เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 1
บทที่1 นายน้อย ยุ่นหลิง
ณ ที่โลกพสุธา
ที่เมืองของจักรพรรดิ จิ๋น – เมืองหลวงทอง
บนท้องถนนที่พลุกพล่านในเมืองหลวงผู้คนจำนวนมากได้หยุดทำทุกอย่างเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวอันสง่างาม
ซึ่งนั่นเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตางดงามมากจนทำให้ผู้หญิงหลายคนเข้าใจผิดและอายตัวเอง เขามีผิวที่เรียบเนียนเหมือนหยกและมีรูปร่างที่เพรียวบาง เขามีผมยาวถึงเอวของเขาสีดำสนิทเป็นที่น่าดึงดูดและดวงตาทั้งคู่มีสีแดงที่คมชัดซึ่งดูน่าหลงใหลคล้ายกับนกฟีนิกซ์ แต่ก็มีความอันตรายอยู่ในแววตานั้น
โดยรวมแล้วเขาสวยมากจนทำให้ผู้หญิงหลายคนอิจฉาและผู้ชายบางคนก็ถามเรื่องเพศของพวกเขา
“นั่นเขานี่”
“ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว!”
“นั่นมัน นายน้อยยุ่น หลิงนี่”
ผู้คนเริ่มพูดถึงเขามากขึ้นขณะที่มองชายหนุ่มรูปงามด้วยความหวาดกลัว
นายน้อยทั้งหมดในเมืองหลวงทอง ไม่มีใครมีชื่อเสียงไปมากกว่า ยุ่นหลิงไม่ว่าจะเป็นประวัติความกล้าหาญหรือรูปร่างหน้าตาของเขาทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเขานั้นยอดเยี่ยมที่สุด ว่ากันว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่ค่อยพบเจอได้ง่ายจากทั่วโลก แต่เขามีปัญหาเล็กน้อย
อย่างแรก เขาโคตรหยิ่งยโสในตัวเองสูงมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนที่ตัณหาหนักมากๆ เพราะมีข่าวว่ามีสาวใช้แสนสวยจำนวนหนึ่งที่สูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขา
นอกจากนี้เขายังไม่ชอบให้ใครมาดูหมิ่นตัวเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูหมิ่นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเขา คนที่ทำเช่นนี้กับเขาจะถูกลงโทษด้วยการทุบตีอย่างทารุณ
“นั่นคือ นายน้อยหลิง เหรอ? ข้าอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลาสองปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเขา”
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกหลังจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อสามปีก่อน”
“เรื่องอื้อฉาว? เรื่องอื้อฉาวอะไร”
“เจ้าน่ะอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป เจ้าไม่ควรเอ่ยถามหรือเจ้าไม่ต้องการใช้ชีวิตที่สงบสุขในเมืองหลวงแห่งนี้หรือ”
ที่สุดปลายถนนชายหนุ่มผู้ไม่รู้เรื่องถามเพื่อนร่วมทางอย่างเงียบๆว่า “สาวสวยนั่นคือใคร? เธอช่างสวยจริงๆ แต่น่าเสียดายที่หน้าอกของเธอค่อนข้างแบน”
เพื่อนของเขาหน้าซีดและตบเข้าที่หัวในทันที
“หุบปากซะ! เจ้าอยากตายอย่างงั้นเรอะไอ้บ้าเอ้ย?!”
ชายหนุ่มตกใจกับคำพูดของเพื่อนร่วมทาง เมื่อเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็โกรธขึ้นมาทันทีและขณะที่กำลังจะเผชิญหน้ากับเขาเมื่อจู่ๆเขาก็รู้สึกถึงกระดูกที่หนาวสั่นที่หลัง
เขาหันกลับไปเขาเห็นเพียง ‘ผู้หญิง’ ที่สวยงามมองมาที่เขาอย่างเย็นชา เขาเหงื่อแตก เขาเป็นผู้ฝึกตนจากแคว้นที่ห่างไกล แต่เพียงแค่ถูกจ้องมองโดย ‘ผู้หญิง’ คนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่น มีบางอย่างที่น่าตกใจอยู่เบื้องหลังดวงตาที่น่าหลงใหล แต่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของ “เธอ”
อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าหากนั่นเป็นการมองดูถูกเขา เขาก็จะแสดงให้เห็นว่า ‘เธอ’ เข้าใจผิดว่า ‘เขา’ เป็นอย่างไร
ขณะที่เขากำลังจะขยับตัว จู่ๆเขาก็ได้ยิน “ผู้หญิง” พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นผู้ชายอย่างน่าประหลาดใจ “ผู้ฝึกตนในการสร้างแก่นกลางรึ?”
