เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่954 สู้กันเถอะ คนที่ชนะเอาแม่ไป!
ตลอดทางที่เดินเข้ามาในตึกใหญ่นั้น ทั้งสองคนดึงดูดสายตาจากผู้คนได้ไม่น้อย
ภายในบริษัทจะมีใครที่ไม่รู้จักเวินเที๋ยนเที๋ยนบ้าง?
เมื่อเห็นเธอเข้ามาแล้ว กำลังจะพากันเอ่ยทักทาย แต่เมื่อเห็นเด็กที่เหมือนจี้จิ่งเชินอยู่ในอ้อมกอดแล้ว ก็รู้สึกตกตะลึงไป
แม้แต่อาการที่แสดงออกมาก็เหมือนกันมาก!
ทุกคนเห็น ก็อดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ จึงยิ้มออกมา
นี่คือประธานจี้ตอนเป็นเด็ก!
อีกทั้งเห็นจี้หยู๋ชิงที่กอดมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้แน่นแล้ว ถึงแม้จะขมวดคิ้วอยู่ สีหน้าจริงจัง แต่ใบหน้าเล็กๆที่อวบอิ่มขาวเนียนนั่นทำให้คนที่เห็นแทบจะอดที่จะเข้าไปสัมผัสและจิ้มลงไปไม่ได้เลย
อาการเดียวกันที่อยู่ในร่างของประธานจี้ ทำให้คนรู้สึกกลัว แต่เมื่ออยู่กับจี้หยู๋ชิงที่น่ารักคนนี้แล้ว กลับทำให้ดูน่ารักกับหัวใจของทุกคน
นอกทางเดินออกไปนั้น คนที่อยู่บริเวณรอบๆไม่ได้เดินเข้ามา แต่กลับได้ยินเสียงที่ดูแปลกใจของพวกเขาดังขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราว
“เป็นเด็กที่น่ารักจังเลยนะ!”
“เหมือนกับประธานจี้มาก แม้แต่สีหน้าท่าทางก็เหมือนกันด้วย แต่พอมาอยู่กับเด็กน้อยแบบนี้แล้ว น่ารักชะมัดเลย!”
“เลือดแทบจะหมดตัวอยู่แล้ว คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าวันนึงสีหน้าอาการที่แสดงออกมานั้นจะเกิดขึ้นมา ต่อไปฉันจะเผชิญหน้ากับความโมโหของประธานจี้ได้ยังไงกัน?”
“อยากจะเข้าไปอุ้มจัง ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว จึงอดที่จะเอ่ยพูดขึ้นกับเสี่ยวหยู๋ชิงออกมาเบาๆไม่ได้ : “พวกเขาชอบหนูมากเลยนะลูก หยู๋ชิง”
จี้หยู๋ชิงหัวไปมองคนที่อยู่รอบๆเหล่านั้น แต่กลับยังคงแสดงสีหน้าอาการที่ดูจริงจังออกมา
ท่าทางแบบนั้น เหมือนกับจี้จิ่งเชินที่ตรวจสอบภายในบริษัทในเวลาปกติเลยอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนเตรียมจะเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกนั้น ยังไม่ทันได้เดินเข้าไป จงหลีก็เดินออกมาเสียก่อน
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว รู้สึกอึ้งไปพักหนึ่งแล้วรอยยิ้มแห่งความดีใจจึงปรากฏออกมา
“เที๋ยนเที๋ยน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะครับ!”
เอ่ยขึ้นมาแล้วนั้น ก็เห็นจี้หยู๋ชิงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังอุ้มอยู่ รอยยิ้มนั้นชะงักไป
“นี่……ลูกของพวกคุณใช่ไหมครับ? น่ารักมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ เขาชื่อจี้หยู๋ชิง”
“หยู๋ชิง……”
จงหลีตกตะลึง รอยยิ้มที่ดูฝืนๆนั้นปรากฏขึ้น “เป็นชื่อที่เพราะมากครับ”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง เห็นเพียงแค่ในลิฟต์นั้นมีเพียงแค่จงหลีเพียงคนเดียวเท่านั้น
“จี้จิ่งเชินยังทำงานอยู่ข้างในใช่ไหมคะ?”
