เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่968 อย่าพูดอะไรเกินตัว
ไม่นาน ทุกคนก็เข้าสู่การทำงาน
แม้ว่าก่อนที่จี้จิ่งเชินจะออกไป เวินเที๋ยนเที๋ยนจะรับปากไว้แล้วว่าจะพักทานข้าวให้ตรงเวลา
แต่เมื่อเริ่มทำงาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ลืมเรื่องนี้ไปจนสิ้น
บวกกับที่เธอทำงานกับอาจารย์หลายๆ ท่าน ในสายตาของทุกคนมีเพียงวัตถุโบราณและงาน ใครก็ไม่คิดถึงเรื่องทานข้าว
ผ่านไปพริบตาเดียวก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าถึงเวลาทานข้าวแล้วแม้แต่น้อย ยังคงมุ่งมั่นทำงาน
กลับเป็นจี้หยู๋ชิง มองนาฬิกาที่แขวนบนผนังแล้วขมวดคิ้ว
อาศัยรถหัดเดินเด็ก ก้าวขาเล็กๆ นั้นก้าวไปทีละน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังศึกษาวิจัยวิธีบูรณะ จมจ่ออยู่กับความคิด ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรมาดึงขากางเกง
เมื่อก้มลงมอง กลับเห็นจี้หยู๋ชิงกำลังพยุงรถหัดเดินเด็ก เงยหน้ามองเธอ
“ยียายา!” เขาส่งเสียงอ้อแอ้ สีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก
เวินที๋ยนเที๋ยนเห็นดังนั้น ถึงได้นึกออก
เมื่อดูเวลา ก็ถึงเวลาทานมื้อเที่ยงแล้วจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงต้องวางเครื่องมือในมือลง แล้วโน้มตัวมอง
“หยู๋ชิงเก่งมาก ดูแลแม่จริงๆ ด้วย พวกเราไปทานข้าวกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอุ้มเขาขึ้นมา แล้วหันกลับไปมองเหล่าอาจารย์
“อาจารย์ทุกท่าน ทุกคนไปทานอาหารกันก่อนเถอะ ตอนบ่ายค่อยมาอีกครั้ง”
ทุกคนมองเวลา ในตอนนั้นเองถึงรู้ได้สติกลับมา พากันพยักหน้า ทยอยกันออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาจี้หยู๋ชิงเข้าห้องอาหารไป พ่อบ้านและคนรับใช้ที่เชิญมาพึ่งจะเตรียมอาหารกลางวันเสร็จ แล้วกำลังจะไปเรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่พอดี
แต่กลับเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนพาคุณชายน้อยเข้ามาก่อนแล้ว ก็แปลกใจเป็นอย่างมาก
เมื่อก่อนถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนเริ่มทำงานแล้ว ก็จะลืมทานข้าว ลืมนอนหลับไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาต้องไปเรียกอยู่หลายครั้งถึงจะมา
คิดไม่ถึงว่าวันนี้พึ่งจะเตรียมอาหารเสร็จเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มาถึงแล้ว
พวกเขามองจี้หยู๋ชิงที่แผ่รังสีองอาจนั่งอยู่ในอ้อมแขนเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็เข้าใจได้ในทันที
ก่อนหน้านี้คุณชายได้สั่งคุณชายน้อย ให้เขาคอยดูชีวิตประจำวันของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงเป็นห่วงว่าจะทำภารกิจสำเร็จได้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะฉลาดขนาดนี้
พ่อยิ้มอย่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก พยักหน้าเอ่ย “คุณชายน้อยสุดยอดมาก อายุน้อยขนาดนี้ก็สามารถช่วยงานคุณชายได้แล้ว”
จี้หยู๋ชิงเงยหน้าขึ้น อยากบอกว่าตัวเองไม่ได้กำลังช่วยจี้จิ่งเชิน แต่เป็นห่วงสุขภาพของคุณแม่ก็เท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยยิ้มๆ “โชคดีที่ได้เขา ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันคงพลาดมื้อเที่ยงอีกแล้ว”
พูดพลางพาจี้หยู๋ชิงนั่งลง
เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วไม่นานเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มทำงานต่ออีกครั้ง
เมื่อกำลังจะออกไป กลับเห็นอาจารย์ฉู่พาคนหลายคนเข้ามา
คนที่อยู่ข้างๆ เขาผมทองตาฟ้า อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาจารย์ฉู่ สีหน้าเคร่งขรึม เชิดหน้าขึ้นสูง ท่าทีหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก
มองซ้ายมองขวาแล้วก็เดินเข้ามา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองทุกคนอย่างไม่เข้าใจ
อาจารย์ฉู่เอ่ยอธิบาย “ทั้งสองคนคือตัวแทนผู้เข้าแข่งขันจากประเทศอื่น อีกครึ่งเดือนข้างหน้า จะเข้าร่วมการแข่งขันกับพวกเธอ วันนี้มาพาทำความรู้จักกับพวกเธอ ให้คุ้นเคยกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า มองไปทางสองคนนั้น
ที่แท้ก็เป็นตัวแทนผู้เข้าแข่งขันจากประเทศอื่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมีความรู้เรื่องการบูรณะวัตถุโบราณในประเทศเป็นอย่างมาก แต่สำหรับต่างประเทศนั้นกลับยังไม่ค่อยชัดเจน
แม้ว่าจะรู้ว่าแต่ละประเทศจะมีแนวทางการบูรณะวัตถุโบราณแบบเดียวกัน แต่ก็มีส่วนที่ไม่เหมือนกันเล็กน้อย
แล้วอีกอย่างเธอได้ยินว่าก่อนหน้านี้ต่างประเทศได้ประกาศวิธีบูรณะแบบใหม่ ถ้าหากได้เห็นด้วยตาตัวเองก็เพียงพอแล้ว
“สวัสดีค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าทักทายพวกเขาเล็กน้อย
แต่ทั้งสองคนกลับปรายตามองเธอ เอ่ยกับอาจารย์ฉู่ที่อยู่ด้านหลังด้วยท่าทางที่หยิ่งยโส “นี่คือผู้เข้าแข่งขันครั้งนี้ของพวกคุณเหรอ? ผมนึกว่าจะเป็นคนมีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะหาคนที่อายุยังน้อยขนาดนี้”
อีกคนก็เอ่ย “ผมว่าพวกคุณดูถูกการแข่งขันนี้ ยังพูดว่ายังไม่ได้เริ่มการแข่งขัน พวกคุณตัดสินใจยอมแพ้แล้ว สละสิทธิ์แล้ว?”
