เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่946 เสี่ยวหยู๋ชิงฟ้อง
บ่ายวันนั้น
อาจารย์ฉู่แจกถ้วยจำนวนหนึ่งให้กับนักเรียนในสำนักงาน
“ถ้วยพวกนี้มีรอยแตกอยู่บางส่วน ใหญ่เล็กไม่เหมือนกัน วัสดุของถ้วยก็ไม่แน่นอน ทุกคนเลือกไปหนึ่งอันแล้วบูรณะด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นสอบการประเมินผลครั้งนี้ของพวกเธอ อีกอย่างมีบางคนไม่ได้สัมผัสการบูรณะวัตถุโบราณมานานมากแล้ว ถือว่าโอกาสฝึกฝนอีกครั้งหนึ่ง”
เขาหยิบเอาถ้วยออกมาทั้งหมดสิบใบ ทุกใบไม่เหมือนกัน มีทั้งโลหะ และเครื่องเคลือบ และรอยแตกบนนั้นขนาดเล็กใหญ่ก็ไม่เหมือนกัน
รอยแยกเล็ก ก็ง่ายต่อการซ่อมแซมกว่า
แต่รอยแตกขนาดใหญ่ หรือกระทั่งขาดแหว่งไป ก็สามารถวัดทักษะของผู้บูรณะได้เป็นอย่างดี
หลายคนทยอยกันเข้าไปเลือกถ้วยในใจของตัวเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับเซียวหยี่อันก้าวเข้าไปเป็นรายสุดท้าย
ในตอนนั้นเองตรงหน้าก็เหลือถ้วยเพียงแค่สองใบ ใบหนึ่งรอยแตกเล็กมาก ง่ายต่อการซ่อมแซม แต่ถ้วยแบบนี้กลับไม่สามารถแสดงความสามารถในการบูรณะให้เห็นเด่นชัดได้ ดังนั้นหลายๆ คนเลยไม่เลือกมัน
ส่วนถ้วยอีกใบรอยแตกขนาดใหญ่มาก ด้านบนยังมีรอยแหว่งขนาดไม่เล็กตรงส่วนของลวดลายที่เป็นจุดที่จัดการได้ยากที่สุด ดังนั้นเลยไม่มีใครเลือก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป เอ่ยถามเซียวหยี่อันก่อน “หยี่อัน เธอเลือกก่อนเถอะ”
เซียวหยี่อันก็ไม่หลีกเลี่ยง สังเกตก่อนหนึ่งรอบแล้วหยิบถ้วยที่เสียหายหนักไป เอ่ยด้วยท่าทางพึงพอใจ “ฉันเลือกใบนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าแล้วถือถ้วยที่มีรอยแตกขนาดเล็กนั้นไว้ในมือ
เซียวหยี่อันทะเยอทะยาน จงใจเลือกใบที่แตกเยอะกว่า ต้องการที่จะเป็นอันดับหนึ่ง
รอทุกคนตัดสินใจแล้ว อาจารย์เซียวก็พยักหน้า
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทุกคนสามารถบูรณะของในมือได้ ไม่มีกำหนดเวลา บูรณะเสร็จแล้วส่งให้กับอาจารย์ของแต่ละคนตรวจสอบ ถึงตอนนั้นจะอธิบายและวิเคราะห์งานของทุกคน”
“กลับไปทำงานได้แล้ว”
หลายคนพยักหน้าแล้วแยกย้ายกันไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลิกมองถ้วยในมืออย่างละเอียด มีความคิดคร่าวๆ ไว้ในใจแล้ว
ในตอนนั้นเอง ทันใดนั้นเคหยี่อันกลับเดินมาข้างๆ เธอ ปราดมองถ้วยในมือเธอ แล้วยิ้มเยาะ
“ความเสียหายแค่นั้น ต่อให้เป็นนักบูรพาลำดับที่สามก็ทำได้แล้วไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองทางเธอ แล้วเอ่ยเสียงเบา “ถ้วยแบบนี้บูรณะง่ายจริงๆ”
เซียวหยี่อันก็ยิ่งลำพองใจ
“เธอคอยดูเถอะ ถึงตอนนั้นฉันจะบูรณะถ้วยใบนี้จนสมบูรณ์แบบ เธอก็จะพบความต่างของตัวเองกับฉันแล้ว!ในการแข่งขันครั้งนี้ ฉันต้องชนะ มีแค่ฉันที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศได้!”
พูดจบก็เดินจากไปด้วยท่าทางลำพองใจ
เวิยเที๋ยนเที๋ยนเก็บถ้วยของตัวเองขึ้นมา แล้วศึกษาดูสักพัก ก่อนจะกลับไป
เมื่อกลับมาถึงปราสาทเก่า กำลังเข้าประตูไปก็เห็นเสี่ยวฉีนั่งอยู่บนพื้นหน้าประตู ใต้ก้นยังมีเบาะรองเล็กๆ ไม่ให้โดนความเย็น
ดูท่าทางกำลังรอเธอกลับบ้าน
ทันทีที่เวินที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามา เขาก็ยื่นมือออกมา ก็ร้องเรียกเสียงอ้อแอ้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปถามด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวหยู๋ชิง ทำไมวันนี้หนูมาอยู่ตรงนี้? รอแม่กลับมาอยู่เหรอ?”
จี้หยู๋ชิงถูกเธออุ้มขึ้นมาแล้ว สีหน้ากลับเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก ใบหน้าเล็กขมวดยุ่งราวกับกำลังโมโห ร้องเสียงอ้อแอ้
ในนั้นปะปนคำว่า “คุณแม่” อยู่สองสามคำ แม้ว่าจะเรียกแม่ได้แล้ว แต่สำหรับคำศัพท์ยังคงมีความยากอยู่เล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้เขาโกรธจนกลายเป็นแบบนี้
“หนูกำลังพูดอะไร?”
