เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่940 เรียกให้คอแตกก็ไม่มีคนมา
บทที่940 เรียกให้คอแตกก็ไม่มีคนมา
จี้จิ่งเชินที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาทางด้านหลังเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นก็ทำให้เธอตกใจ เสียจนเกือบจะทำเครื่องเคลือบสีดำที่อยู่อยู่ในมือนั้นหลุดเสียแล้ว
“พรึบ”
จี้จิ่งเชินเปิดไฟในห้องหนังสือ แสงสว่างมาแทนที่ความมืด ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นกระพริบเพื่อให้เข้ากับความสว่างได้
เธอตั้งหน้าตั้งตาทำงานตลอด จึงเปิดโคมไฟแค่หลอดเดียว ตัวเธอนั้นดูเหมือนกับกำลังฟุบคว่ำไปบนโต๊ะอย่างไรอย่างนั้น ฟ้ามืดแล้ว ก็ไม่ได้รับรู้เลยอีกด้วย
“ใช่สิ หยู๋ชิงล่ะคะ?”
“คุณยังจะเป็นห่วงเขาอีก ทำไมไม่ดูตัวเองบ้างครับ?”
จี้จิ่งเชินกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังจะวิ่งออกไปข้างนอกเอาไว้ แล้วนั่งลงบนโซฟา
ขาทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งข้ามอยู่ตรงขาของเขา แล้วมือก็คล้องเอาไว้ที่คอของจี้จิ่งเชิน เธอกระพริบตา
“ฉันมีพี่คอยดูก็พอแล้วไงคะ”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็ยิ้มออกมาพลางเอ่ยขึ้น : “หยู๋ชิงเล่นอยู่ข้างล่างครับ มีพวกพ่อบ้านคอยดูอยู่ ไม่ต้องกังวลนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“คุณนี่ควรโดนตี” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินจริงจังขึ้นมา พลางเอ่ยด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
พูดแล้วก็ใช้มือตีลงบนก้นของเวินเที๋ยนเที๋ยนหนึ่งที
ถึงแม้ว่าจะไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ในใจกลับรู้สึกอับอายมาก หน้าแดงขึ้นมาทันที
“ฉันทำไมคะ?”
ยืดคอตรงขึ้นมา เพื่อขอความความเป็นธรรมจากการถูกตีก้นนี้
แล้วคำพูดต่อไปของจี้จิ่งเชินนั้นก็ทำให้ความเย่อหยิ่งของเธอนั้นหงอยลงไป เขาเอ่ยขึ้น : “มื้อเย็นทานอะไรครับ?”
เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างรอคอยคำตอบของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คือ ยังไม่ได้ทานเลยค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชนกัน ดวงตาก้มลงไปมองที่พื้นพรม ไม่กล้าสบตาของจี้จิ่งเชินโดยตรง
“เงยหน้าขึ้นมาครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง แล้วมองไปบนเพดาน
บนเพดานมีอะไรอย่างนั้นหรือ?
จี้จิ่งเชินรู้สึกโมโหกับการกระทำของเธอจนหัวเราะออกมา
“มองผมสิ”
จี้จิ่งเชินแสร้งทำเป็นโมโห แล้วออกคำสั่งอย่างจริงจัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าหลบเลี่ยงไม่ได้แล้ว จึงทำได้เพียงต้องฝืนมองจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมา เหมือนกับกำลังจะตบหน้าเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนต้องหลับตาลง
แต่สัมผัสบนใบหน้าของเธอนั้นกลับเป็นไปอย่างเบามือจากการบีบแก้มของเธอ
“โอ๊ะ เจ็บๆๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนประคองหน้าตัวเอง แล้วแยกเขี้ยวยิงฟันตะโกนออกมา
จี้จิ่งเชินรู้ ว่ามือของตัวเองนั้นไม่ได้ออกแรงเลย เธอแกล้งนั่นเอง
จึงไม่ได้สนใจเธอ แล้วบีบแก้มเธอต่อ
อย่าพูดถึง ความรู้สึกที่สัมผัสที่มือนั้นไม่เลวเลยจริงๆ ผิวที่เนียนนุ่ม เนียนขาวใสนี้ เขาอยากจะลองดูว่าจะสามารถบีบได้อย่างอ่อนนุ่มเหมือนกับในหนังสือหรือเปล่า
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างอ้อยอิ่ง
“ถ้ายังไม่ปล่อยอีก ฉันจะตะโกนเรียกคนมาช่วยแล้วนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำปากจู๋ แล้วเตรียมแสดงเป็นคุณหนูตระกูลสูงส่งที่กำลังถูกอันธพาลรังแก
“คุณเรียกให้คอแตก……” จี้จิ่งเชินยื่นเข้าไปกระซิบข้างๆหูของเวินเที๋ยนเที๋ยน “ก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอก ที่นี่เป็นฐานของผม ตั้งแต่คุณเข้ามาวันนั้น ก็เป็นของผมแล้ว”
ประโยคหลังนั้นเขาพูดด้วยเสียงที่ต่ำมาก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดง
“จี้จิ่งเชิน…….”