ชายหนุ่มตกตะลึงอีกครั้ง
“เมื่อดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเจ้าอายุไม่เกิน 20 ปีเป็นแน่”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ตอนนี้ข้าอายุ 20 ปีพอดี”
“ไม่เลวนี่ ข้าต้องการคนรับใช้ที่มีความสามารถแม้ว่าขอบเขตการฝึกตนของเจ้าจะต่ำไปเล็กน้อย แต่ศักยภาพของเจ้าก็ค่อนข้างดี แล้วเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เมื่อคำพูดเหล่านั้นออกจากปากของเขาทุกคนในบริเวณนั้นก็ดูประหลาดใจ
พวกเขาเริ่มบ่นพึมพำขณะที่มองชายหนุ่มอย่างอิจฉา
การเป็นคนรับใช้ของอัจฉริยะที่หาได้ยากเช่น ยุ่น หลิงไม่ใช่เรื่องน่าอาย อันที่จริงบางคนอาจมองว่าเป็นความสำเร็จด้วยซ้ำ แม้ว่ายุ่นหลิงจะหยิ่งยโสและบ้าอำนาจ แต่เขาก็เป็นที่รู้กันดีว่าเขามีน้ำใจต่อพันธมิตรของเขา ถ้าชายหนุ่มคนนี้กลายเป็นคนรับใช้ของเขาจริงๆเขาก็น่าจะได้รับการคุ้มครองและนักฝึกตนบางส่วนจากตระกูลหยุน
ชายหนุ่มรู้สึกขุ่นเคือง ยุ่น หลิงโดยไม่ได้ตั้งใจ แทนที่จะได้รับการลงโทษเขากลับได้รับโอกาสนี้แทน ใครกันที่จะไม่อิจฉา? แม้แต่เพื่อนของเขาก็ยังมองเขาด้วยความอิจฉา
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มไม่ได้มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับพวกเขา ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อได้ยินข้อเสนอเหล่านี้
ข้าจะต้องกลายเป็นคนรับใช้?
“เจ้า … นี่เจ้ากำลังดูถูกข้างั้นรึ” ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ
ยุ่น หลิงส่ายหัว “ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า ถ้าข้าทำข้าจะไม่ขอให้เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้าตั้งแต่แรก”
“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้น! ทำไมเจ้าไม่เป็นคนรับใช้ของข้าแทนซะล่ะ”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดอย่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่กดทับเขา หัวเข่าของเขางอและเกือบจะทรุดลง แต่เขาก็กลับมามีสติได้อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงวินาทีต่อมาแรงกดดันของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาทรุดตัวลงคุกเข่าทันทีทำให้มีรอยแตกบนพื้น เขารู้สึกเหมือนมีภูเขาที่มองไม่เห็นอยู่บนร่างกายของเขาและพยายามที่จะบดขยี้เขาให้ตาย
“อ๊ากกก!”
‘นี่มันกระบวนท่าชั้นยอดแบบไหนกันนะ?!’ ชายหนุ่มรู้สึกโกรธมาก เขาไม่เห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหว แต่ตัวของเขาก็ถูกทำให้อยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว
“ตลกเป็นบ้า” ยุ่นหลิง เย้ยหยัน
ชายหนุ่มพยายามเงยหน้ามองด้วยความยากลำบากและจ้องมองเขา
ยุ่นหลิงค่อยๆลงจากหลังม้าและเดินไปหาชายหนุ่ม ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก้มศีรษะลงและรีบเดินออกไปทันที คนพวกนั้นไม่กล้าสบตากับเขา
“เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนการสร้างแก่นกลางเท่านั้น เจ้าต้องการให้ข้ากลายเป็นคนรับใช้ของเจ้างั้นหรือ? เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปจริงๆ”
เขาเหยียบศีรษะของชายหนุ่มโดยกดใบหน้าของเขาลงกับพื้น ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดและอัปยศขณะที่เขาต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน!
