เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่898 พิษแพร่กระจายแล้ว
บทที่898 พิษแพร่กระจายแล้ว
จี้จิ่งเชินตั้งใจรออยู่ซักพักหนึ่ง แล้วถึงได้ไปเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เข้ามาเถอะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าเป็นแม่ครัว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นจี้จิ่งเชิน
“พี่มาได้ยังไงคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างเซอร์ไพรส์ “ตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนี่นา”
“ผมได้รับโทรศัพท์จากแม่ครัว เธอบอกว่าอารมณ์คุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเลยรีบมาน่ะครับ”
จี้จิ่งเชินนั่งลงข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วมองเธออย่างอ่อนโยน “ร่างกายขึ้นดีขึ้นบ้างไหมครับ?”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางตอบกลับ “วันนี้ยังออกไปเดินเล่นข้างนอกกับแม่ครัวมาด้วยนะคะ วิวที่สวนสาธารณะสวยมากเลย”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงเล็กน้อย แล้วให้คำสัญญา : “รอให้คุณหาย อยากจะไปดูวิวที่ไหน ผมจะพาคุณไปดูด้วยกันนะครับ”
รอเธอหาย…..
เวินเที๋ยนเที๋ยนข่มความเจ็บปวดในดวงตาเอาไว้ “แต่ต่อไปเราต้องพาลูกไปด้วยแล้วนะคะ ต้องเลี้ยงดูเขาให้โตขึ้น บางทีอาจจะไม่มีเวลาไปเที่ยวแล้วก็ได้”
จี้จิ่งเชินเงียบไปพักหนึ่ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดต่อจากคำพูดของเธอ “ถ้าอย่างนั้นก็รอให้เขาอายุสิบแปดแล้วค่อยไปเที่ยวก็ได้ครับ”
คำพูดของเขา ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงคำพูดประโยคนั้นของชายสูงขึ้นมาทันที
“ฉันทุ่มเทกับการเลี้ยงดูเขา เพียงเพราะหวังจะให้ภรรยาของฉันหลับไปอย่างสบายใจ หลังจากนั้นอีกร้อยปีจะได้อธิบายกับเธอได้”
แล้วจี้จิ่งเชินล่ะ เขาเองก็จะมีความคิดแบบนี้อยู่เหมือนกันหรือเปล่า?
เธอเงยหน้าขึ้นมาอยากจะมองดูอาการที่แสดงออกมาของจี้จิ่งเชิน แต่กลับสบดวงตาที่มืดมนคู่นั้นของเขาเข้า
เธอเห็นความรักที่ไม่อาจเก็บงำเอาไว้ได้ในแววตาของเขา
ใช่ เธอคือความรักของเขา ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้
เวลานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกแล้ว หลอกตัวเองว่าถึงแม้ว่าเธอจะตายไป จี้จิ่งเชินก็จะสามารถมีความสุขได้เช่นกัน
นั่นล้วนแต่เป็นคำโกหกทั้งนั้น ช่างตลกยิ่งนัก
“ฉัน ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถที่จะเผชิญกับแววตาของจี้จิ่งเชินได้อีก
เธอจึงทำได้เพียงหลับตาลง แสร้งทำเป็นตัวเองง่วงแล้ว
จี้จิ่งเชินก็ไม่ได้ดึงดัน เพียงแค่บอกกับเธอเบาๆ : “โอเคครับ คุณพักผ่อนนะ แล้ววันหลังผมจะมาหาคุณอีก”
รับได้แบบนี้และไม่มีการล้ำเส้น
รอจนจี้จิ่งเชินออกไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เธอถอนหายใจออกมายาวๆ ถ้าหากถึงขั้นนั้นแล้วจริงๆ บางทีเธอคงเลือกมีชีวิตอยู่ต่อ
แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เธอยังทำใจไม่ได้…….อย่างน้อยๆ ก็ให้เธอได้อยู่กับลูกคนนี้ของเธอให้มากกว่านี้หน่อย
………….
อาการป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยนเนื่องจากอารมณ์ที่ค่อนข้างแย่ลงอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้อาการยิ่งทรุดหนักลง
คุณหมอบอกกับจี้จิ่งเชินอย่างไม่พอใจ ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะหมดกำลังลงอย่างรวดเร็ว
ถึงตอนนั้นแล้วก็จะมีเพียงแค่ต้องอาศัยการฉีดยาเพื่อให้อาหารมารักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้เพียงเท่านั้น
คำพูดเหล่านี้จี้จิ่งเชินไม่ได้บอกกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ตอนนี้ความกดดันในใจของเธอนั้นมากพอแล้ว ไม่สามารถเพิ่มความกดดันให้กับเธอได้อีกแล้ว
แต่ทุกๆคืน เขาจะไปนั่งอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วมองเธออย่างเงียบๆทั้งคืน
สิ่งที่สามารถทำได้เขาก็แทบจะทำหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้ร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนดีขึ้นมาได้
“ห้าเดือนแล้ว การแบกรับของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ก็เพิ่มมากขึ้น ถ้าหากไม่ทำการผ่าตัดอีก ปล่อยให้เขาโตขึ้น จะส่งผลเสียหายต่อร่างกายของแม่นะครับ”
คำเตือนนี้ของหมอยังคงดังอยู่ในหูของเขา จี้จิ่งเชินรู้ เขาจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว
เขามาตรงหน้าเตียงของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงหลับอยู่ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างดูไม่สบายใจ ราวกับกำลังกังวลอะไรอยู่อย่างไรอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความสงสารจับใจ ใบหน้าของเธอไร้สีสัน ขาดซีดราวกับกระดาษ
เวลานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับรับรู้ถึงสายตาของจี้จิ่งเชิน เธอค่อยๆลืมตาขึ้น
“เที๋ยนเที๋ยน คุณตื่นแล้ว?”
