เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่830 เรื่องเซอร์ไพรส์
บทที่830 เรื่องเซอร์ไพรส์
เวลาแบบนี้ให้จี้จิ่งเชินออกหน้ามานั้น เกรงว่าผลที่ได้จะตรงกันข้ามกับที่หวังไว้
ผ่านไปไม่นาน จี้จิ่งเชินก็ตอบกลับข้อความมาอีกครั้ง
“ก็ดีเหมือนกันครับ ถ้าอย่างนั้นคุณรออยู่ที่บริษัทตระกูลหล่อนนะ ผมจะให้คนขับรถไปรับคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมา
“ขอบคุณนะคะ”
เธอตอบกลับ
“ขอบคุณผมแค่นี้เองหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ่านการตอบกลับมาของจี้จิ่งเชินอย่างอึ้งๆ นิ้วหัวแม่มือวนอยู่ตรงหน้าจอ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกลับไปดี
เขาต้องการให้เธอขอบคุณเขาอย่างไรกัน?
คิดแล้วนั้น จู่ๆเวินเที๋ยนเที่ยนก็ลูบตรงช่วงท้องตัวเอง
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
ถ้าหากจี้จิ่งเชินรู้ว่าตัวเองท้อง จะมีอาการอย่างไรกัน?
แต่ในเมื่อตัดสินใจว่าจะทำเซอร์ไพรส์ ก็จะมีพิรุธเร็วแบบนี้ไม่ได้
เธอหัวเราะพลางตอบเขากลับไป : “อยากให้ขอบคุณยังไงล่ะคะ?”
การตอบกลับครั้งนี้เร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
“อยากจูบคุณ อยากกอดคุณครับ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดอ่านนั้น ตัวอักษรที่อยู่ด้านบน ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที
ทำไมคนๆนี้ถึง……
พูดถึงเงื่อนไขที่มันเป็นไปไม่ได้แบบนี้กัน
ขณะกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา
เป็นการเชิญวิดีโอคอลของจี้จิ่งเชินนั่นเอง!
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูการแจ้งเตือนนี้ด้วยความประหลาดใจ เธอลังเลก่อนที่จะเลื่อนกดรับ
“อยากจูบคุณ อยากกอดคุณจังครับ”
เพิ่งจะกดรับวิดีโอคอลนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ยินเสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้น
เมื่อครู่นี้เห็นเพียงแค่ตัวอักษร เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกเขินแล้ว ตอนนี้ได้ยินเขาพูดออกมาเอง ใบหน้าก็แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จี้จิ่งเชินนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน กำลังมองเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยน
ใบหูของเวินเที๋ยนเที๋ยนร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด
“แต่ว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ออฟฟิศนี่คะ……”
เธอควรจะมีเหตุผลพอแล้วสามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มที่สิถึงจะถูก แต่เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่หยอกล้อของจี้จิ่งเชินแล้ว กลับไปไม่เป็นเลยเสียอย่างนั้น
สุดท้ายแล้ว เธอก็ยิ่งก้มหน้าลงไม่ยอมมองเขา
“ผมเข้าใจแล้ว”
น้ำเสียงงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นผ่านลำโพง “เที๋ยนเที๋ยน มองผมสิครับ”
ราวกับว่าเป็นเวทมนต์ที่ทำให้ลุ่มหลงอย่างไรอย่างนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เห็นเพียงแค่เขาเอานิ้วชี้และนิ้วกลางวางลงบนริมฝีปากบางของตัวเอง
จากนั้นก็ส่งผ่านหน้าจอโทรศัพท์มาให้
สีหน้าท่าทางที่รักใคร่และอาการใจจดจ่อของเขานั้น เปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นจูบที่เหมือนจริง
หรือแม้กระทั่งเธอรู้สึกว่าจูบนี้มาประทับลงบนริมฝีปากของตัวเองเสียด้วยซ้ำ
“จูบคุณแล้วนะครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขามีเสน่ห์
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงก่ำ เธอก้มหน้าลง แทบจะหาที่มุดลงไปอยู่แล้ว
“อืม…….” เสียงตอบกลับเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆดังขึ้นในลำคอ
เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว จี้จิ่งเชินจึงหัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน และไม่ได้ดึงดันอีก “ยังมีอีกเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึงครับที่ผมยังไม่ได้บอกคุณ”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เรื่องสำคัญอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าจี้จิ่งเชินจะรู้แล้วว่าเธอท้อง?