ในตอนนั้นเอง จี้จิ่งเชินก็เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น “เขากำลังฟ้อง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็เงยหน้ามองเขาอย่างงงงวย
“ฟ้อง?”
จี้จิ่งเชินปราดตามองจี้หยู๋ชิงที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจ้าเด็กนี่ ยังเล็กขนาดนี้ ยังรู้จักหาคนถือหาง แค่มีเรื่องก็วิ่งไปฟ้องกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
“ยียียายายียี!” จี้หยู๋ชิงชี้จี้จิ่งเชิน แล้วพูดอย่างโมโห
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจ จึงต้องเอ่ยถามจี้จิ่งเชิน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยอย่างใจฝ่อ “ตอนกลับมาเห็นบนโต๊ะมีเค้กที่ทำเสร็จแล้ว ผมเลยกินไปแล้ว……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินตรงนี้ ก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เบิกตากว้างทันที
“คงไม่ใช่พวกนั้นที่ฉันทำให้เสี่ยวหยู๋ชิงหรอกใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“ขนมที่คุณทำไว้ให้หยู๋ชิง เมื่อเขาเห็นว่าผมกินเข้าไปแล้ว ก็โวยวายไม่หยุด เอาแต่นั่งอยู่ที่หน้าประตูรอคุณกลับมา ต้องการจะฟ้องคุณ”
เห็นจี้จิ่งเชินพูดพลางเดินเข้ามาดีดเข้าที่หน้าผากของจี้หยู๋ชิง
“แม่หนูเป็นของพ่อ ทานขนมนิดหน่อยแล้วอย่างไร? ใช่ว่าในบ้านจะไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้หนูทานเสียหน่อย”
เสี่ยวหยู๋ชิงโกรธจนแก้มพอง กอดฟ้องกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ส่งเสียงอ้อแอ้ไม่หยุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ปกติแล้วเสี่ยวหยู๋ชิงจะพูดน้อยมาก แต่ขอแค่เจอกับจี้จิ่งเชินก็จะร่าเริงเป็นอย่างมาก
แค่สิทธิประโยชน์ของตัวเองถูกคุกคาม ตอนฟ้องก็พูดเร็วเสียยิ่งกว่าใคร
“หยู๋ชิง หนูชอบขนมที่แม่ทำมากใช่ไหม?”
“ยียียายา” เสี่ยวหยู๋ชิงพยักหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเขาเข้าไปข้างใน “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวทำให้หนูอีก ต่อไปต้องซ่อนไว้ให้ดี ไม่ให้คุณพ่อแย่งไปอีก”
จี้จิ่งเชินเดิมตามหลังเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาได้ยินดังนั้น ก็บ่นเสียงเล็กเสียงน้อยขึ้นมา
“คุณนายจี้? คุณพูดอะไร? ผมได้ยินหมดแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้ากลับไปเห็นท่าทางน่าสงสารของเขาอยู่ข้างหลัง ก็หลุดขำออกมาอีกครั้ง
“คุณวางใจเถอะ ถึงเวลาฉันจะทำให้คุณด้วย ส่งไปถึงบริษัทเลยเป็นอย่างไร?”
ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็พยักหน้า มองจี้หยู๋ชิงอย่างลำพองใจ
ทั้งสองคนแข่งกันแย่งความสนใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนสลับกับไปมา
จี้หยู๋ชิงเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงอ้อแอ้ขึ้นมาอย่างไม่พอใจทันที
เวิยเที๋ยนเที๋ยนอุ้มเขาแล้วเอ่ยขึ้น “หยู๋ชิงเชื่อฟังหน่อย แม่จะทำเยอะกว่าเดิม ให้หนูกับลูกทานด้วยกัน ของดีๆ ต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเข้าใจไหม”
จี้หยู๋ชิงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
จี้จิ่งเชินแค่นหัวเราะในลำคอ ปรายตามองจี้หยู๋ชิง
คิดจะสู้กับพ่อ หนูยังอ่อนไป
เขาเดินมาข้างหลังของเวินเที๋ญนเที๋ยน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ที่วังเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่มีใครทำให้คุณลำบากใจใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงที่เซียวหยี่อันพูดในวันนี้แล้วก็ส่ายหน้า
“ไม่มี อาจารย์ในวังคุ้นเคยกับฉันมาก คราวนี้ยังต้อนรับอย่างอบอุ่น เพียงแต่ว่าอีกไม่กี่วันต่อจากนี้อาจจะยุ่งมาก ฉันได้รับงานจากอาจารย์ฉู่ อีกไม่กี่วันจะมีการแข่งขัน ถึงตอนนั้นคนที่ชนะถึงจะได้เข้าร่วมการแข่งระดับประเทศ”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย
“ร่างกายของคุณรับไหวไหม? การแข่งขันระดับสูงแบบนี้มันเหนื่อยมาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างแน่วแน่ “คุณวางใจเถอะ ฉันกลับมาแข็งแรงตั้งนานแล้ว”
พูดพลางยกมือขึ้นยืนหมุนตัวตรงหน้าเขา
“คุณก็ดูตอนนี้ฉันสบายดีมากไม่ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินกลับยังไม่วางใจอยู่เล็กน้อย ยกมือขึ้นจะกอดเธอ
เมื่อก้มหน้าลง ก็เห็นจี้หยู๋ชิงที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ก้างขนาดใหญ่ส่องมาที่เขา
สีหน้าของจี้จิ่งเชินไม่เปลี่ยนแปลง ยกคนขึ้นแล้ววางลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แล้วกอดเอวเวินเที๋ยนเที๋ยน รวบเธอเข้ามาในอ้อมกอด