จี้จิ่งเชินจับมือเธอแน่น “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
เธอจดจ้องอยู่ที่จี้จิ่งเชิน จากนั้นราวกับรับรู้อะไรบางอย่างได้จากอาการของเขา จึงเอ่ยถามขึ้นเบาๆ : “ใช่ว่า….ประคับประคองต่อไปไม่ไหวแล้วหรือเปล่าคะ?”
จี้จิ่งเชินเงียบไป
เธอได้คำตอบที่ตัวเองต้องการจากความเงียบของจี้จิ่งเชิน
“ให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันยังอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเขาอีกซักหน่อย…….”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปาก ขอบตาแดงก่ำ
เธอโน้มน้าวตัวเองให้ตัดใจจากเด็กคนนี้มาตลอด แต่เธอทำไม่ได้ ทำไม่ได้จริงๆ!
เธอรับรู้ได้ถึงการหายใจของเขา หัวใจที่กำลังเต้นของเขา
อ่อนแอ แต่มีพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม
เป็นเพราะเขามาคุกคามความแข็งแรงของเธอ จึงต้องจำกัดเขาออกอย่างโหดร้ายแบบนี้เลยหรือ?
“ฉันรู้สึกว่า ฉันยังสามารถทนต่อได้อีก ฉันทำได้จริงๆ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนร้องไห้สะอึกสะอื้น
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างเจ็บปวด เขายกมือขึ้นมากอดเธอเอาไว้ “อย่าร้องนะครับ ผมรับปากคุณ ผมรับปากคุณหมด”
ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเกลียด ก็ให้เธอมาเกลียดเขาเถอะ ไม่ต้องการให้เธอต้องมาตำหนิโทษตัวเองอีก
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดกับเธอ : “เที๋ยนเที๋ยน อย่ากังวลไปเลยครับ ผมจะจัดการทุกอย่างให้ดี”
เป็นเวลานาน เขากลับไม่ได้ยินเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนเลย
เธอประคองเวินเที๋ยนเที๋ยนให้นอนลง แล้วถึงได้พบว่าเธอหมดสติไปแล้ว
เพียงแต่ปากก็ยังคงพึมพำออกมา : “อย่าทิ้งเขา….”
แววตาของจี้จิ่งเชินฉายความดิ้นรนออกมา
เขารีบเรียกหมอและพยาบาลทันที
“พิษแพร่กระจายไปแล้วครับ” แพทย์เจ้าของไข้บอกเขา “ถ้าหากไม่เอาเด็กออก สภาพการหมดสติไปแบบนี้ก็จะถี่ขึ้น การทำงานของร่างกายกับสารพิษจะต่อต้านกัน การปกป้องตัวเองที่เกิดขึ้น จะทำให้คุณเวินหลับไปเป็นเวลานาน”
จี้จิ่งเชินกำหมัดแน่น ในใจของเขานั้นทรมานเหลือเกิน
ประโยคนั้นก่อนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะหมดสติไป ค้างอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา
รับรู้ถึงความลำบากใจของจี้จิ่งเชินแล้ว คุณหมอจึงถอนหายใจออกมา พลางเอ่ยขึ้น : “ผมรู้ครับว่าคุณเวินให้ความสำคัญกับลูกคนนี้มาก พวกเราเองก็เคารพกับความต้องการของร่างกายคนไข้ด้วยเหมือนกัน”
“แต่รอหลังจากที่ครรภ์อายุหกเดือนแล้ว การกำจัดสารพิษออกนั้นจะเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายมาก ผมเป็นกังวลมากว่าคุณเวินสามารถทนต่อไปได้หรือเปล่า”
คำพูดของคุณหมอ ทำให้จี้จิ่งเชินเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่รุนแรงนี้ เขาแทบจะไม่กล้าจินตนาการเลยว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะสามารถทนได้ไหม
“ผมจะเกลี้ยกล่อมเธอเอง”
จี้จิ่งเชินมองไปทางคุณหมอ “ให้เวลาผมอีกหน่อยนะ ถ้าหากผมไม่สามารถทำให้เที๋ยนเที๋ยนยอมได้ ก็จัดเตรียมการผ่าตัดได้เลย ผลลัพธ์……ผมรับผิดชอบเอง”
คุณหมอมองเขาด้วยความเลื่อมใส
ไม่ใช่ผู้ชายทุกคน ที่จะสามารถเป็นอย่างจี้จิ่งเชินได้ เคารพการตัดสินใจของภรรยาขนาดนี้
และความรู้สึกที่ลึกซึ้งของเขาที่มีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นหมอสูติกรรม เขาเคยเห็นผู้ชายหลายต่อหลายคนที่ทำเพื่อทายาทไว้สืบสกุลแต่กลับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะตามมาเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นมา ผู้ชายที่คิดหาวิธีเกลี้ยกล่อมภรรยาเพื่อให้ละทิ้งลูก
“สู้ๆนะครับ ผมเชื่อว่าภรรยาคุณจะเข้าใจคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้รับยาในการรักษา แต่ยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสตินี้
จี้จิ่งเชินก็คอยดูเธออยู่แบบนี้ จนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ ดูเหมือนว่าฉันจะหลับไปแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เธอคิดว่าตัวเองเพียงแค่หลับไปเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไป1วัน1คืนเต็มๆ
จี้จิ่งเชินก็ไม่ได้จะแสดงอาการอะไรออกมา
เขายิ้ม แต่1วันที่ไปได้ปิดเปลือกตาลงเลยนั้นทำให้รอยยิ้มของเขาดูมีความซีดเซียวอยู่บ้าง