เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่896 ลูกกับภรรยา คุณเลือกใคร?
บทที่896 ลูกกับภรรยา คุณเลือกใคร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับแม่ครัวมองสบตากัน ต่างก็มองเห็นความเหลือเชื่อจากแววตาของอีกฝ่าย
ชายสูงวัยคนนี้ตอนแรกก็ดูจะไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด แต่ราวกับว่าถูกใครโน้มน้าวใจ ถึงได้ฝืนตอบรับออกมา
สีหน้าแบบนั้น และท่าทางที่เปลี่ยนไป ช่างแตกต่างมากเหลือเกิน
ราวกับว่ามีใครที่พูดอะไรกับเขาอยู่จริงๆ
ถึงแม้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีการมีตัวตนอยู่ของสิ่งที่เหนือธรรมชาติ แต่เวลานี้เองจะไม่ระวังขึ้นมาก็คงไม่ได้เสียแล้ว
เวลานี้ ชายสูงวัยมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่พอใจ “แม่หนู ฉันให้เธอนั่งแล้ว ทำไมเธอไม่นั่งลงล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนงง จากนั้นจึงรีบเอ่ยพูดขึ้นมา : “ขอโทษนะคะ ฉันเหม่อไปหน่อย”
แต่ชายสูงวัยกลับมองเธออย่างน้อยใจ “เอาล่ะๆ ผมรู้แล้วว่าเธอท้องอยู่ ผมไม่ว่าเธอแล้วโอเคไหม คุณอย่าโมโหสิ!”
แล้วเขาก็มองไปยัง….อากาศที่อยู่ตรงหน้า
และนี่ยิ่งทำให้ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นรู้สึกสงสัย เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วเลือกที่จะนั่งลง
เธอเอียงหน้ามอง เห็นเพียงแค่ชายสูงวัยมองเธออย่างแปลกๆ
“ทำไมเธอยังกล้าเข้ามา?”
“อะไรนะคะ?”
ชายสูงวัยเอ่ยพูดออกมาอย่างโมโห : “พวกเขารู้สึกกันว่าฉันเป็นพวกประสาท แล้วทำไมเธอยังจะกล้าเข้ามาอีก?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบางๆออกมา
“ก็คุณปู่เชิญฉันมานี่คะ”
ว่าแล้ว ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย : “แต่ฉันอยากจะถามคุณปู่ว่าทำไม…..อืม จะต้องทำแบบนี้คะ?”
เดิมทีเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดคำเอาไว้ว่า “หลอกลวง” แต่มาคิดดูแล้วดูเหมือนคำนี้จะไม่ค่อยมีมารยาทซักเท่าไรนัก เธอจึงเปลี่ยนวิธีพูด
แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้ชายสูงวัยนั้นเข้าใจในความหมายของเธอเลย
เขาหัวเราะ แล้วนั่งลงข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน “ภรรยาฉันตายไปตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไป จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะคะ ทำให้คุณปู่ต้องมานึกถึงเรื่องเสียใจแบบนี้”
“เสียใจงั้นหรือ? คงไม่หรอก” ชายสูงวัยส่ายหน้า “ยี่สิบปี นับว่าเป็นช่วงเวลาที่นานมากๆแล้ว”
“คุณปู่หมายความว่า คุณปู่ปล่อยวางได้แล้วหรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับไม่ได้คิดแบบนั้น
ถ้าหากชายสูงวัยคนนี้ปล่อยวางได้ล่ะก็ จะมาจมอยู่กับความสุขที่แลกเปลี่ยนกับคนที่จากไปแล้วและไม่ได้มีตัวตนอยู่แบบนี้ทำไมกัน?
