เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่949 แกล้งแม่ ระวังหนูจะตีคุณพ่อ
จี้จิ่งเชินตบประตู
“เที๋ยนเที๋ยน คุณอยู่ข้างในไหม?”
“เวินเที๋ยนเที๋ยน?”
ปัง ปัง ปัง
เสียงประตูใหญ่ถูกเคาะดังไม่หยุด
เสียงดังไม่หยุดลอยมา เวินเที๋ยนเที๋ยนยังตกอยู่ในห้วงของการบูรณะไม่สามารถหลุดออกมาได้
เธอพึ่งจะหาต้นเหตุเจอจึงต้องการจัดการเสร็จช่วงนี้ก่อนที่จะกลับไป ไม่ได้สนใจเหตุการณ์โดยรอบหรือเวลาแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งเสียงเคาะประตูก็ถูกเธอมองข้าม
“เที๋ยนเที๋ยน คุณอยู่ข้างในไหม?”
จนกระทั่งเสียงทั้งหมดลอยมา ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตื่นจากห้วงภวังค์ของตัวเอง เงยหน้ามองขึ้นไป
เสียงนี้ ราวกับเป็นเสียงของจี้จิ่งเชิน
“ยียายา!”
และในนั้นยังปะปนไปด้วยเสียงของจี้หยู๋ชิง
พวกเขามาได้อย่างไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบๆ ถึงพบว่าในบริเวณห้องสำนักงานนั้นไม่มีคนแล้ว เหลือเพียงแค่ตัวเองนั้นที่ยังคงทำงานอยู่
เพราะหลอดไฟเล็กๆ ตรงหน้าเธอ ดังนั้นเธอเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกนั้นมืดแล้ว
เมื่อได้สติกลับมา เธอก็รีบลุกขึ้น เดินไปทางประตู
“จี้จิ่งเชิน คุณเหรอ? คุณมาได้อย่างไร?”
เธอยื่นมือออกไปจะเปิดประตู แต่กลับพบว่าถูกคนล็อกจากข้างนอกเสียแล้ว
“เหมือนประตูถูกล็อกแล้ว”
จี้จิ่งเชินได้ยินเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ถอนหายใจออกมา
“คุณถอยออกไปหน่อย ผมจะเปิดประตู”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็ถอยหลังมาหลายก้าว กำลังจะเอ่ยถาม “คุณมีกุญแจไหม?”
ยังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงปัง! ดังสนั่นขึ้น
จี้จิ่งเชินถีบประตูเข้ามาเลย พังประตูไม้ทั้งบานจนเปิดออกในทันที!
จี้จิ่งเชินกำลังอุ้มจี้หยู๋ชิงยืนอยู่หน้าประตู แล้วมองเธอ
“คุณแม่!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกการกระทำของจี้จิ่งเชินทำให้ตกใจ คิดว่าเขาจะเอากุญแจมาเปิด แต่คิดไม่ถึงว่าจะพังประตูเข้ามาเลย
ถ้าพรุ่งนี้คนอื่นๆ กลับมาแล้วเห็น ต้องตกใจมากอย่างแน่นอน
“คุณมาได้อย่างไร?”
จี้จิ่งเชินอุ้มจี้หยู๋ชิงเดินเข้ามา “คุณถูกขังไว้แล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองที่ล็อกประตูนั้นแล้วเอ่ยอย่างตกใจ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสักครู่เอาแต่บูรณะถ้วยใบเล็กนั่น ไม่ได้สนใจเลย”
“คุณน่ะ”
จี้จิ่งเชินเอ่ยอย่างจนใจ เดินเข้าไปแล้วเอ่ย “แค่เริ่มบูรณะวัตถุโบราณ รอบข้างเกิดอะไรขึ้นคุณก็ไม่รู้เลย แม้กระทั่งแผ่นดินไหวก็ไม่รู้สึกตัว”
“เว่อร์ขนาดนั้นเสียที่ไหน?” เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดง บ่นเสียงเบา
ในตอนนั้นเอว จี้หยู๋ชิงที่จี้จิ่งเชินอุ้มไว้ในอ้อมแขน เห็นทั้งสองคนไม่สนใจตัวเอง ถูกมองข้าม จึงส่งเสียงร้องอ้อแอ้ขึ้นมา
จี้จิ่งเชินถึงลากสายตาไปไว้ที่เขา “ทำไมเสี่ยวหยู๋ชิงถึงตามมาด้วยล่ะ?”
จี้จิ่งเชินเอ่ย “จะตามมาให้ได้ ซนเกินไปแล้ว”
เขาพูดพลางเดินเข้าไปในห้อง
ในห้องสำนักงานในตอนนี้เหลือเพียงเวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียว ตำแหน่งของเธอแม้ไม่ได้อยู่หน้าประตู แต่ก็ไม่ได้ไกลเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากมีคนออกไป ต้องสังเกตเห็นได้อย่างแน่นอน
ใครที่จงใจจะขังเธอไว้ในนี้?
จี้จิ่งเชินนึกถึงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยพูดว่าคนที่นี่ให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ดูแล้วคงไม่ใช่แบบนั้น
“คุณคิดว่าอาจจะเป็นใครทำ?”
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาแต่ทำงาน ดังนั้นเลยไม่ได้สังเกต แม้กระทั่งคนอื่นออกไปตอนไหน เธอก็ไม่แน่ใจ
ใครจะจงใจล็อกประตู ไม่ให้เธอออกจากห้องสำนักงานนี้?
ชื่อของหลายคนปรากฏขึ้นในหัว เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว แล้วก็ไม่พูดอะไร
แล้วพูดว่า “พวกเขาอาจจะลืม”
จี้จิ่งเชินจ้องเธอ กลับไม่ได้ตอบ คาดหวังว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะพูดออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าเอ่ยยิ้มๆ “พอแล้ว เรื่องของสำนักงานให้ฉันจัดการเองก็ได้ คุณยังยุ่งเรื่องรวมบริษัทไม่ใช่เหรอ?”
“อีกอย่าง” เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงมือของเขามาแล้วเอ่ย “ตกลงกันแล้ว ว่าจะให้ฉันจัดการเอง”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมา จึงได้แต่ยอมถอยให้
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้คุณจัดการเอง แต่ต้องระวังความปลอดภัยของตัวเอง ถ้าผมเห็นว่าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่”
จี้จิ่งเชินเม้มริมฝีปาก ใบหน้ายังคงมีความเดือดดาลอยู่เบาบาง
ไม่เพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนมีคนคอยกลั่นแกล้งตอนทำงาน แต่เพราะเธอไม่ดูแลตัวเองด้วย แม้กระทั่งถูกขังไว้ก็ไม่รู้สึกตัว
แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทานข้าว ถ้าตัวเองไม่ได้มาตามเอง คงไม่ต้องรอจนวันพรุ่งนี้ผู้หญิงคนนี้ถึงจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองหรอกใช่ไหม?
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินเคร่งขรึมมาก “เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมจะบอกคุณให้ ทางที่ดีคุณ…….”
ปึก!
ยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นหมัดเล็กๆ อมชมพูก็กระแทกเข้ากับหัวไหล่ของเขา
จี้จิ่งเชินก้มลงมอง ก็เห็นว่าจี้หยู๋ชิงกำลังจ้องเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
กำปั้นน้อยๆ ทุบลงบนไหล่ของจี้จิ่งเชินหลายครั้ง
ใบหน้าเคร่งขรึม กำลังปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยน จากสีหน้าบอกว่า ไม่อนุญาตให้รังแกคุณแม่ ไม่อย่างนั้นจะตีนะ!
จี้จิ่งเชินมองเขาอย่างอึ้งๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกขำจนยิ้มออกมา เอ่ยกลั้วหัวเราะ “หยู๋ชิง เก่งมาก เริ่มปกป้องแม่ได้แล้ว”
พูดพลางเงยหน้าเอ่ยกับจี้จิ่งเชิน “ต่อไปคุณต้องระวังหน่อย ไม่อนุญาตให้รังแกฉันอีก ไม่อย่างนั้นหยู๋ชิงต้องช่วยฉันเอาคืนอย่างแน่นอน”
“พึ่งเขาเนี่ยนะ?”
จี้จิ่งเชินโน้มตัวลงเล็กน้อย สบตากับจี้หยู๋ชิงที่อยู่ตรงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างไม่ปิดบัง
“ดูท่าทางหนูสิ คิดจะเป็นศัตรูกับพ่อ ยังเร็วไปร้อยปี”
พูดพลางหิ้วเสื้อของจี้หยู๋ชิงเอาเขาออกมาจากอ้อมแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยน จับเสื้อของเขาแขวนไว้บนมือ
จี้หยู๋ชิงออกจากเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ดิ้นรนอย่างไม่พอใจทันที ส่งเสียงอ้อแอ้ หน้าย่นเป็นก้อนกลม
จี้จิ่งเชินเอ่ย “เที๋ยนเที๋ยนยังไม่ได้ทานข้าว หนูหนักขนาดนี้ อย่ากดขี่เธอเลย”
ได้ยินดังนั้น ในที่สุดจี้หยู๋ชิงถึงเงียบลง แต่ก็ไม่ยังไม่พอใจกับสภาพของตัวเองในตอนนี้ ราวกับเป็นกระสอบที่ถูกหิ้วไว้ในมือเป็นประจำ ใครจะชอบใจ?
พ่นลมหายใจอย่างโมโห พองแก้มไม่พูดจา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คิดว่าน่ารัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างกลั้นหัวเราะไม่ไหว “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณก็อย่าอุ้มเขาแบบนี้ อย่างกับเป็นกระสอบ คนไม่รู้จะคิดว่าคุณเป็นคนไม่ดีได้”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น ก็ก้มลงสบตากับจี้หยู๋ชิงที่กำลังเดือดดาลแล้วขมวดคิ้ว
“วุ่นวาย”
ดึงจี้หยู๋ชิงขึ้นมาคีบไว้ในมือ ราวกับเป็นกระเป๋าถืออย่างไรอย่างนั้น ยังไม่สู้กระสอบเมื่อสักครู่
แล้วจูงเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปทางด้านนอก
จี้หยู๋ชิงถูกคีบไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดิ้นรนไม่ยอมหยุด แต่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้เลย
ไม่นานก็เหนื่อยแล้วหลับลึกไปทั้งอย่างนั้น
ทั้งสองคนพาจี้หยู๋ชิงออกจากวัง เมื่อยามหน้าประตูเห็นพวกเขาก็รีบพยักหน้าทักทาย
เมื่อเห็นเด็กถูกคีบไว้ในมือของจี้จิ่งเชิน ก็ตกใจตาโตทันที มองพวกเขาจากไปด้วยสีหน้าอึ้งๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าเอ่ย “พรุ่งนี้พวกเขาต้องมาถามฉันแน่ คุณรังแกจี้หยู๋ชิงหรือเปล่า?”