จี้จิ่งเชินจ้องมองเธออย่างครุ่นคิด รอคนที่จะมาช่วยเธอปรากฏตัวขึ้น
แต่กลับไม่มี
จี้หยู๋ชิงที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถงทางด้านล่างนั้นราวกับได้ยินอะไรเข้า เขาตั้งใจฟังอย่างละเอียดอีกครั้งแต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย
ดูแอนิเมชั่นการ์ตูนในทีวีแล้ว จี้หยู๋ชิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เห็นพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆดูด้วยความสนใจแล้วนั้น จึงต้องทำให้ดูสดชื่นต่อ
ไม่อย่างนั้นแล้วคุณปู่พ่อบ้านจะต้องมีท่าทางเสียใจ นั่นก็คงไม่ดีนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองประตูห้องหนังสือที่ว่างเปล่าแล้ว น้ำเสียงก็ทุ้มต่ำลงมา :
“ไม่มีใครสนใจจริงๆหรือคะ”
เห็นอันธพาลที่ชอบรังแกคนอื่นแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เหลือเพียงแค่ทางที่จะต้องยอมแพ้
น้ำเสียงอ่อนลง : “ขอโทษนะคะ พี่จิ่ง”
ที่จี้จิ่งเชินต้องการนั้นไม่ใช่คำขอโทษ แต่ที่เขาต้องการก็คือให้เธอทานอาหารให้ตรงเวลา อ้วนท้วนสมบูรณ์
“รับปากผมนะ ว่าต่อไปจะไม่ทุ่มเทมากเกินกำลังอีก”เมื่อทำงานก็ลืมกินลืมนอนไปเลยแบบนี้ ช่างน่ากลัวมากจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย
เวลานี้เธอเหมือนแมวตัวหนึ่งที่โอนอ่อนผ่อนตามไปด้วย เก็บเล็บที่แหลมคมเอาไว้ ถ้าให้ความหวานกับเธอหน่อย คาดว่าเธอก็คงจะหงายท้องให้คนอื่นทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจไปแล้ว
จี้จิ่งเชินใช้มือข้างหนึ่งเกาคางของเธออย่างมุ่งร้าย ทั้งนิ่มและลื่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนสะบัดศีรษะ เพื่อหลีกเลี่ยงจากมือที่สัมผัสไปทั่วคู่นั้น
“อย่าสิคะ จั๊กจี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะไปพลางขอร้องให้เขายกโทษให้ไปด้วย ลอนผมม้วนเข้าด้วยกัน เคลื่อนไหวอย่างงดงาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้เพียงต้องใช้ไม้ตาย เธอจับศีรษะของจี้จิ่งเชินแล้วจูบเขา
แน่นอนว่าจี้จิ่งเชินรู้สึกได้รับความพอใจนี้เป็นอย่างมาก มือที่ก่อกวนไปทั่วนั้นก็ได้เลื่อนไปอยู่ที่หลังของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเช่นกัน แล้วดันตัวเธอเข้ามาชินหน้าอกของตัวเอง
เหมือนกับเป็นการลงโทษ จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนจะหายใจไม่ออก แก้มแดงระเรื่อถึงได้ยอมปล่อยและหยุดลงในที่สุด
เธอหายใจหอบ เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตาจี้จิ่งเชิน พลางเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ :
“พี่จิ่ง ฉันมีความคิดนึงค่ะ…….”
เห็นใบหน้าที่ดูสับสนของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยขึ้น : “กับผมมีอะไรที่พูดไม่ได้อีกหรือครับ?”
“ฉัน…….”
เธอยังรู้สึกลังเล จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยขึ้นแทนเธอ : “ฉันอยากจะซ่อมวัตถุโบราณต่อ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“พี่รู้ได้ยังไงคะ?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้น : “เห็นท่าทางที่คุณมองเครื่องเคลือบลายครามสีดำนั่นในช่วงนี้ ผมก็เดาได้แล้วล่ะครับ”
“ในเมื่อถูกพี่จับได้แล้ว……”เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ : “เพราะว่าเวลาเที๋ยนเที๋ยนทำงานทำให้ละสายตาไปไหนไม่ได้เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ตรงแทนที่นั่งทำงานนั้น ราวกับกำลังจมอยู่กับโลกของตัวเอง ซึ่งงดงามเสียจนหาที่เปรียบไม่ได้เลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
เธอกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะคัดค้าน เขาจะต้องเป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอเหนื่อยเกินไปอยู่แล้ว
เมื่อครู่นี้ที่ไม่ทันระวังหมกมุ่นเกินไปนั้น ทำให้จี้จิ่งเชินมีภาพที่ไม่ดีติดอยู่ในใจแล้ว ไม่รู้ว่าจะสามารถทำให้เขายินยอมได้ในสถานการณ์แบบนี้หรือเปล่า
จี้จิ่งเชินมองดูท่าทางที่เป็นกังวลของเธอ แล้วนึกถึงตอนที่เพิ่งรู้จักกัน เธอชอบการซ่อมแซมวัตถุโบราณมากขนาดนั้น ไม่เพียงแค่ซ่อมแซมสร้อยคอของมารดาเขาเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
เธอเคยบอกว่า นี่คือความฝันของเธอ
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงเป็นการตอบตกลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชิน : “พี่รับปากฉันจริงๆหรือคะ? จริงๆใช่ไหม?”
“จริงครับ”
“ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่คุณอยากทำ ผมล้วนแต่สนับสนุนคุณทั้งนั้น อย่าลืมสิ ว่าผมเป็นสามีของคุณ ความคิดทุกอย่างของคุณ ผมพร้อมสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น”
ไม่มีใครจะแยกพวกเขาออกจากกันได้อีก
ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นประกายอย่างมีความสุข
“ดีจังเลยค่ะ ฉัน……”
“แต่”
ยังพูดไม่ทันจับ จี้จิ่งเชินก็เปลี่ยนทิศทางแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างซึมๆ ก็รู้อยู่แล้วเชียวว่าไม่น่าจะรับปากง่ายขนาดนี้
“แต่ตอนนี้ ต้องไปทานข้าวก่อนนะครับ”
จี้จิ่งเชินพูดประโยคหลังออกมา มองดูท่าทางตกใจของภรรยาตัวน้อยของตัวเอง
แก้มป่องๆนั้น ทำให้เขาอดที่จะยื่นมือออกมาแล้วจิ้มเบาๆไม่ได้
ตอนที่ทั้งสองคนมายังห้องโถงด้วยกันนั้น สปอนจ์จ์บ็อบกับแพทริค สตาร์กำลังจับแมงกะพรุนและหัวเราะเสียงดังอยู่ในทีวี
จี้หยู๋ชิงดูทีวีด้วยท่าทางที่ดูจริงจังมากเหมือนกับกำลังดูข่าวอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆนั้นกลับดูอย่างมีความสุข
ท่าทางทั้งสองคนดูแล้ว เหมือนกับจะสลับสถานะกัน จะดูอย่างไรก็รู้สึกว่าน่ารักเสียจริง