เธอมองพิจารณาจี้จิ่งเชินด้วยความสงสัย เห็นอาการที่ดูจริงจังของเขา จึงปฏิเสธความคิดนี้อยู่ในใจอย่างเงียบๆ
ถ้าหากเขารู้เรื่องลูกแล้วจริงๆ ก็คงจะไม่แสดงอาการเช่นนี้ออกมา
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็ได้ยินจี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้น : “เดินทางปลอดภัยนะครับ ดูแลตัวคุณเองแทนผมด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอียงหน้า อย่างรู้สึกงงๆอยู่บ้าง
จี้จิ่งเชินจ้องมองเธอ ด้วยแววตาแห่งความรักที่ไม่สามารถเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้เลย
“เพราะคุณคือคุณนายจี้ เป็นภรรยาของผมจี้จิ่งเชิน แม้แต่เส้นผมเพียงแค่เส้นเดียว ก็ล้วนแต่เป็นของผมเพียงคนเดียว”
“เพราะฉะนั้น กรุณาดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ อย่าทำให้ผู้ชายของคุณต้องเป็นห่วงนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชินแล้ว จึงก้มหน้าลงอย่างอายๆ
เธอไม่ใช่เด็กสามขวบที่ไม่ได้มีความสามารถในการดูแลตัวเองเสียหน่อย ที่ต้องคอยให้เขาเป็นกังวลแบบนี้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เธอก็รู้สึกซึ้งใจยิ่งนัก
เธอโชคดีขนาดไหนกันถึงได้รับความจริงใจจากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้?
“ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีนะคะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถพูดขัดเขาได้เลย “จะไม่ทำให้พี่ต้องเป็นห่วงนะ”
เธอกล่าวล่ำลาจี้จิ่งเชินด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ “เจอกันตอนเย็นนะคะ”
“เจอกันตอนเย็นครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเรียกเขาไว้ แล้วเอ่ยขึ้น : “ฉันมีเซอร์ไพรส์ให้พี่ด้วย พี่จะต้องชอบมากแน่ๆ รอฉันกลับมานะคะ”
จี้จิ่งเชินยิ้ม
“ผมรอคุณนะ”
วางสายจากวิดีโอคอลไปแล้ว อุณหภูมิความร้อนบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนั้นก็ยังคงไม่จางหายไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับหน้าตัวเอง รอจนกระทั่งความร้อนที่แก้มของตัวเองนั้นลดลง
นึกถึงว่าจะเอาผลไม้ไปฝากหลวนจื่อด้วยแล้ว กลับไม่สามารถควบคุมความคิดของตัวเองที่เอาแต่นึกถึงจูบเมื่อครู่ของจี้จิ่งเชินได้เลย……
ไม่ถูกสิ ทำไมนึกถึงตอนนั้นอีกแล้ว!
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาผู้ช่วยให้เขาไปช่วยเลือกกระเช้าผลไม้ให้
ตอนที่ออกมานั้น คนขับรถได้มารอเธอตรงหน้าประตูบริษัทแล้ว
“คุณนายจี้ เชิญครับ”
คนขับรถเปิดประตูรถให้เวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วผู้ช่วยก็เอากระเช้าผลไม้ใส่ตรงท้ายรถ
ขึ้นรถมาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยถามอย่างขำๆ “ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เรียกฉันว่าคุณหนูนี่ ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนคำเรียกซะล่ะคะ?”
คนขับรถตอบขณะบังคับพวงมาลัย : “คุณจี้สั่งเอาไว้น่ะครับ”
“จี้จิ่งเชิน?”
“ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับ ยังมีพนักงานในบริษัทอีก ต่อไปถ้าเจอคุณก็จะเรียกคุณว่าคุณนายจี้กันทั้งนั้น”
คำพูดของคนขับรถนั้น ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงกับพูดไม่ออก
ผู้ชายคนนี้ ดูแล้วไม่เพียงแค่อยากจะให้พนักงานของเธอรู้ว่าพวกเขาแต่งงานกันแล้วเท่านั้น เพราะแม้แต่พนักงานของตัวเองก็ไม่ยอมปล่อยไปเหมือนกัน
ถึงแม้จะรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เลวเลย
รถขับไปเรื่อยๆ บ้านของหลวนจื่ออยู่ชานเมือง เดินทางไปนั้นต้องใช้เวลาซักพักหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังอ่านข้อมูลของบริษัทในมือตัวเอง
ปึง!
จู่ๆทางด้านนอกก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น รถสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง แล้วจอดอยู่ตรงที่เดิม
“เกิดอะไรขึ้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามอย่างงุนงง
คนขับรถขมวดคิ้วขึ้น แล้วรีบเปิดประตูรถ “คุณนายจี้รอซักครู่นะครับ ผมลงไปดูก่อน”
ว่าแล้ว เขาก็ไปเอาแม่แรงจากท้ายรถมา แล้วยกยางรถที่แตกนั้นขึ้นมา
“ตะปูครับ ตะปูเจาะยางรถแตกครับ”
คนขับรถเอ่ยขึ้นอย่างสูญเสียความมั่นใจ : “บริเวณใกล้ๆนี้ไม่มีร้านซ่อมรถเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้เอายางอะไหล่ติดมาด้วย”
“จากที่นี่ไปถึงบ้านของหลวนจื่ออีกไกลไหม?”
คนขับรถกล่าวขึ้นอย่างลำบากใจ : “ถ้าเดินไปอย่างน้อยๆก็สี่สิบนาทีครับ……”
วันนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนใส่รองเท้าส้นสูง เดินไปแบบนี้ก็คงจะเดินลำบาก เธอจึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีด้วยลำบากใจ “ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดีคะ?”
แถวๆนี้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับหมู่บ้านหรือร้านค้าเลย นอกเสียจากว่าจะมีรถผ่านมาแล้วยอมให้ความช่วยเหลือ
มิเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะทำได้เพียงแค่ต้องขอให้ร้านซ่อมรถลากรถไปแล้ว
แต่ปัญหาก็คือ ตลอดทางตอนที่พวกเขามานั้น ไม่เห็นมีรถคันอื่นเลยนี่สิ
“อย่างนี้แล้วกันครับ เดี๋ยวผมหาเพื่อนผมให้ช่วยเอายางอะไหล่มาเปลี่ยนให้ จะได้ไม่ทำให้คุณนายจี้เสียเวลานะครับ”
“รบกวนด้วยนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ลงจากรถตามไปด้วย แต่นั่งอยู่บนรถแล้วหลับตาลงพักสายตา
แต่จนผ่านไปซักพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นคนขับรถกลับมา
เธอจึงลืมตาขึ้นมาด้วยความสงสัย แล้วมองไปยังนอกหน้าต่าง มีเงาของคนขับรถเสียที่ไหนกัน?
หรือว่าคนขับรถจะไปแล้ว?
ไม่หรอก คนขับรถบอกว่าจะหาเพื่อนมาช่วย เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งเธอกับรถไว้ตรงนี้
เกิดอะไรขึ้น?
คิดเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเปิดประตูรถด้วยความสงสัย แล้วเตรียมที่จะไปดูสถานการณ์
แต่เพิ่งจะลงมาจากรถ ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกเจ็บตรงท้ายทอย
ของหนักอะไรบางอย่างกระแทกเข้าทางด้านหลังศีรษะของเธอ แล้วก็เกิดความรู้สึกมึนขึ้นมาทันที!
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถเปล่งเสียงตะโกนเรียกออกมาได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว และก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว