เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 10
บทที่10 – ตัวตนของเธอ
หยื่อ ตงเหม่ยเงียบ เธอขมวดคิ้วราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยุ่นหลิงก็ไม่เซ้าซี้เธอและรอคำตอบจากเธอ เขากำลังให้เธอทำความเข้าใจซึ่งเธอก็ไม่ได้ไปไหนอย่างน้อยเขาก็อาจจะได้คำตอบจากเธอ
เขารอมาสองสัปดาห์แล้วมันคงไม่ยากนักที่จะรออีกสักสองสามนาที
“ทำไมเจ้าถึงอยากรู้” แทนที่จะบอกคำตอบกับเขาโดยตรง หยื่อ ตงเหม่ยกลับถามเขากลับ
ยุ่นหลิงทำได้เพียง เย้ยหยัน
“ข้าต้องมีเหตุผลที่จะรู้ว่าแม่ของลูกคือใคร”
“ก็พอมีเหตุผล”
หยื่อ ตงเหม่ยพยักหน้าหงึกๆ
แม้ว่าคำตอบของ ยุ่นหลิงอาจจะดูหยาบคายหรือประชดประชัน แต่หยื่อ ตงเหม่ย ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าและเข้าใจว่าคำถามของเขาค่อนข้างงี่เง่า
“ตอนนี้บอกข้าทีว่าเป็นใคร” ยุ่นหลิงถามอีกครั้งขณะที่เขาดันเธอชิดกำแพง เขาไม่เปิดช่องให้เธอใช้เพื่อหลบหนีจากสถานการณ์ใจตอนนี้ของเธอ
ถ้าคนอื่นเห็นพวกเขาในตอนนี้ก็จะมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ร่างกายของพวกเขาแทบจะแนบชิดกันในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว ถ้ามีคนเห็นพวกเขาก็ยากที่จะไม่เข้าใจผิด พวกเขาเหมือนคู่รักที่กำลังจะแสดงท่าทีสนิทสนมกัน
แน่นอนว่าทั้งสองคนไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่จริงจังและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งอื่น ยุ่นหลิงมุ่งมั่นที่จะรู้ว่าแม่ของยุ่นเซี่ยคือใครและหยื่อ ตงเหม่ยก็ครุ่นคิดว่าจะตอบคำถามเขาอย่างไร
หลังจากไม่กี่นาทีผ่านไปหยื่อ ตงเหม่ยก็ตอบในที่สุด
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
ยุ่นหลิงหรี่ตา
หยื่อ ตงเหม่ยส่ายหัว
“ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้”
ยุ่นหลิงไม่แปลกใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะง่ายในความเป็นจริงเขาคาดไว้แล้วว่ามันจะค่อนข้างยากที่จะได้รับคำตอบจากเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพ่อของเขาถามเธอไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้อะไร ถึงกระนั้นยุ่นหลิงก็สามารถยืนยันบางสิ่งได้หลังจากทั้งหมดนี้
แม่ของ ยุ่นเซี่ยไม่ได้เป็นโสเภณีหรือคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแน่นอน
พ่อของเขาส่งคนของเขาไปตรวจสอบภูมิหลังของ ยุ่นเซี่ยและ หยื่อ ตงเหม่ยโดยหวังว่าจะพบตัวตนของแม่ของ ยุ่นเซี่ยจากประวัตินี้ พ่อของเขานั้นอาจจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดเมื่อไปไตร่สวนใคร แต่เขาก็ยังพยายามอย่างที่สุด ถึงแม้จะทำขนาดนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ทราบเรื่องใดๆเลย
หยื่อ ตงเหม่ยเป็นผู้ดูแล ยุ่นเซี่ยแต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา ยุ่นหลิงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ฝึกตนที่มีพลังที่อยู่เหนือขอบเขตการก่อตัวหลัก การเข้าถึงการก่อตัวหลักก่อนอายุ 30 ปีก็เพียงพอแล้วที่จะถือว่าเป็นอัจฉริยะในจักรวรรดินี้ เมื่อมองไปที่หยื่อ ตงเหม่ยเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีอายุมากกว่าเขาได้ บางทีเธออาจจะอายุ23 ปีเท่าเขา
อย่างมากที่สุดก็คืออายุ 23 ปี แต่เธอก็อยู่เหนือขอบเขตการก่อตัวหลักแล้วเมื่อพูดถึงขอบเขตการฝึกตนเพียงอย่างเดียวเธอก็มีมากกว่าอัจฉริยะหลายคนในจักรวรรดิแล้ว
คนที่สามารถทำให้อัจฉริยะอย่างเธอกลายเป็นเพียงผู้ดูแลได้นั้นไม่ธรรมดาเลย นอกจากนี้การที่คนของพ่อเขาไม่พบอะไรเลยหลังจากการไตร่สวนมีเพียงอย่างเดียวคือ
แม่ของยุ่นเซี่ยเป็นคนที่มีพลังหรือมีอำนาจมาก
มีใครบางคนที่มีอำนาจมากพอที่จะทำให้อัจฉริยะอย่างหยื่อตงเหม่ยกลายเป็นผู้ดูแลของยุ่นเซี่ยคนที่มีอำนาจมากซึ่งมีเป็นคนที่พิเศษอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเธอที่สามารถลบภูมิหลังประวัติทุกอย่างของยุ่นเซี่ยและหยื่อตงเหม่ยทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาได้จนเกือบหมด แม้แต่พ่อของเขาก็ยากที่จะตาบสืบเรื่องของพวกเขา
นั่นคือสถานะของแม่ของ ยุ่นเซี่ย
“แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น” ยุ่นหลิงถามราวกับว่าเขาไม่รู้อะไรเลย
“เพราะข้าไม่เชื่อใจเจ้า” หยื่อ ตงเหม่ยตอบ
“ข้าเป็นพ่อของยุ่นเซี่ย ข้าสมควรที่จะรู้”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” หยื่อ ตงเหม่ยพูดอย่างเรียบๆขณะที่เธอหรี่ตามองเขา “เจ้าอาจจะเป็นพ่อของ นายน้อยหญิงแต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเรา ความผิดอาจอยู่ที่แม่ของนายน้อยหญิง ที่ไม่ได้แจ้งว่าเจ้ามีลูกสาว แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับข้าและ นายน้อยหญิง”
ยุ่นหลิงเงียบไปขณะที่เขามองเธออย่างจริงจัง
“ข้าไม่มีอะไรต่อเถียงกับเจ้าหรือครอบครัวขอองเจ้าในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตามถ้าข้าบอกเจ้าและข้อมูลนี้แพร่กระจายออกไปมันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของนายน้อยหญิง แม่ของเธออยู่ในสถานะที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง แม้เธอจะกลับมาก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน นั่นคือเหตุผลที่ข้าจะไม่บอกเจ้า จนกว่าข้าจะแน่ใจว่าสามารถเชื่อใจเจ้าหรือครอบครัวของเจ้าได้” หยื่อ ตงเหม่ยอธิบาย
ยุ่นหลิงนิ่งเงียบเป็นเวลานานขณะที่เขานึกถึงคำพูดของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท้ายที่สุดเขาก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด หากเขาอยู่ในสถานะของเธอเขาก็จะไม่เต็มใจที่จะเชื่อใจใครก็ตามด้วยคำพูดเพียงเล็กน้อยกับคนที่พึ่งเจอหน้ากันไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
มีแต่คนโง่ที่จะทำแบบนั้น
