เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่878 พวกเราจะสบายดี ผมรับประกัน
บทที่878 พวกเราจะสบายดี ผมรับประกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรักษาอาการป่วยของตัวเองอยู่สองสัปดาห์ถึงได้ออกจากโรงพยาบาล เธอไม่ได้บอกเรื่องที่เธอไม่สบายกับหลวนจื่อ
ในจดหมายที่หลวนจื่อส่งมานั้นก็ล้วนมีแต่ข่าวดีทั้งสิ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวลว่าเธอจะบอกแต่เรื่องดีๆ จึงให้จี้จิ่งเชินไปเยี่ยมเยียนเธอเสียหน่อย
หลังจากที่กลับมาแล้ว จี้จิ่งเชินก็บอกเธอ : “ทุกอย่างดีหมดครับ”
“ไม่ได้โกหกฉันจริงๆใช่ไหมคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย จี้จิ่งเชินกับหลวนจื่อล้วนแต่เป็นเหมือนกัน รายงานแต่เรื่องดีๆ กลัวว่าเธอจะเป็นกังวล
ถ้าหากจี้จิ่งเชินไม่พูดความจริง เธอเองก็จะต้องเชื่อเขาแล้วเหมือนกัน
“คุณไม่เชื่อคำพูดของผมหรือครับ?” จี้จิ่งเชินเอาแอปเปิ้ลที่ปอกเสร็จเรียบร้อยแล้ววางลงบนโต๊ะเล็กทางด้านหน้าเธอ “แม้แต่คุณก็ไม่เชื่อผม ผมควรจะต้องเสียใจสินะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ครั้งนี้ฉันเชื่อพี่”
เธอเองก็หวังว่าหลวนจื่อจะดีในทุกๆอย่างเช่นกัน
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง “จะถึงกำหนดคลอดแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้หลวนจื่อเป็นยังไงบ้างนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่ จี้จิ่งเชินก็สามารถคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว
เธออยากจะไปเยี่ยมหลวนจื่อที่โรงพยาบาล
แต่ร่างกายของเธอในตอนนี้ จะเป็นการดีที่สุดคือไม่ต้องออกไปไหน
สายตาที่ดูสงสารของจี้จิ่งเชินมองไปยังใบหน้าที่ซีดขาวของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ถึงแม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้ว แต่ร่างกายของเธอนั้นกลับค่อยๆอ่อนแอลง
ช่วงเวลานอนหลับยาวนานขึ้น และช่วงเวลาที่ตื่นนั้นกลับน้อยลง
จี้จิ่งเชินเห็นเธออ่อนแอลง แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้รับรู้ถึงแววตาที่ดูเงียบๆไปนี้ของจี้จิ่งเชิน เธอยังจมอยู่กับความกังวลนี้ “แต่ฉันไม่ได้เห็นว่าเธอสบายดีกับตาตัวเอง ฉันจะวางใจได้ยังไงล่ะคะ?”
“เอาล่ะครับ ผมรับปากคุณนะ รอให้เธอคลอดวันนั้น จะต้องพาคุณไปอย่างแน่นอน”
จี้จิ่งเชินใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มแอปเปิ้ลให้เธอชิ้นหนึ่ง แล้วยื่นไปตรงปากของเธอ “จะไปเยี่ยมเธอตอนนี้หรือว่าจะไปดูเธอตอนนั้น คุณเลือกเอานะ”
เลือกหนึ่งอย่างหรือ?
ถ้าหากเลือกได้เพียงแค่อย่างเดียวในสองตัวเลือกนี้ น้ำหนักอย่างหลังนั้นมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นกังวลนั้นก็คือตรงจุดนี้ เธอต้องการที่จะเฝ้าหลวนจื่อจนกระทั่งเธอคลอดลูกออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตา พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง : “ถ้าอย่างนั้นฉันเลือกหมดเลยได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ครับ”
เป็นอย่างที่คิด จี้จิ่งเชินปฏิเสธเธอออกมาเลย “เลือกได้เพียงแค่อย่างเดียว”
ไม่มีทางหนีทีไล่บ้างเลยแม้แต่นิดเดียว
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำปากมุ่ย แต่ก็เพื่อให้สามารถไปเฝ้าตอนที่หลวนจื่อจะคลอดได้นั้น เธอเองก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก
เธอกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะเปลี่ยนใจ แล้วไม่ให้เธอไปอีก
เธอจึงเริ่มที่จะมุ่งหวังให้วันนั้นมาถึง
หลังจากนั้นสองสัปดาห์ ในที่สุดหลวนจื่อทางนั้นก็มีส่งข่าวคราวมาแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้มาจากจี้จิ่งเชินว่าหลวนจื่อเตรียมจะคลอดแล้ว เธอถูกส่งตัวเข้าไปในห้องคลอดเรียบร้อยแล้ว
เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมาที่โรงพยาบาลกับจี้จิ่งเชินอย่างรีบร้อน
ด้านนอกห้องคลอด หมินอันเกอเดินไปเดินมาอย่างไม่สงบเท่าไรนัก เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินมาถึงแล้ว จึงรีบเข้ามาหา “พวกคุณมากันแล้ว”
คนของตระกูลหลวนก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่พวกเขากับหมินอันเกอนั้นไม่ได้คุ้นเคยกัน
ถึงแม้ว่าหมินอันเกอจะไม่แน่ใจ ก็จะไม่พูดกับพวกเขาเช่นกัน
และการมาของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินนั้น รับกับเป็นการหาเจอความสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยๆเขาก็ไม่กระวนกระวายเหมือนก่อนหน้านี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าให้เขา พลางเอ่ยถาม : “ตอนนี้หลวนจื่อเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย เข้าห้องคลอดไปแล้ว แต่คุณหมอกับพยาบาลยังไม่ออกมาเลยครับ”
หมินอันเกอพูดจบแล้ว ก็เม้มริมฝีปาก ตรงหว่างคิ้วนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
ได้ยินคนอื่นพูดว่า ผู้หญิงคลอดลูกก็เหมือนกับการเดินผ่านประตูนรก อย่างน้อยๆก็ครึ่งชีวิตของเธอ
อีกทั้งตอนที่เพิ่งจะเริ่มต้นนั้น หลวนจื่อดูมีท่าทางเจ็บปวดมากจริงๆ
“ทำยังไงดี ผมอยากจะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ” หมินอันเกอยืนอยู่ตรงประตูหน้าห้องคลอด จ้องมองไปยังประตูบานใหญ่บานนั้น “หลวนจื่อไม่เห็นผม เธอจะกลัวหรือเปล่า?”
“เธอกลัวเจ็บที่สุดแล้ว…….”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก มองดูท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของหมินอันเกอ ถึงแม้เธอจะร้อนใจกว่านี้ ก็จะไม่แสดงอาการออกมา
แต่ เธอควรจะปลอบใจหมินอันเกออย่างไรดี?
เธอสามารถควบคุมความกังวลของตัวเองเอาไว้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ถ้าหากเธอสามารถปลอบใจหมินอันเกอได้ ตัวเองก็คงจะไม่ต้องมาเป็นกังวลแบบนี้
เธอมองไปทางจี้จิ่งเชินด้วยจิตใต้สำนึก
จี้จิ่งเชินได้รับสายตาขอความช่วยเหลือจากเวินเที๋ยนเที๋ยน เขายกยิ้มให้เธออย่างปลอบประโลม
“อย่ากังวลไปเลยครับ มาตรฐานแต่ละรายการของหลวนจื่อดีมาก จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เพื่อความสบายใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาจึงไปทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของหลวนจื่อมาโดยเฉพาะ
คิดไม่ถึงว่าเวลานี้จะสามารถเอามาใช้ได้
ภายใต้การปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆของจี้จิ่งเชินนี้ ทำให้หมินอันเกอและเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้เป็นอย่างมาก
พวกเขานั่งพากันตั้งหน้าตั้งตารอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่น ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ
จี้จิ่งเชินรู้ว่าเวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องเป็นกังวลมากอย่างแน่นอน
แต่หมินอันเกอก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอกลัวว่าความกังวลของตัวเองจะส่งผลกระทบต่อเขา
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน : “มากับผมหน่อยครับ”
“ตอนนี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “แต่ว่าฉัน…….”
จี้จิ่งเชินไม่รอให้เธอพูดจบ ก็พูดตัดบทเธอเลย “ใช่ครับ ตอนนี้”
ถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเป็นกังวลกับหลวนจื่อ แต่เห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของจี้จิ่งเชินแล้ว อาจจะเป็นมีเรื่องสำคัญที่ต้องการจะพูดกับเธอ
เธอลังเล แล้วจึงพยักหน้าลง
จี้จิ่งเชินพยักหน้ากับหมินอันเกอ แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปจากตรงประตูห้องคลอด แล้วเลี้ยวไปตรงทางบันไดที่เงียบสงบ
“มีเรื่องอะไรจะต้องพูดตอนนี้อย่างนั้นหรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างประหลาดใจ เมื่อกี้เธอไม่ได้ถาม เพราะรู้สึกว่าคนนิสัยอย่างจี้จิ่งเชิน คงจะไม่ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์
เขาจะต้องมีเหตุผลของตัวเองอย่างแน่นอน
“ยืนอยู่ตรงนั้นจะยิ่งทำให้คุณเป็นกังวล” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดกับเธอเบาๆ “ตอนนี้สิ่งที่คุณทำได้ก็คือรอ”
“แต่หลวนจื่อยังอยู่ในนั้น ฉันไม่เป็นกังวลไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็อยากจะไม่คิดอะไรมาก แต่นั่นคือหลวนจื่อ เธอจะไม่กังวลได้เสียที่ไหนกัน?
อารมณ์ของเธอนั้นจี้จิ่งเชินรับรู้ทั้งหมด
“ไม่ต้องกังวลนะครับ” จี้จิ่งเชินครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาดูโลก เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงเล็กน้อย “จะว่าแบบนั้นก็ได้……”
“วางใจเถอะนะ ผมหาหมอที่ดีที่สุดแล้ว จะไม่มีปัญหาอะไรอย่างเด็ดขาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วมองมาทางจี้จิ่งเชิน พลางเอ่ย : “ตอนนี้พี่นิ่งได้ขนาดนี้ ถ้าหากตอนนั้นเปลี่ยนเป็นฉันบ้าง….”
“ผมก็คงเป็นบ้า” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินนั้นหนักหน่วงเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไป แล้วก็ไม่ได้เอ่ยพูดขึ้นมาอีก
จี้จิ่งเชินกอดเธอเอาไว้แล้วก้มลงมาจูบผมเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับรู้ถึงความเศร้าที่มาจากทั้งร่างกายของเขา จึงยิ้มพลางปลอบใจเขา : “พี่ระวังนะ ไม่รู้ว่าฉันจะสามารถทนได้จนถึงวันนั้นหรือเปล่า……”
มือที่วางอยู่ตรงเอวของเธอนั้นกระชับแน่นขึ้น แล้วเอ่ยขึ้นขัดคำพูดของเธอ
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ!”
น้ำเสียงของเขาจริงจังและลึกซึ้งมาก
“คุณจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี ลูกของเราเองก็จะสบายดีด้วยเหมือนกัน ผมรับประกัน”
มุมปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนฝืนยิ้มออกมา
จะผ่านไปได้ด้วยดีใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินและพ่อแม่ของเธอจะไม่พูด แต่เธอเองก็รับรู้ได้
ร่างกายของตัวเองนับวันก็ยิ่งเลวร้าย และอ่อนแอลงไปทุกทีแล้ว