จงหลีพยักหน้าลง และกำลังจะเอ่ยพูดขึ้นนั้น ก็เห็นสิ่งของในมือเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังถืออยู่ แล้วนึกไปถึงคำพูดของจี้จิ่งเชินเมื่อครู่นี้ ถึงได้เข้าใจขึ้นมาทันที
ในรอยยิ้มนั้นมีความอิจฉาแฝงอยู่
“ประธานจี้รอคุณอยู่ในออฟฟิศครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง “ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปด้านบนก่อนนะคะ”
ว่าแล้วก็อุ้มจี้หยู๋ชิงขึ้นลิฟต์ไป
แต่ที่เธอไม่เห็นก็คือ จี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอนั้นกลับมองจงหลีด้วยใบหน้าระแวง ดึงมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้แน่น กลัวว่าแม่ของตัวเองจะถูกคนอื่นแย่งไป
อายุยังน้อยแต่กลับรับรู้และแยกมิตรกับศัตรูได้แล้ว
จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง เขาถึงได้ละสายตาออกมา ในใจรู้สึกไม่พอใจนัก
พ่อคนนี้นี่ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ทำไมยังเอาศัตรูหัวใจมาอยู่ข้างๆตัวเองแบบนี้กัน?
ไม่รู้เรื่องเลยเสียจริงๆ
จี้หยู๋ชิงบ่นอย่างไม่พอใจอยู่ภายในใจ
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รู้เลยว่าเวลานี้ในใจของจี้หยู๋ชิงนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่สอดคล้องกับความคิดของคนอายุเท่านี้อีกด้วย
และไม่นาน เธอก็พาจี้หยู๋ชิงมาถึงชั้นดาดฟ้าของตึกใหญ่นี้ ด้านนอกประตูออฟฟิศประธาน
เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็เห็นจี้จิ่งเชินกำลังอยู่ด้านในจริงๆ
และเมื่อได้ยินเสียงประตู จี้จิ่งเชินก็เงยหน้าขึ้นมา
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้นมาทันที
แต่สายตานั้นกำลังมองไปยังจี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเวินเที๋ยนเที๋ยน คิ้วขมวดขึ้น ดูเมินเฉยมากจนเกินความบรรยาย
เห็นอาการที่แสดงออกมาของเขาแล้ว จี้หยู๋ชิงก็ยิ่งรู้สึกโมโห ใบหน้าเล็กๆนั้นย่นเข้าหากัน แล้วส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่พอใจ หันไปมองเขา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเวลานี้ทั้งสองคนกำลังอารมณ์เสียใส่กันอยู่นั้น ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“เป็นอะไรไปครับ? เมื่อกี้เสี่ยวหยู๋ชิงไม่ใช่ว่าร้องเอะอะมาตลอดว่าอยากจะคุณพ่อนี่นา?”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ยิ่งเลิกคิ้วสูงขึ้น
มองซ้ายมองขวาแล้ว ทำไมเขาถึงมองไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียวกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนอุ้มจี้หยู๋ชิงเดินเข้ามา แล้วเอากล่องอาหารวางลงบนโต๊ะ
“ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ ฉันทำข้าวต้มปลาที่พี่ชอบมาให้เป็นพิเศษเลยนะ”
จี้จิ่งเชินเปิดฝาออก ความหอมก็ฟุ้งออกมา
ทั้งๆที่เป็นประเภทปลาที่ตัวเองไม่ชอบมากที่สุด แต่พอมาอยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน กลับมีความอร่อยอย่างน่าประหลาด
เขากำลังจะเตรียมลงมือ แต่จี้หยู๋ชิงที่ไม่ยอมเหงาคนเดียวนั้นก็ยื่นมือออกมา แล้วร้องอ้อแอ้ๆ ยื่นมือเล็กๆสั้นๆนั้นออกมา พลางจับถ้วยข้าวต้มปลาเอาไว้ ราวกับอยากจะลองชิมดูอย่างไรอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินเห็นเขาต้องการจะแย่งของในมือของตัวเองไปนั้น จึงเลิกคิ้วขึ้น
“เรายังไม่ได้ทานข้าวอย่างนั้นหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย : “แปลกจัง ก่อนจะมาให้เขาทานไปแล้วนี่คะหยู๋ชิง หนูหิวหรือลูก?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลงอย่างหนักแน่น
แต่จี้จิ่งเชินกลับรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
หิว?
ตั้งใจจะแย่งของไปจากปากเขามากกว่าล่ะมั้ง?
