เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่819 สวนสนุกแห่งหนึ่ง
บทที่819 สวนสนุกแห่งหนึ่ง
จี้จิ่งเชินหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเสียเลย
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเขาที่ยั้งเอาไว้ แต่กลับเต็มไปด้วยความสุข
เวินเที๋ยนเที๋ยนชอบที่เขาหัวเราะแบบนี้ แล้วก็ชอบมองรอยยิ้มแบบนี้ของเขาด้วยเช่นกัน
ทำให้เธอลืมความยุ่งยากทุกอย่างไปอย่างเคลิบเคลิ้ม
“อย่าหัวเราะเลยค่ะ มาช่วยฉันสร้างปราสาททรายดีกว่า!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ส่งสัญญาณบอกให้เขานั่งลงแล้วมาช่วยเธอสร้างปราสาททรายด้วยกัน
“แต่ว่าผมเองก็สร้างไม่เป็นนะครับ”
จี้จิ่งเชินยอมรับออกมา
“สร้างยังไงก็ได้ค่ะ เพราะถึงยังไงฉันแค่รู้สึกว่าเป็นปราสาททรายก็พอแล้ว”
ว่าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็โรยทรายกำมือหนึ่งลงบนกองทราย
ทรายเม็ดละเอียดสีเหลืองทองหล่นลงบนกองทราย สร้างเป็นส่วนที่แหลมออกมาจากกองทรายที่โค้งมน
“นี่คือยอดของปราสาท”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลูบฝ่ามือพลางยิ้ม
จี้จิ่งเชินจึงพยักหน้าลงตาม “เที๋ยนเที๋ยนเก่งจริงๆเลยนะครับ นี่เป็นปราสาททรายที่สวยที่สุดเท่าผมเคยเห็นเลยครับ”
ได้ยินจี้จิ่งเชินเอ่ยชมแล้ว มุมปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความภูมิใจออกมา
ถึงแม้จะรู้ว่าปราสาททรายนี้เป็นงานที่หยาบเสียจนไม่รู้จะหยาบอย่างไรแล้วก็ตาม เป็นเพียงแค่กองทรายกองหนึ่งเท่านั้น
แต่จี้จิ่งเชินชื่นชมอย่างไม่ได้มีหลักการเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าถึงแม้นี่จะเป็นเพียงกองทรายกองหนึ่ง ในใจของเธอเองก็แทบไม่รู้สึกว่าต่างจากปราสาททรายไปซักเท่าไหร่นัก
“ดูสิคะ ปราสาททรายสร้างง่ายแค่นี้เอง” เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยขึ้นมองเขา “ช่วยฉันออกแบบสร้างปราสาทที่เป็นของพวกเราด้วยกันเป็นไงคะ?”
“ได้ครับ”
ดวงตาของจี้จิ่งเชินปรากฏรอยยิ้มขึ้น
เขายื่นมือเรียวยาวแล้วแทรกลงไปในทราย
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาแปลกๆ “พี่ทำอะไรคะ?”
