือเพียงแค่ผมกับลูกสาวอีกหนึ่งคน โดดเดี่ยวและลำบากยากแค้นยิ่งนัก”
ที่แท้ภรรยาของอาหงก็จากไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนแสดงอาการลำบากใจออกมา “ขอโทษนะคะ อาหง ที่ทำให้ต้องนึกถึงเรื่องที่ต้องเสียใจแบบนี้”
“เสียใจ? ไม่หรอก นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียใจเลยครับ”
อาหงยิ้มพลางเอ่ย “คิดถึงเธอ เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุขในช่วงชีวิตครึ่งหลังของผมแล้ว ผมทำงานเสร็จในทุกๆวัน ก็จะหยิบรูปถ่ายของเธอขึ้นมา แล้วนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของพวกเรา”
“นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมรอคอยอยู่ทุกวัน เหมือนกับว่าเธอยังอยู่กับผมจนผ่านวันนี้ไป”
เห็นสิ่งของแล้วจะทำให้คิดถึงคนในอดีต ความรู้สึกของอาหงก็คงจะเป็นประมาณนี้
ไม่สามารถเห็นคนที่รักได้ แม้แต่ความคิดถึงที่อยู่ในใจ ก็สามารถกลายเป็นเรื่องราวที่มีความสุขเรื่องหนึ่งได้
อาหงกับภรรยาของเขา จะต้องรักกันมากอย่างแน่นอน
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงมองไปยังจี้จิ่งเชินอย่างไม่รู้ตัว
และพอดีกับที่จี้จิ่งเชินก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดที่จะเอ่ยพูดอะไรออกมานั้น ก็ถูกจี้จิ่งเชินชิงพูดขึ้นมาก่อน “อย่าคิดมากนะครับ พวกเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ขาดใครไปไม่ได้หรอกครับ”
น้ำเสียงของเขาดูเผด็จการและมีความหนักแน่น ไม่ยอมให้พูดแทรก มีความมั่นใจและศรัทธายิ่งนัก