อายุแค่นี้กล้ามาท้าทายกับพ่อตัวเอง ช่างกล้าหาญมากจริงๆ
แต่เผชิญกับสายตาอันเย็นชาของจี้จิ่งเชินแล้ว จี้หยู๋ชิงกลับไม่ยอมถอยไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งสองคนคุมเชิงกันอยู่พักหนึ่ง แล้วจี้จิ่งเชินจึงทำได้เพียงต้องยอมให้
“ในเมื่อเราอยากทาน พ่อก็จะแบ่งให้ลูกซักหน่อยก็แล้วกันนะ”
ว่าแล้ว ก็แบ่งใส่ถ้วยเล็กที่อยู่ข้างให้เพียงนิดเดียวเท่านั้น กินเพียงคำเดียวก็หมดแล้ว!
เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นจี้จิ่งเชินขี้เหนียวขนาดนี้ จึงแอบยิ้มออกมา
หลังจากที่จี้หยู๋ชิงเห็นแล้วนั้นจึงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ ชูมือโบกขึ้นมาอย่างโกรธๆเหมือนกับว่าต้องการจะแข่งกับจี้จิ่งเชินอย่างไรอย่างนั้น
จี้จิ่งเชินจนปัญญา จึงต้องตักแบ่งให้เขาอีก
ราวกับทั้งสองคนกำลังแย่งของมีค่าอะไรกันอยู่เลยเสียอย่างนั้น
ตามองดูทั้งคนโตและเด็กเล็กที่เหมือนกำลังจะตีกันแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบเอ่ยขึ้น : “เอาล่ะๆ หยู๋ชิง เมื่อกี้นี้ลูกทานข้าวมาแล้วนะ ทานเยอะมากไม่ได้ แค่นี้พอแล้วนะครับ อีกอย่างถ้าหากหนูอยากทานอีก กลับไปเดี๋ยวแม่ทำให้ทานนะ ดีไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงได้ยินประโยคนี้แล้ว ถึงได้ยอมเลิกราในที่สุด
จี้จิ่งเชินมองเขาอย่างพอใจ สงครามแรกเขาชนะ
ยังไม่ทันได้ดีใจเลยนั้น ก็ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นมาอีก : “พี่เองก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแค่ข้าวต้มแค่ถ้วยเดียวเองหรือคะ? ทำไมจะต้องมาแย่งกับลูกด้วย?”
จี้จิ่งเชินรีบเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง : “นี่ไม่ใช่แค่ข้าวต้มเพียงถ้วยเดียวเท่านั้นนะครับ”
เห็นท่าทางที่ดูจริงจังของเขาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ : “เอาล่ะ ฉันรู้แล้วค่ะ รีบทานเถอะ ไม่ใช่ว่าพี่บอกว่าช่วงนี้งานยุ่งหรือคะ?”
“ก็ค่อนข้างยุ่งอยู่บ้างครับ”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นอย่างคนสุขภาพแข็งแรงดี : “วันนี้คุณจะต้องไปที่โรงงานเซรามิกหรือเปล่าครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง
จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ผมไปกับคุณด้วยดีกว่า”
“พี่ไม่ต้องทำงานหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินพูดถึงข้ออ้างที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา : “คุณกับหยู๋ชิงรออยู่ที่นี่ซักพักนึงนะครับ หลังจากที่เลิกงานแล้ว พวกเราค่อยไปพร้อมกัน”
“แต่ว่าพวกเราอยู่ที่นี่จะไม่เป็นการรบกวนพี่หรือคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
“คุณไม่รบกวนอยู่แล้วล่ะครับ ผมเห็นคุณอยู่ข้างๆแบบนี้กลับจะยิ่งทำให้เปลืองแรงได้น้อยแต่ได้ผลงานออกมามากต่างหาก ส่วนหยู๋ชิง…….”
เขามองไปยังจี้หยู๋ชิงที่กำลังพยายามสู้กับถ้วยใบเล็กอยู่ พลางเอ่ยขึ้น : “ลูกอยู่ที่นี่อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของผมหรือเปล่าครับ?”
“อ๊ะ อ้า!”
จี้หยู๋ชิงที่กำลังทานข้าวนั้นพอได้ยินประโยคนี้ ก็รีบเงยหน้าขึ้นมา แล้วแกว่งแขนไปมาอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ราวกับว่าอยากจะพุ่งตัวเข้าไป เพื่อจะทำศึกกับจี้จิ่งเชินอย่างนั้นเลย