“สร้างสวนสนุกให้เที๋ยนเที๋ยนไงครับ”
เขาเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ราวกับว่านี่เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างไรอย่างนั้น
และที่สำคัญคือ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอีกด้วย
ในเมื่อจะสร้างปราสาทขึ้นมาหลังหนึ่ง รากฐานจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้
หลังจากนั้นเธอก็เห็นว่ากองทรายกองเล็กๆที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวนั้นพังทลายลงเนื่องจากการขุดรากฐานนี้
ฉากนี้จี้จิ่งเชินเห็นแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“อย่าขำนะคะ!” เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันรู้สึกว่าสร้างปราสาทมันยากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราสร้างพีระมิดกันดีกว่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกความคิดที่ดีกว่าเดิมออกแล้ว
พีระมิดมีฐานกว้างยอดปลายข้างบนแหลม อีกทั้งรูปแบบยังง่ายอีกด้วย
เพียงแค่ก่อเป็นทรงปิระมิดสี่ด้านก็ได้แล้ว
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงเล็กน้อย แสดงความเห็นด้วย
ทั้งสองคนเริ่มกันสร้าง เล่นกันอย่างสนุกสนาน
ทันใดนั้นเอง จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้วขึ้น เขาหยิบเอาวิทยุสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋าออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้พบว่าวิทยุสื่อสารนั้นกำลังสั่นอยู่
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งสายตาเอ่ยถามเขา
“มีคนหาผมครับ”
จี้จิ่งเชินกล่าว แล้วเอามาวางแนบหู “ว่ามา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ยินเนื้อหาในวิทยุสื่อสารนั้น เธอเองก็ลุกขึ้นยืนตามมาด้วย รอจี้จิ่งเชินบอกเธอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จี้จิ่งเชินเงียบไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยพูดไปเพียงประโยคเดียว : “พาเธอมา”
แล้วเก็บวิทยุสื่อสารเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเอ่ยถาม
เธอคาดคิดไว้ว่าเป็นเรื่องทั่วๆไป คงจะไม่มีใครมารบกวนจี้จิ่งเชิน แต่ถ้าหากลูกน้องของเขาไม่สามารถจัดการได้ ถึงจะขอติดต่อมาหาจี้จิ่งเชิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรที่บ้านหรอกใช่ไหม?
มายังเกาะที่ไม่มีคนเลยก็ไม่ดีแบบนี้แหล่ะ ไม่สามารถจะติดต่อโลกภายนอกได้เลย
จี้จิ่งเชินเห็นสีหน้าท่าทางที่ดูเป็นกังวลของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จึงไม่ได้ปิดบังเธอ “ลูกสาวของอาหงน่ะครับ ได้ข่าวว่าอาหงเร่ร่อนมาที่นี่ แล้วไม่วางใจ ขอร้องผมให้เธอมาที่นี่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
พ่อออกหาปลาจนหายตัวไป ลูกสาวเป็นห่วงก็เป็นเรื่องปกติ
“ถ้าอย่างนั้นพี่รับปากเธอแล้วหรือยังคะ?”
ความจริงแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง จี้จิ่งเชินเหมือนกับว่าจะไม่ใช่คนที่พูดง่ายขนาดนั้นนี่?
บางทีก็มองความคิดในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนออก
จี้จิ่งเชินยกมุมปาก “แปลกใช่ไหมครับที่ทำไมผมถึงรับปากเธอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง
“เพราะผมรู้ ว่าคุณจะต้องอยากให้ผมรับปากเธออย่างแน่นอน เลยให้เฮลิคอปเตอร์พาเธอมาส่ง”
แววตาที่ลึกซึ้งของเขาจ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจขึ้นมาในทันที
แท้ที่จริงแล้วจี้จิ่งเชินรับปากลูกสาวของอาหง ก็เป็นเพราะเขาคำนึงถึงความคิดของเธอ……
ผู้ชายคนนี้ ละเอียดรอบคอบเสียจนน่ากลัว
“พี่รู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยากให้เธอมา ไม่แน่ถ้าฉันไม่อยากล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ยอม ยังคงอยากจะเล่นลิ้นอยู่เช่นนั้น
จี้จิ่งเชินยิ้ม ราวกับยอมในคำพูดของเธออย่างไรอย่างนั้น “แบบนี้หรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมรีบบอกนักบินก่อนให้เขารีบไล่ลูกสาวของอาหงกลับไป”
“อย่านะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนประหลาดใจ “เธอขึ้นเครื่องมาแล้ว พี่ยังจะไล่เธอลงไปอีกหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินกึ่งๆหัวเราะพลางมองเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้รู้สึกตัว ว่าตัวเองตื่นเต้นขนาดนี้ ได้เป็นการเปิดเผยความคิดของตัวเองออกไปหมดแล้ว
“พี่หลอกฉันนี่!”