ในขณะนี้ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยความเงียบขณะที่พวกเขามองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสงสาร เขาโชคร้ายเกินไปที่ได้ทำให้เจ้าปีศาจหนุ่มคนนี้โกรธ! พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่ ยุ่น หลิงทำนั้นมากเกินไป แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดออกมาเพราะกลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา
สำหรับคนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ อันที่จริงนี่เป็นเหตุการณ์ปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับ ยุ่น หลิง ที่จริงเด็กๆ หลายคนจากตระกูลที่มีอำนาจเคยสนุกกับการปรากฏตัวของเขามาก่อน ถึงไม่จำเป็นต้องพูดเขาก็เอาชนะทุกคนซึ่งเป็นการยอมจำนนทุกครั้งจนไม่มีใครกล้าต่อต้านเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนเนื่องจากทุกคนในเมืองหลวงรู้ดีว่า ยุ่น หลิงที่เอาแต่ใจนั้นเป็นอย่างไร
แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือดังก้องสองครั้งดังก้องอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ความเงียบถูกทำลายและบรรยากาศที่หนักหน่วงรอบบริเวณก็หายไป
ทุกคนหันไปหาต้นตอของเสียงปรบมือและถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อที่กล้าหาญเดินเข้ามาหาพวกเขา เหมือนกับว่าหินที่วางอยู่บนบ่านั้นได้แตกสลายไป
“เอาล่ะพอแล้ว ยุ่นหลิง เจ้าควรพอและปล่อยให้ผ่านไปโดยเร็ว” ชายหนุ่มรูปงามกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
มีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงที่กล้าเรียก ยุ่น หลิงด้วยชื่อของเขาและพวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่น ซึ่งถือได้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ยุ่นหลิง เลิกคิ้วมองผู้ที่เข้ามยุ่ง “ข้านึกว่าท่านเป็นคนยุ่งเรื่องชาวบ้านนาดนี้นะ ยู่ ซาน”
“ข้าเปล่านะ” ยู่ ซานส่ายหัว “ปกติข้าจะไม่สนใจและปล่อยให้เจ้าทำอะไรของตัวเอง แต่มันต่างออกไปเล็กน้อยในเดือนนี้ การเลือกตั้งมังกรทองกำลังจะเริ่มในไม่ช้า บุคคลที่ไม่ธรรมดามากมายทั่วทั้งอาณาจักรมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมและแข่งขัน ในฐานะผู้ฝึกฝนที่เติบโตที่นี่ในเมืองหลวงข้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับสถานที่ของเรามากนัก…” ยู่ ซานมองเขาผ่านความรู้สึกอันสูงส่งของเขาและพูดที่เหลือ “และการที่เจ้ากลั่นแกล้งผู้ฝึกตนที่ด้อยกว่าเจ้านั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยเช่นกัน”
ยุ่นหลิงยิ้ม มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าถึงความตั้งใจของ ยู่ ซาน เมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายผ่านความรู้สึกหนักแน่นของเขา มันเป็นความพยายามที่จะรักษาหน้าของเขา แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดีอยู่แล้ว แต่มันจะเลวร้ายลงก็ต่อเมื่อ ยุ่นซาน บอกว่าเขากำลังกลั่นแกล้งผู้ฝึกตนที่ด้อยกว่าเขาแม้ว่าทุกคนจากหลายแคว้นจะเห็นการกระทำเหล่านี้
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองมากนัก แต่เขาก็ต้องยอมกับท่าทีแห่งความปรารถนาดีนี้
“สิ่งที่เจ้าพูดนั้นก็สมเหตุสมผล เอาล่ะงั้นก็จบกันแค่นี้” ยุ่นหลิงเอาเท้าออกจากหัวของชายหนุ่ม
น่าแปลกที่แม้ชายหนุ่มได้ห่างออกไปแล้ว ถึงเขาจะทำให้ชายหนุ่มต้องทนทุกข์ทรมานจากความสามารถของเขา แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาล้มลง นั่นคงเป็นแค่แรงกดดันจากความโกรธหรืออะไรบางอย่าง
