เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่956 ปิศาจน้อยจี้หยู๋ชิง
จี้จิ่งเชินอดที่จะนึกถึงเมื่อก่อนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงมีความขี้ขลาดกล้าๆกลัวๆในการบูรพาวัตถุโบราณอยู่บ้าง กลับคิดว่าตัวเองคงจะไม่สามารถทำงานที่สำคัญให้สำเร็จออกมาได้
แต่เวลาผ่านไปทีละนิดๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับดอกไม้ตูมที่ค่อยๆเบ่งบานออกมาทีละนิด จนเธอเองก็ค่อยๆกลายเป็นคนที่น่าหลงใหลไปแล้วด้วยเช่นกัน
จากความไม่มั่นใจในตัวเอง ความเขินอาย สงสัยในความสามารถของตัวเองในตอนแรก จนตอนนี้นั้นเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ รุกไปข้างหน้าด้วยความกล้า
หรือบางที ตัวเธอเองก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเธอในเวลานี้งดงามเสียจนทำให้คนแทบจะกลั้นหายใจ มีเสน่ห์แบบที่ใครๆก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
“มีแผนเริ่มต้นแล้วใช่ไหมครับ?” จี้จิ่งเชินเอ่ยถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงแล้ว ถึงได้รู้สึกตกใจเขา แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามอง
จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แววตาเปล่งประกาย
“ใช่ค่ะ มีแผนเอาไว้แล้ว วันนี้หลังจากได้เจอกับอาจารย์เซรามิกท่านนั้นแล้ว ก็คงจะสามารถเริ่มได้แล้วล่ะค่ะ”
“ดีเลยครับ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง แต่กลับถอนหายใจออกมา แววตาปรากฏความเสียใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ : “เป็นอะไรไปคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินเพียงแค่ก้มลงมากอดเอวเธอเอาไว้เบาๆ พลางบ่นออกมา : “ไม่รู้นี่มันเรื่องอะไรกัน แค่เพียงคุณมาที่บริษัท ทุกคนก็เหมือนกับจะตื่นเต้นกันขึ้นมาอย่างนั้น ตั้งแต่เมื่อกี้ก็ไม่ได้หยุดเลย เดิมทีอยากจะคุยกับคุณเสียหน่อย แต่กลับไม่สามารถสละเวลามาถามคุณได้เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เมื่อครู่ตอนที่เธอกำลังคิดเรื่องการแข่งขันอยู่นั้น ก็รับรู้ถึงคนเข้าออกกันอย่างต่อเนื่องอยู่จริงๆ
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนบ้างานที่ทำงานแทบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมาตลอดแบบนี้ จะกลัวคนอื่นมาหาเขาด้วยเช่นกัน
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจก็คือ
พนักงานทุกคนที่เข้ามาปรึกษาเรื่องงานกับเขา ก่อนจะออกไปนั้นก็จะมองมาทางเวินเที๋ยนเที๋ยน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการรอคอยและความดีใจ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก
ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนสวยมากเกินไปแล้วจริงๆ เสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหลนั้นแพร่กระจายออกมาตลอดเวลา
จี้จิ่งเชินไม่อยากให้ต้องมีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมาแย่งเธอไปจากตัวเองอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางของเขาแล้วจึงหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่หรือคะ? หลังจากที่เรารีบเสร็จงานกันแล้ว เราก็จะได้ออกจากที่นี่ไปหาอาจารย์เซรามิกไงคะ”
จี้จิ่งเชินมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยขึ้น : “ไม่ต้องรีบหรอกครับ ตอนนี้ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย ผมขอ…….”
ยังไม่ทันได้พูดจบ จู่ๆด้านในห้องพักผ่อนนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“อ๊ะ อ้า!”