เธอชี้จี้จิ่งเชิน ด้วยอาการเหมือนกำลังถูกแกล้ง
“ผมเปล่าซะหน่อย” จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอ่อนโยน “ถ้าหากคุณไม่ยอม ผมก็จะให้เธอกลับไป กลัวที่ไหนว่าเธอจะอยู่บนเครื่องหรือเปล่า”
ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไร เขาก็สามารถทำให้เธอได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นความยืนกรานอย่างมั่นคงของเขา จึงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน
“ฉันเชื่อพี่ค่ะ”
เพียงแค่ไล่คนลงมาจากเครื่องบิน ได้ยินแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก…..
รับรู้ได้ถึงการครุ่นคิดในสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น : “คุณกำลังคิดอะไรอยู่ครับ? คุณคงไม่คิดว่าผมจะจับตัวเธอโยนลงมากจากเครื่องบินจริงๆใช่ไหม?”
“………..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้เอ่ยพูดขึ้น เพียงแต่มองดูสีหน้าท่าทางของเขาที่แสดงออกถึงความคิดของเธอ
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ?
เธอยังไม่เคยเห็นคนที่ขึ้นเครื่องแล้วจะสามารถกลับไปได้
“เที๋ยนเที๋ยน คุณลืมว่านี่เป็นเฮลิคอปเตอร์หรือเปล่าครับ?”
“ถ้าหากเธออยากจะกลับ ก็แค่บินกลับไปก็ได้แล้วไม่ใช่หรือครับ?”
ได้ยินน้ำเสียงที่ล้อเลียนของจี้จิ่งเชินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อึ้งอยู่ตรงนั้น
ใช่สิ เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ ไม่ใช่เครื่องบินโดยสาร สถานที่ลงจอดไม่จำเป็นต้องใหญ่มากก็สามารถลงจอดได้
“ฉันลืมไปเลย…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลูบจมูกอย่างเขินๆ
เธอก็ว่าอยู่แล้ว จี้จิ่งเชินจะจับคนโยนลงมาจากเครื่องบินได้ยังไงกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว
เห็นว่าจี้จิ่งเชินยังคงกำลังจ้องมองเธออยู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ก้มหน้าลงแล้วเร่งรัดเขา : “รีบมาสร้างพีระมิดสิคะ!”
อย่ามาจ้องเธออีกเลย น่าอายจริงๆ!
บางทีมาได้ยินเสียงของหัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินก็ละสายตาออกมาด้วยความรู้สึกทึ่ง
เพียงแต่ตอนที่ย่อตัวลงนั้น เขาเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “เที๋ยนเที๋ยน ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าความคิดคุณจะ…..”
เขาเว้นวรรค ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดว่าจะใช้ถ้อยคำออกมาอย่างไร
หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตาที่ดูตื่นเต้นของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้น เขาจึงเอ่ยพูดต่อ : “แสดงออกโดยไม่ปิดบังความรู้สึกเลยแบบนี้”
แสดงออกโดยไม่ปิดบังความรู้สึกอย่างนั้นหรือ?
เอาเถอะ เธอยอมรับ ความคิดของเธอที่มีต่อเรื่องนี้นั้นดูจะเหนือความคาดหมายไปเสียหน่อย
แต่เธอนึกไม่ถึงในตอนแรกว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ไปรับไม่ใช่เครื่องบินโดยสาร
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาสัมผัสกับเฮลิคอปเตอร์ ความคิดที่คุ้นเคยเมื่อก่อนนี้มาส่งผลต่อการตัดสินตามปกติของเธอ
นั่นก็คงจะไม่ถึงระดับที่ว่าเป็นการแสดงออกโดยไม่ปิดบังความรู้สึกหรอกมั้ง?
จี้จิ่งเชินไม่ได้หยอกล้อเธอต่อ แล้วมาตั้งใจช่วยเธอก่อพีระมิด
ไม่นาน รูปร่างพีระมิดก็ปรากฏออกมาแล้ว
“ฉันบอกแล้วว่าพีระมิดทำง่าย ดูสิคะ พวกเราทำเสร็จแล้วแค่แป๊ปเดียวเอง!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยักคิ้วขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกภูมิใจ
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างเอ็นดู
“เที๋ยนเที๋ยนเก่งจริงๆเลยนะครับ”