ยุ่นหลิงหันไปทางเพื่อนของชายหนุ่มและมอบกระเป๋าให้เขา “นี่คือเหรียญมังกรทองพามันไปและรักษาอาการบาดเจ็บของมันซะ”
เพื่อนของชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ แต่เขากลับมีอาการสงบและพยักหน้า เขารีบออกจากที่นี่ทันทีเพื่อพาเพื่อนเขาไปรักษา
ยู่ฉานถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เดิมเขาคิดว่าจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นในการโน้มน้าว ยุ่นหลิง เขาดีใจมากที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาโบกมือไปทางฝูงชนและทำท่าจะออกไป
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะข้ามไปอีกขั้นแล้วล่ะสิ” ยุ่นหลิงกล่าวหลังจากตรวจสอบความสามารถของ ยุ่นซาน สักพัก
ยู่ฉานรู้สึกประหลาดใจเป็นครั้งที่สองก่อนที่ความเข้าใจจะเผยขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาใช้การประมาณเพื่อปิดขอบเขตการฝึกฝนที่แท้จริงของเขาเพื่อที่เขาจะได้มีความได้เปรียบสำหรับการเลือกตั้งมังกรทองที่กำลังจะมาถึง
เขาต้องการให้เพื่อนร่วมแข่งขันของเขาดูถูกเขาหรืออย่างน้อยก็ทำให้คู่ต่อสู้ของเขาไม่รู้ตัวเพื่อที่เขาจะได้ทำให้พวกเขาประหลาดใจในช่วงเวลาสำคัญ แต่ ยุ่น หลิงก็มองเขาออก! แม้แต่ผู้อาวุโสในตระกูลของเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาได้ข้ามผ่านไปแล้ว!
“เจ้ายังมีสายตาที่เฉียบคมเหมือนเดิมนะ” ยู่ฉานตอบด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
ยุ่นหลิงพูดเบาๆ
“นายน้อย! ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว!”
ในขณะที่ยุ่นหลิงกำลังจะขึ้นคร่อมหลังม้าเมื่อเขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขามองไปข้างหน้าและเห็นผู้ชายที่ดูอ่อนแอกำลังวิ่งมาหาพวกเขา
“ยุ่นหยี?” ยู่ซานพึมพำจากนั้นก็เหลือบไปที่ ยุ่นหลิง
ยุ่นหยี เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ยุ่นหลิงและเป็นผู้ช่วยที่เขาไว้ใจที่สุด เขาเป็นคนฉลาดที่ทำงานเก่งมาก เขาไม่เคยล้มเหลวในการดำเนินงานที่ ยุ่นหลิงมอบหมายให้เขาเลยสักครั้ง อันที่จริงเขาทำทุกงานอย่างงดงาม แม้แต่หัวหน้าของตระกูลยุ่นก็มอบหมายงานสำคัญบางอย่างให้เขาและก็ไม่ผิดหวังแม้แต่น้อยในการทำงานของเขา
“นายน้อย! เจ้าต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!” ยุ่น หยีกล่าวทันทีหลังจากที่เขาไปหา ยุ่นหลิง
“มีอะไรผิดปกติในตระกูลหรือไม่? บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น” ยุ่นหลิงหรี่ตา เขาหายไปจากเมืองหลวงเพียงสี่เดือน เกิดอะไรขึ้นภายในตระกูลถึงทำให้ ยุ่นหยีลุกลี้ลุกลนเช่นนี้?
“เอ่อนี่…” ยุ่นหยีมองไปรอบๆ ด้วยความกังวลว่าข้อมูลนี้อาจรั่วไหลออกไป
ยุ่นหลิง รู้ดีถึงความกังวลของเขา เขาจึงกระจายความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ออกไปเพื่อตรวจสอบว่ามีใครให้ความสนใจหรือพยายามแอบฟังพวกเขาหรือไม่ ด้วยความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา แม้แต่ผู้ฝึกตกที่มีการระดับสูงกว่าเขาก็ยังไม่เล็ดลอดจากการตรวจสอบของเขา นอกเสียจากว่าผู้ฝึกตนชั้นสูงกว่าเหล่านั้นจะไม่เบื่อที่จะฟังบทสนทนาของผู้ฝึกตนที่ด้อยกว่า
“พูดมา”
“นายน้อยข้าว่า…” ยุ่นหยีเริ่มลังเลแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าจะส่งต่อข้อมูลนี้อย่างถูกต้องได้อย่างไรโดยที่ไม่ทำให้เจ้านายของเขาไม่ตกใจ
“อะไรล่ะ?”
เขากัดฟันและพูดออกมา “ท่านมีลูกสาว!”
“อะไรนะ?!”