“เอาล่ะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของ ยุ่นเซี่ยข้าก็จะไม่ถามอีกแล้ว ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะเชื่อใจข้าและบอกข้าด้วยความเต็มใจของเจ้าเอง” ยุ่นหลิงกล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ก็อย่างที่เจ้าพูดแม้จะเป็นพ่อลูกกัน แต่ยุ่นเซี่ยและข้าก็เป็นคนแปลกหน้า อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นตั้งแต่ข้าได้รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของข้าความเป็นอยู่ที่ดีของเธอเป็นสิ่งที่ข้ากังวลเสมอ นั่นคือหน้าที่ของข้าในฐานะพ่อ”
“จุดประสงค์หลักของเจ้าคืออะไร” หยื่อตงเหม่ยถามอย่างเย็นชา
ยุ่นหลิงยิ้มออกมา มือขวาของเขาจับไปที่ใบหน้าของเธอจากนั้นเขาก็ยกคางขึ้นเพื่อให้พวกเขามองตรงหากัน หากมองใกล้ๆ เขาจะเห็นสีแดงจางๆ บนใบหน้าของ หยื่อตงเหม่ย
“จุดประสงค์หลักของข้าคือข้าในฐานะพ่อของเธอจะไม่ยอมให้มีอันตรายเกิดขึ้นกับยุ่นเซี่ย ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายเธอไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม” ยุ่นหลิงกล่าว“ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชาย เหล่าอัจฉริยะ สาวกนิกาย ผู้อาวุโส จักรพรรดิ หรือแม้แต่ปรมาจารย์ในนิกายข้าจะฆ่าพวกเขาโดยไม่นึกถึงสถานะของคนพวกนี้”
หยื่อ ตงเหม่ยขมวดคิ้ว
“ผู้อาวุโส? จักรพรรดิ? ปรมาจารย์ของนิกาย? เจ้านี่มั่นใจจริงๆ”
ยุ่นหลิงเพิกเฉยต่อคำพูดของเธอและกล่าวว่า “ยังไงก็ตามเจ้าควรไปแต่งตัว ยุ่นเซี่ยและข้ากำลังจะไปงานเลี้ยงคืนนี้เจ้าเองก็ต้องมาด้วยเช่นกัน”
เขาไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ เธอพูดถูกเพราะสุดท้ายเขาหยิ่งผยองและเขาก็ไม่ปฎิเสธว่าเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ
หยื่อ ตงเหม่ยไม่ได้ขัดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หน้าที่ของเธอคือดูแลและปกป้องยุ่นเซี่ยหากพวกเขากำลังจะออกไปจากที่ตั้งของตระกูลเธอก็ต้องไปด้วย
“อ๊า!”
ก่อนที่หยื่อ ตงเหม่ยจะพูดอะไรบางอย่างทั้งสองก็ได้ยินเสียงใครบางคนร้องดัง พวกเขาหันไปทางต้นเสีนงในเวลาเดียวกันและเห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกของหญิงวัยกลางคน เธอเป็นหนึ่งในคนรับใช้ของตระกูลยุ่น
ผู้หญิงคนนั้นมองพวกเขาด้วยความกลัวและรีบพูดว่า “นายน้อยข้าไม่เห็นอะไรเลย!”
ยุ่นหลิงและหยื่อ ตงเหม่ยต่างก็สงสัยว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่แล้วพวกเขาก็ตระหนักถึงตำแหน่งที่เขาชี้มา ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาเธออาจคิดว่าทั้งสองคนกำลังจะมีอะไรกันอย่างไม่แยแสใคร เพราะการที่ทั้งสองอยู่อย่างใกล้ชิดกันในห้องโถงซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นคิด
ยุ่นหลิงนิ่งไปชั่ววินาที แต่กลับมามีสติได้อย่างรวดเร็ว
เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ”
“ข้าเข้าใจนายน้อยข้าไม่เห็นอะไรเลย!” หญิงสาวก้มลงอย่างเร่งรีบและจากไปอย่างรีบร้อนโดยไม่ทันฟังว่าพวกเขาจะพูดอะไร