“ฉันก็นึกว่า ในพระราชวังจะมีความคิดโดดเด่นไม่เหมือนใครเกี่ยวกับการบูรณะวัตถุโบราณ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนที่มา ยังมีคนหนึ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกับฉัน ตอนนี้ดูแล้ว ฉันคงคาดหวังกับพวกคุณไว้สูงเกินไป”
“ไร้สาระจริงๆ! ถ้ารู้ก่อนว่าพวกคุณเลือกผู้เข้าแข่งขันแบบนี้ ผมไม่จำเป็นต้องมาหรอก”
พูดจบก็แสยะยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงใจ เอ่ยเสียงเย็น “ดูท่าครั้งนี้พวกเราชนะแน่แล้ว!”
ทั้งสองคนพูดอย่างลำพองใจ แล้วก็จะหมุนตัวกลับ
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่คิดว่าพวกเขามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่ออ้าปากพูดออกมา คำพูดนั้นจะทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต้องขมวดคิ้ว
แม้กระทั่งอาจารย์ฉู่ก็มีสีหน้าไม่พอใจ
“นิวมั้น เมื่อกี้พวกคุณบอกว่าอยากจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ถึงให้พวกคุณมา ไม่ได้ให้พวกคุณมาใส่ร้ายป้ายสีฝีมือการบูรณะของพวกเรา!”
“แล้วไม่ใช่เหรอ?” นิวมั้นยังคงคุยโวไม่กระดาก “ระดับของสาวน้อยคนนี้ อยากชนะพวกเรา? เพ้อฝันโง่ๆ!”
“ใช่แล้ว ฉันว่าการแข่งขันครั้งนี้ไม่ต้องจัดต่อแล้ว ตอนนี้ก็สามารถแยกแพ้ชนะได้แล้ว ถึงเวลาไม่ขายขี้หน้าตัวเอง”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดคิ้วแน่นทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“คุณนิวมั้น ใช่ไหม? ความหมายของคุณคือ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้น ในที่สุดทั้งสองคนจึงหันกลับมามองทางเธอ เชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“ใช่แล้ว เธอว่าอย่างไรล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายเลย ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ในเมื่อวันนี้พวกคุณก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่สู้ทุกคนมาแข่งกันสักครั้งก็รู้แล้ว?”
คนต่างชาติสองคนได้ยินที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพูด ก็ประหลาดใจมาก หันมาสบตากันแล้วยิ้มออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“เธออยากแข่งกับพวกเรา? อย่างเธอเนี่ยนะ? ต่อให้ชั้นใช้มือเดียวเธอก็ไม่ใช่คู่แข่งของฉัน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพียงแต่ยิ้มบางเอ่ย “อย่าพูดอะไรเกินตัว”
ทั้งสองคนยังไม่ยอมรับปาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้แต่เอ่ย “พวกคุณไม่ได้พูดว่าตัวเองเยี่ยมยอดเหรอ? แล้วจะกลัวอะไร?”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินคำดังนั้น ก็เบิกตากว้างอย่างโกรธๆ
“เธอหมายความว่าอย่างไร? พวกเราบอกว่ากลัวเสียเมื่อไหร่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ใส่ใจ “ในเมื่อไม่กลัว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็มาแข่งกันสักครั้งก็ได้แล้ว จะได้เข้าใจความสามารถของอีกฝ่ายด้วย ไม่ใช่เหรอ?”
ทั้งสองคนได้ยินดังนั้นก็สบตากัน เอ่ยเสียงสูงขึ้น
“ได้เลย! ในเมื่อเธอรนหาที่เอง ก็อย่ามาโทษพวกฉันก็แล้วกัน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ไม่ได้กลัวที่เขาข่มเลยแม้แต่น้อย “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเถอะ”
อาจารย์ฉู่ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเอ่ยข้อเรียกร้องแบบนี้ขึ้นมา ทั้งสองคนยังคงไม่รับปาก สายตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“เที๋ยนเที๋ยน ทำไมเธอใจร้อนขนาดนี้?