ท่าทางที่ข้างๆกายนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว นั่นก็สามารถอธิบายได้แล้วว่า เขายังคงคิดถึงภรรยาของเขาอยู่ และไม่เคยปล่อยวางได้เลย
“ฉันไม่รู้ว่าจะนับว่าปล่อยวางได้ไหม แต่การคิดถึงเขาในทุกๆวันได้กลายเป็นความเคยชินในชีวิตฉันไปแล้ว หรือบางทีจะบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้”
ชายสูงวัยยกริมฝีปากขึ้น ราวกับนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่อยู่ด้วยกันกับภรรยา
ดวงตาของเขานั้นฉายความคิดถึงออกมา “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกมาอย่างไร ฉันบอกได้เพียงแค่ว่า ฉันใช้เวลายี่สิบปี ถึงได้ทำให้ฉันละทิ้งความคิดที่อยากจะไปกับเธอได้”
“………”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองชายสูงวัยอย่างประหลาดใจ “คุณปู่ใช้เวลายี่สิบปี ไป…..”
เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปอย่างไรดี
แต่ชายสูงวัยกลับไม่ได้สนใจกับคำพูดที่ยังพูดไม่จบนี้ของเธอ
เขาพยักหน้าลงเล็กน้อย “ตอนที่เธอจากไป ลูกของเราเพิ่งจะสิบเอ็ดสิบสองขวบเท่านั้น ฉันจะต้องให้เขาโตก่อนแล้วถึงจะพาไปพบเธอ”
“แต่ต่อมา ฉันพบว่าฉันเองก็ไม่วางใจ” ชายชราขมวดคิ้วขึ้น “ลูกจะต้องเรียนหนังสือ จะต้องมีชีวิตของตัวเอง ทุกๆปีที่ฉันพาเขาไปทำความสะอาดสุสาน ฉันก็จะกังวลว่าถ้าฉันจากไปอีกแล้ว เขาจะลืมเรื่องพวกนี้”
“ลืมทำความสะอาดให้สุสานของแม่หรือคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแปลกใจกับความคิดของเขา “คงจะไม่ใช่หรอกใช่ไหมคะ?”
ชายชราส่ายหน้า
“ต่อให้เขาไป ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะพยายามเหมือนกับฉัน ทุกปีฉันจะเตรียมดอกไม้และอาหารที่เธอชอบไปด้วย”
เขาเอ่ยขึ้นต่อ : “คนอื่นฉันไม่วางใจ”
คนอื่น ฉันไม่วางใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกประโยคนี้จู่โจมเข้าภายในใจ
คงจะเป็นความรู้สึกร้อนรนขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ชายสูงวัยคนนี้ไม่ยอมยืมมือของคนอื่นมาเลย แม้แต่ลูกของพวกเขาเอง ก็ยังไม่วางใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะนึกถึงตัวเองไม่ได้
สมมติว่าเธอไปต่อไม่ไหว แล้วกลายมาเป็นสุสานเหมือนกัน
จี้จิ่งเชินก็จะเป็นเหมือนกับชายสูงวัยคนนี้เหมือนกันหรือเปล่า ที่คอยปกป้องดูแลสุสานของเธอ?
เป็นเพียงแค่เพราะสาเหตุเดียวคือไม่วางใจ และไม่ยอมให้ตัวเองหลุดพ้นออกมา
ความรู้สึกของพวกเขาจะกลายเป็นเครื่องผูกมัด ที่จะขังเขาไว้ในโลกมนุษย์ที่เป็นเหมือนกับศพเดินได้แบบนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ยอมที่จะคิดต่อไปแล้ว จึงรีบสะบัดความคิดที่ทำให้สิ้นหวังแบบนี้ออกไป
“แต่ยี่สิบปีผ่านไปแล้วนะคะ คุณปู่ควรจะปล่อยวางได้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดเกลี้ยกล่อมออกมาโดยจิตใต้สำนึก
ก็เหมือนกับ ถ้าหากเธอจากไป จี้จิ่งเชินเองก็ควรจะปล่อยวางเช่นกัน……
เหมือนกัน
ชายสูงวัยกลับหัวเราะขึ้นมา “เด็กน้อย เธอไม่รู้หรอก ว่าการมีชีวิตอยู่สบายกว่าการตายไปแล้วอีกนะ ฉันคงบอกเธอได้แค่ว่า ถ้าหากฉันปล่อยวางแล้ว ฉันก็คงจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาอีกโลกนึงแล้วล่ะ”
การปล่อยวางก็คือความตายนั่นเอง
การคิดถึงภรรยาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของเขาไปตั้งนานแล้ว ถ้าหากเขาปล่อยวางเรื่องพวกนี้ นั่นก็เท่ากับเป็นการกระทำที่ไม่มีความหมายที่จะมีชีวิตต่อไปสำหรับเขาอีกแล้ว
เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าการใช้ชีวิตเพื่อที่จะรักใครคนหนึ่งขึ้นมาแล้ว
เธอพึมพำออกมา : “ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่หาใครอีกซักคนล่ะคะ?”
ได้ยินเธอพูดจบแล้วนั้น ชายสูงวัยก็เบิกตาขึ้นมาแล้วจ้องมองเธอ
“พูดอะไรน่ะ ทั้งชีวิตนี้ฉันมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น จะไม่มีคนอื่นอีกแล้ว!”
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนี้ ถ้าหากเธอรักคนๆนึงจริงๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย เธอก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
ชายสูงวัยละสายตาออกไป แล้วถอนหายใจออกมา : “อยู่กับคนอื่น ฉันกลัวว่าจะทำให้เขาเป็นทุกข์ใจ”
กลัวว่าจะทำให้คนที่จากโลกนี้ไปแล้วเป็นทุกข์ใจอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนใจสั่นขึ้นมา ความคิดที่จะหาทางหลีกเลี่ยง ก็ประดังผุดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ แนวโน้มนั้นจะต้องแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
ชายสูงวัยพูดถูก ถ้าหากจี้จิ่งเชิน…….หรือบางทีการเปรียบเทียบนี้จะไม่เหมาะสม แต่เพียงแค่เธอนึกถึง ก็รู้สึกว่าไม่มีทางที่จะรับได้แล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไปรักคนอื่น หรือใช้ชีวิตร่วมกันกับคนอื่นเลย
ถ้าอย่างนั้นแล้วจี้จิ่งเชินล่ะ…….
เมื่อก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนมักจะบอกกับตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะยืดหยัดต่อไปไม่ได้ จี้จิ่งเชินก็จะยังคงอยู่ต่อไปได้
เขามีเงินทอง หน้าตาดี ต่อให้เขาจะเคยแต่งงานมาแล้ว แต่คนที่ตามจีบเขายังคงมีอยู่ทั่วไป
เขาสามารถใช้ชีวิตการแต่งงานอีกช่วงหนึ่งได้ เขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข
แต่ตอนนี้ คำพูดของชายสูงวัยนี้ได้ทำให้จินตนาการของเธอนั้นแตกสลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จะปล่อยวางได้อย่างไร? ใช่ จะปล่อยวางได้อย่างไรกัน!
เธอเข้าใจจี้จิ่งเชินมากขนาดนั้น เขาเป็นคนอย่างไร เธอเองก็รู้ดี
ถ้าหากเธอตาย จี้จิ่งเชินมีแต่จะยิ่งบ้าคลั่งกว่าชายสูงวัยคนนี้เสียด้วยซ้ำ
เธอไม่ยอมที่จะไปนึกถึงเรื่องพวกนี้ ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน แล้วยอมปล่อยการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเธอมาตลอดเช่นนี้
แต่ตอนนี้ เหมือนกับม่านที่ครอบคลุมความจริงนี้ถูกเปิดออก แม้ว่าเธออยากที่จะแสร้งทำเป็นไม่เห็น ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วเช่นกัน
เธอไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตกับการหลอกตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆได้อีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปาก หลังจากที่เงียบไปนั้น เธอจึงเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ : “ถ้าหากให้คุณปู่เลือกระหว่างลูกกับภรรยา คุณปู่จะเลือกอย่างไรคะ?”
ชายสูงวัยมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความประหลาดใจ
ประมาณไม่คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะถามคำถามแบบนี้ออกมา
เขาขมวดคิ้วขึ้น ถึงแม้จะรู้สึกแปลกประหลาดกับคำถามนี้ก็ตาม แต่เขาก็ยังก็ยังคงพยายามที่จะแชร์ความรู้สึกให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ฉันให้คำตอบนี้กับเธอได้ยากมากเลยนะ เพราะว่าฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน”