เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่835 เบาะแสใหม่
บทที่835 เบาะแสใหม่
วิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้เพียงแค่ต้องตอบตกลงกับความต้องการของเวินหงไห่ไปก่อนชั่วคราว
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตามใจ ทำให้เขาตายใจและผ่อนคลายความระแวดระวังนี้ลง
แต่ครั้งนี้เวินหงไห่กลับเตรียมตัวเอาไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่แรกแล้ว จึงเอ่ยพูดขึ้นด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก : “คิดจะหลอกถามฉัน? ขอโทษนะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดหรอก”
เขาก้มลงมองเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “ทางที่ดีที่สุดเธอประพฤติตัวดีๆเอาไว้หน่อยนะ ไม่อย่างนั้น อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า
เธอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที แล้วก้มลงมองไปที่ท้องของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของลูกไหม
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะต้องปกต้องลูกของตัวเองให้ดี จะให้เวินหงไห่รู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
มิเช่นนั้นแล้ว เขาจะต้องใช้มาขู่จี้จิ่งเชินอย่างแน่นอน!
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัดสินใจอย่างเงียบๆ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
เธอเอ่ยพูดออกมาอย่างอ่อนแอ : “คุณลักพาตัวฉันมา ถ้าถูกจับได้ จะต้องเผชิญกับการลงโทษเป็นระยะเวลานาน ทำแบบนี้มันคุ้มกันหรือ?”
“เธอรู้ได้ยังไงว่ามันไม่คุ้ม?” เวินหงไห่หัวเราะเยาะพลางย้อนถามกลับ
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ตอนนี้ตระกูลเวินก็เหลือเพียงแค่คุณคนเดียวใช่ไหม? เพื่อให้คนตระกูลเวินหลงเหลืออยู่ เวินฉี่ถึงได้แบกรับความผิดทุกอย่างเอาไว้เอง แต่คุณกลับทำเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ”
พูดถึงเรื่องของเวินฉี่แล้ว สีหน้าของเวินหงไห่ก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
เขาคว้าคอเสื้อของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ แทบจะยกตัวเธอขึ้นมา
กัดฟันพลางเอ่ยขึ้น : “เธอยังกล้าพูดเรื่องพวกนี้อีกหรือ? ถ้าหากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอ ตระกูลเวินจะกลายเป็นแบบนี้ไหม? สิ่งที่พ่อยึดติดมากที่สุดก็คือหมิงเฮ่า! ฉันจะต้องแย่งตัวเขากลับมาให้ได้ แล้วต้องให้พวกเธอชดใช้ด้วย!”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ฝืนหัวเราะออกมา
“แบบนี้ คุณก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยฉันไปจริงๆ แต่ถ้าหากคุณทำแบบนี้ ก็จะยิ่งทำให้หมิงเฮ่าเกลียดคุณมากขึ้น”
“เขายังเด็ก ไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรถูกอะไรผิด? รอให้เขาโตขึ้น ก็จะเข้าใจฉันได้เอง”
เวินหงไห่หัวเราะเยาะ แล้วปล่อยเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับที่เดิม
“สองสามวันนี้เธอก็อยู่ที่นี่ไปแล้วกัน อย่าคิดหนีล่ะ!”
ว่าแล้ว เขาก็หยิบกรรไกรที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วตัดดอกไม้สีสันสวยงามที่บานอยู่ในแจกันออก
ดอกไม้บานหล่นลงพื้น แต่เวินห่งไห่กลับแสยะยิ้มออกมา
แล้วยกเท้าเหยียบขยี้ลงไปทำให้ดอกไม้แหลกละเอียด แล้วถึงได้เดินออกไปในที่สุด
เสียงดังปึง ประตูถูกปิดลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงล็อคกลอนประตูจากทางด้านนอก หัวใจที่ตื่นเต้นอยู่นั้นจมดิ่งลงในทันที
ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินจะสามารถหาตัวเธอเจอหรือเปล่า…..
อีกทางด้านหนึ่งนั้น เป็นครั้งแรกที่จี้จิ่งเชินกลับดูลุกลี้ลุกลนแบบนี้
ในหัวของเขามีเสียงสะท้อนกลับดังอย่างต่อเนื่อง
เที๋ยนเที๋ยนท้องแล้ว
เที๋ยนเที๋ยนถูกลักพาตัวไป เป็นตายอย่างไรก็ยังไม่รู้
สองประโยคนี้ดังสะท้อนในหัวของเขาอย่างไม่หยุด เสียงสะท้อนแต่ละครั้ง ก็ทำให้จิตใจของเขาจะระเบิดอยู่แล้ว!
ระหว่างทางจากที่นั่นกลับมายังคฤหาสน์ นิ้วมือของจี้จิ่งเชินนั้นสั่นอยู่ตลอด
เพียงแค่นึกถึงรอยเลือดที่อยู่บนพื้นของเที๋ยนเที๋ยนแล้ว หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเสียจนไม่สามารถจะหายใจได้
ให้ทุกคนออกตามหาร่องรอยของเวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับคนบ้า ถึงแม้จะเป็นเบาะแสเล็กๆก็จะให้พลาดไปไม่ได้เช่นกัน
กลับมาถึงคฤหาสน์ กลับเห็นหลวนจื่อและหมินอันเกอเข้ามา
นั่นเป็นเพราะคำขอที่กะทันหันของหมินอันเกอ ระหว่างทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไปหาหลวนจื่อ ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ถึงแม้จะรู้ว่าต่อให้ไม่ใช่เรื่องครั้งนี้ โจรที่ลักพาตัวไปก็คงจะหาโอกาสอื่นลงมือ แต่จี้จิ่งเชินเห็นพวกเขาแล้ว ในใจนั้นก็ปรากฏความโมโหออกมา
หลังจากหลวนจื่อรู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนหายตัวไป จึงรีบมากับหมินอันเกออย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินกลับมา ถึงแม้ว่าจะเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเขา แต่ก็ยังรีบเดินเข้าไปหา
หมินอันเกอเห็นเธอวิ่งเข้าไปอย่างลนลาน แล้วรีบตามเธอมาด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวก่อนครับ! หลวนจื่อคุณระวังหน่อยสิ!”
แต่หลวนจื่อในเวลานี้ไม่ได้สนใจอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว รีบเข้ามาหาจี้จิ่งเชินอย่างรวดเร็ว
“คุณจี้ ได้ข่าวเที๋ยนเที๋ยนแล้วหรือยังคะ?”
เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินแล้ว หลวนจื่อจึงรีบเข้ามาถาม
ท้องของเธอนั้นนับวันยิ่งใหญ่ขึ้น หมินอันเกอกลัวว่าเธอจะใจร้อน จึงรีบประคองเธอเอาไว้
จี้จิ่งเชินเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ด้วยอาการที่เย็นชา แล้วก้าวเท้าเดินผ่านไปเลย
“จี้จิ่งเชิน!” หลวนจื่อรีบเรียกเขาเอาไว้ แล้วขวางหน้าจี้จิ่งเชิน “ฉันรู้ว่าที่เที๋ยนเที๋ยนถูกลักพาตัวไปมันเกี่ยวข้องกับฉัน แต่ฉันก็เป็นห่วงเที๋ยนเที๋ยนจริงๆ รบกวนคุณบอกฉันหน่อยนะคะว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง”
ขาของจี้จิ่งเชินชะงักหยุดลง แล้วเงียบไปพักหนึ่ง ถึงได้ส่ายหน้าออกมา
“ช้าไปก้าวนึง” แววตาของจี้จิ่งเชินมืดมน น้ำเสียงแห้งเผือด ราวกับเค้นเสียงให้ออกมาจากลำคอ มือกำหมัดเอาไว้แน่น “ถูกคนที่ลักพาตัวนั่นย้ายหนีไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะความบังเอิญ มันก็คงจะรู้ข่าวก่อนล่วงหน้า”
หลวนจื่อและหมินอันเกอได้ยินแล้ว จึงมองสบตากันอย่างรู้สึกโทษตัวเอง
หมินอันเกอเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด : “ถ้าหากไม่ใช่เพราะผมให้เที๋ยนเที๋ยนไปหาหลวนจื่อ บางทีก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมนี่มันสมควรตายจริงๆ!”
“เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเองค่ะ”
หลวนจื่อเองก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็คงจะไม่รีบมา แล้วก็คงจะไม่ถูกคนลักพาตัวไปอีกด้วย
“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าอย่างนั้นเที๋ยนเที๋ยนเธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
“เธอ…….”
จี้จิ่งเชินกำลังจะเปิดปากเอ่ยพูดขึ้นนั้น คิดถึงสถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนในตอนนี้แล้ว เรื่องที่เธอท้อง ไม่ต้องให้คนอื่นรู้คงดีที่สุด
ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่ลักพาตัวไปรู้ข่าวได้อย่างไร ไม่ควรจะให้คนอื่นรู้เป็นดีที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าหากรู้ไปถึงหูคนที่ลักพาตัวไปก็คงจะแย่น่าดู
“คงจะได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย”
พูดไปพลาง จี้จิ่งเชินก็กำหมัดเอาไว้แน่น
ในช่วงจังหวะที่สำคัญแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะได้รับข่าวเรื่องที่เที๋ยนเที๋ยนท้อง
ความปลอดภัยของภรรยากับลูกของเขา ล้วนแต่ไปผูกอยู่ติดกับโจรลักพาตัวนั่นคนเดียว!
หลวนจื่อเห็นรูปถ่ายที่มีเลือดเหล่านั้นแล้ว ก็อดที่จะปิดปากตัวเองไว้ไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาในทันใด
ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับเที๋ยนเที๋ยน……
เธอจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลยตลอดชีวิต!
หมินอันเกอขมวดคิ้ว สีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก
หลังมือของจี้จิ่งเชินนั้นมีเส้นเลือดปรากฏขึ้น เห็นได้ว่าที่เขากำหมัดอยู่นั้นใช้แรงมากขนาดไหน
แม้ว่าปกติแล้วเขาจะเด็ดขาดแค่ไหน แต่เรื่องเกี่ยวกับภรรยาและลูก ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของจี้จิ่งเชินได้
แต่เวลานี้ จี้จิ่งเชินต้องรักษาความนิ่งเอาไว้
เขาฝืนความกังวลที่อยู่ในใจนี้ พลางเอ่ยขึ้น : “อย่าเพิ่งกระวนกระวายไปเลย ในเมื่อโจรลักพาตัวไปแล้ว ก็แสดงว่าต้องมีความต้องการอะไร พวกเรารอให้มันติดต่อกลับมาก่อนแล้วกัน”
เพิ่งจะสิ้นเสียงนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของจี้จิ่งเชินก็ดังขึ้น
เขาขมวดคิ้ว พลางกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล? มีเบาะแสใหม่อีกแล้วใช่ไหม?”
“เปล่าครับ…….”ทางฝั่งบอร์ดี้การ์ดนั้นอ้ำๆอึ้งๆ
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เคร่งขรึม : “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พูดมา!”
“ครับ ประธานจี้!” บอร์ดี้การ์ดขึ้นเสียงสูง แล้วเล่าเรื่องที่ค้นพบมานั้นออกมารอบหนึ่ง
และเอ่ยพูดจบแล้วนั้น สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็เปลี่ยนไปทันที “นายว่าอะไรนะ?