เสียงที่ไร้เดียงสาและไม่ระมัดระวังนี้ จี้จิ่งเชินคงไม่รู้สึกคุ้นไปมากกว่านี้อีกแล้ว
นับครั้งไม่ถ้วนที่ตัวเองอยากจะพูดอะไรกับเวินเที๋ยนเที๋ยน หรือทำอะไรบางอย่าง เสียงนี้ก็จะปรากฏขึ้นมาอย่างตรงเวลาโดยไม่มีข้อยกเว้น ขัดแผนการของเขา
ทำให้โลกที่สวยงาม มีชีวิตชีวาของคนสองคนเปลี่ยนมาเป็นต้องพาเด็กเข้ามาในช่วงเวลานั้นด้วย
อีกทั้งยังจะมาแย่งความสนใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนไปจากเขาอีกด้วย ช่างอวดดีเสียจริงๆ
และเป็นอย่างที่คิดว่าครั้งนี้เองก็ไม่พลาด
ราวกับจี้หยู๋ชิงรู้ก่อนแล้วว่าเขาจะต้องเสร็จสิ้นภารกิจล่วงหน้า จึงตื่นขึ้นมาในเวลานี้พอดี แล้วก็ดึงดูดความสนใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนไปอีกแล้วเช่นกัน
อีกทั้งกลยุทธ์นี้ไม่เป็นที่น่าพอใจอีกด้วย!
แล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยืนขึ้น วางสิ่งที่อยู่ในมือลงอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
“ดูเหมือนว่าหยู๋ชิงจะตื่นแล้ว ฉันไปดูลูกก่อนนะคะ เวลานี้พอดีเลย”
ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปด้านใน
จี้จิ่งเชินกัดฟันด้วยความหงุดหงิด เรื่องนี้แม่นเกินไปแล้ว
เขาเดินเข้ามาในห้องพักผ่อนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม มองดูจี้หยู๋ชิงที่ตื่นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งร้องอ้อแอ้ๆอยู่บนเตียง แววตามีความสดใส ไม่เหมือนกับท่าทางที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว
สายตาของจี้จิ่งเชินนั้นดูสงสัย ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้หลับเลยเสียด้วยซ้ำ แต่กลับคอยฟังความเคลื่อนไหวทางด้านนอกอยู่ตลอด และเพื่อที่จะขัดขวางแผนของจี้จิ่งเชิน
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เด็กคนนี้ก็คงจะฉลาดมากเกินไปแล้วใช่ไหม?
ในใจของจี้จิ่งเชินนั้นรู้สึกไม่พอใจ เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่มืดมน
“เรานี่ตื่นขึ้นมาทันเวลาพอดีเลยนะ”
จี้หยู๋ชิงมองเขาอย่างพอใจ แววตาเต็มไปด้วยความปลิ้นปล้อนที่มีความเจ้าเล่ห์และความพอใจ
จี้จิ่งเชินเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้ว ก็ยิ่งหัวเราะขึ้นมา พลางส่ายหน้า : “เอาล่ะ ลูกเองก็ตื่นแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ ไปบ้านของท่านอาจารย์เซรามิกกัน”
“ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมจะอุ้มจี้หยู๋ชิง แต่จู่ๆจี้จิ่งเชินกลับยื่นมือออกมา
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมอุ้มลูกเอง ผมรู้สึกว่าผมกับลูกไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันมานานมากแล้ว”
รอยยิ้มตามอารมณ์บนใบหน้าของจี้จิ่งเชิน แต่ดูเป็นการยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ “ใกล้ชิด” คำนี้กลับกัดฟันเน้นเสียงออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย
หยู๋ชิงกลับมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่สยองๆ รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าคนนี้จะวางแผนอะไรอีก
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาก็ยื่นมือออกมาอุ้มจี้หยู๋ชิงขึ้นมา
ท่าทางยังนับว่าผ่านด่าน
“เราไปกันเถอะครับ”
เห็นเขาดูเหมือนจะไม่ได้มีหลักการลึกซึ้งอะไร จี้หยู๋ชิงถึงได้รู้สึกวางใจ แล้วพยักหน้าลง ทั้งสามคนจึงเดินออกไปจากออฟฟิศด้วยกัน
ชุดสูททั้งตัว จี้จิ่งเชินแสดงออกถึงความเคร่งขรึม ในอ้อมแขนนั้นมีเจ้าตัวน้อยที่มีสีหน้าจริงจังแบบเดียวกันอยู่ ทำให้คนในบริษัทนั้นรู้สึกตะลึงไป แล้วพากันรีบวิ่งมาดู
อัตราการหันกลับมามองนั้นมากกว่าพันเปอร์เซ็นต์เสียอีก!
ทุกคนที่ได้ยิน ก็ล้วนแต่วางงานในมือลง และแม้แต่ไม่ยอมกินข้าวเพื่อรีบวิ่งมาดู
และยังมีคนแอบถ่ายรูปพวกเขาทั้งสามคน แล้วส่งเข้าไปยังเว็บไซต์ของบริษัทอีกด้วย
ใบหน้าเหมือนกัน อาการจริงจังเหมือนกัน เพียงแต่จี้จิ่งเชินที่ปกติจะดูนิ่งเงียบ พอมาปรากฏตัวอยู่ในเฟรมเดียวกันกับจี้หยู๋ชิงแล้ว ช่างมีความงดงามและอบอุ่นยิ่งนัก
“ไม่เคยเห็นใบหน้าของประธานจี้แสดงอาการแบบนี้ออกมาก่อนเลย!”
“เห็นหรือเปล่า เด็กน้อยน่ารักยังจับเนคไทของประธานจี้ด้วย ว่าง่ายดีจัง”
“คิดไม่ถึงเลยว่าประธานจี้จะมีช่วงที่อ่อนโยนแบบนี้ด้วย น่ารักจัง!”
“แล้วยังคิดหลอกว่ามีลูกอีก!”
ทุกคนต่างพากันพูดคุยอย่างเมามัน
มีเพียงจี้จิ่งเชินที่อุ้มจี้หยู๋ชิงเอาไว้ เขาใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเอ่ยขึ้น : “พ่อจะซื้อสารานุกรมที่ลูกชอบที่สุดมาให้ แล้วก็หนังสือที่เฉพาะทางที่ลูกอยากได้ก่อนหน้านี้ แล้วพ่อก็ยังให้พวกเขาทำให้เป็นภาพประกอบที่เข้าใจง่ายขึ้นด้วยนะ พรุ่งนี้ลูกก็จะได้อ่านแล้ว”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ในใจก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
นี่มันเรื่องอะไรกันอีก?
ฝนสีแดงจะตกลงมาอย่างเหลือเชื่ออย่างนั้นหรือ?
ไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นฝ่ายซื้อของมากมายขนาดนี้ให้กับเขา แล้วก็ยังอุ้มเขา…..
แผนร้าย!
จะต้องมีแผนร้ายอย่างแน่นอน!
เขาขมวดคิ้วขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
จากนั้น จี้จิ่งเชินก็ยื่นในสิ่งที่ต้องการมาหนึ่งข้อ
“พ่อซื้อของพวกนั้นให้ลูกได้ แต่จะต้องกำหนดเวลาเพื่อได้รับการทดสอบ กับความรู้ในหนังสือ ถ้าหากลูกไม่ผ่านเกณฑ์ ครั้งต่อไปก็จะถูกยกเลิกสิทธิในการซื้อหนังสือนะ”
ได้ยินแล้วนั้น จี้หยู๋ชิงก็เบิกตาขึ้น แล้วมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จะมาทดสอบกับเด็กที่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ จริงจังใช่ไหม?
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้น : “ถ้าหากลูกทำไม่สำเร็จจริงๆ ก็บอกพ่อมาก่อนได้นะ พ่อจะได้ยกเลิก”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ด้วยความที่เคารพตัวเอง จึงจับคอเสื้อของจี้จิ่งเชินเอาไว้อย่างไม่พอใจ มือเล็กๆนุ่มๆนั้น แต่กลับดูมีพลัง ใบหน้าที่จริงจังนั้นก็น่ารักมากๆเช่นกัน