เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 11
บทที่11 รวมตัวอัจฉริยะ
ณ สวนกุหลาบ
สวนกุหลาบ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงใน เมืองหลวงของจักรวรรดิจิ๋นเป็นสถานที่ที่คนรักมักจะแวะเวียนมาเนื่องจากมีวิวที่สวยงามและดอกไม้ที่สถานที่นี้ก็เป็นสัญลักษณ์ของความรัก เป็นสถานที่ที่โรแมนติกมากบางคนถึงกับบอกว่าถ้าใครสารภาพรักในสวนกุหลาบนี้ก็จะไม่ถูกปฏิเสธ
เห็นได้ชัดว่านั่นไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือที่แพร่กระจายโดยผู้ดูแลสถานที่เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาในสวนแห่งนี้มากขึ้น มันไม่มีอะไรนอกจากคำโฆษณาที่เกินจริง อย่างไรก็ตามมันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีเนื่องจากผู้คนจำนวนมากยังคงมาที่สวนเพื่อออกเดทสารภาพรักหรือแม้กระทั่งจัดงานแต่งงาน
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อกิจกรรมที่เกี่ยวกับความรักเท่านั้น ผู้มีอิทธิพลหลายคนใช้สวนกุหลาบเพื่อจัดงานสังสรรค์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้การรวมญาติหรืออะไรก็ตาม เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับจัดงานสังสรรค์เกือบทุกประเภท
เนื่องจาก สวนกุหลาบแห่งนี้มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่สามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคนและสถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆคนที่ชอบในดอกกุหลาบจะต้องตกหลุมรักมัน
จึงไม่แปลกว่านั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมที่งานเลี้ยงในคืนนี้จะจัดขึ้นที่ สวนกุหลาบแห่งนี้
คืนนี้สวนกุหลาบไม่ได้จัดงานให้สำหรับทุกคน คนที่สามารถเข้ามาในสถานที่นี้ได้คือผู้ที่ได้รับจดหมายเชิญจากองค์ชายที่สี่กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือผู้เข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทอง
มีโต๊ะ 500 โต๊ะทั่วสวนแต่ละโต๊ะมีมี่นั่งสำหรับห้าคน ตอนนี้มีผู้เข้ามาแล้วมากกว่าสองพันคน บางคนนั่งอยู่ตามที่นั่งของตนแล้ว ในขณะที่บางคนยืนคุยกับคนรู้จัก บางคนแนะนำตัวซึ่งกันและกันและยังมีการโปรยเสน่ห์กับเพศตรงข้ามอีกด้วย ด้วยผู้คนจำนวนมากนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนบุคลิกหลากหลายประเภทในงานเลี้ยงคืนนี้
“เจ้าหนุ่ม ข้าคิดว่าข้าจะไม่สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทองได้ ในปีนี้ข้าอายุสามสิบปีแล้วและถ้าข้าไม่โชคดีที่ข้ามผ่านขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางเมื่อเดือนที่แล้วข้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”
“ท่านค่อนข้างโชคดีจริงๆ ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าถึงขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางแต่แย่มากเขาอายุสามสิบเอ็ดแล้วและไม่สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทองได้อีกต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะข้าและพี่ชายของข้าห้ามเขาไว้เขาคงฆ่าตัวตายไปแล้ว”
“เพื่อที่จะสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทองได้เราต้องไปถึงขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลาง ภายในอายุสามสิบปีหรือน้อยกว่านั้น นี่คือเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะและค่าเฉลี่ย หากเจ้าไม่สามารถเข้าถึงขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางได้ภายในสามสิบปีเจ้าคงจะเป็นคนเกียจคร้านหรือคนธรรมดาถ้าเจ้าทำได้เจ้าก็เป็นอัจฉริยะในหมู่เพื่อนของเจ้า”
“ฮ่าฮ่าข้าไม่สามารถพูดได้ดีกว่านี้ นี่คือการดื่มฉลองสำหรับพวกเราเหล่าอัจฉริยะ!
“ถูกต้องทุกคนในงานเลี้ยงนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะ ชนแก้ว!”
“ชนแก้ว!”
“เจ้าพูดถูกแล้ว ชนแก้ว!”
ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังคุยและเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขบางคนที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามกับพวกเขาก็ได้ยินเสียงการสนทนาของพวกเขา
“ฮ่าๆๆ มีอะไรน่าขำ! พวกเจ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดหรือไม่?”
“ข้าได้ยินแล้ว แล้วข้าก็พยายามไม่สนใจพวกเขา แต่แทบกลั้นหัวเราะแทบไม่ได้”
“อัจฉริยะชั้นต่ำ”
“ปล่อยมันไปเถอะ อย่าลดระดับตัวเองลงไปยุ่งกับมันเลย”
เสียงของคนเหล่านี้ค่อนข้างดัง จริงๆแล้วพวกเขาได้ก็รับความสนใจจากคนอื่นๆ รวมถึงกลุ่มก่อนหน้านี้ด้วย
“เฮ้ยพวกเจ้าน่ะ เจ้ากำลังพูดถึงพวกข้าอยู่หรือเปล่า” หนึ่งในคนจากกลุ่มแรกถาม เขาขมวดคิ้วขณะที่มองอีกกลุ่มด้วยความไม่เป็นมิตร
“ใช่ เจ้ามีปัญหาอะไรล่ะ” ชายจากกลุ่มที่สองกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“ขอโทษนะ แต่พวกเราทำให้เจ้ารำคาญหรือเปล่า เจ้าช่วยบอกพวกเราได้ไหมว่าพวกเราทำผิดอะไร”
คนจากกลุ่มที่สองหัวเราะออกมาขณะที่พวกเขามองไปที่กลุ่มแรกอย่างเยาะเย้ย ผู้คนจำนวนมากขึ้นในสวนหันมาสนใจพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นโดยที่บางคนต้องการดูการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มนี้
“พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะงั้นหรอ? เจ้าไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรือ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มีเพียงคนงี่เง่าที่คิดไม่ได้เท่านั้นแหละ ผู้ฝึกตนขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางอายุสามสิบปีคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ? ในสายตาของเราพวกเจ้าก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป”
“น่าหัวเราะจริงๆ”
“ผู้ที่เพิ่งมาถึงขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางเมื่ออายุสามสิบปีนั้นไม่ต่างจากผู้ที่ทำได้ในอายุสามสิบเอ็ดหรือสามสิบสอง พวกเจ้าแทบไม่ผ่านข้อกำหนดสำหรับการคัดเลือกมังกรทอง เลยด้วยซ้ำ”
“แม้อายุยี่สิบเก้าปีก็ถือว่าสายไปแล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปจริงๆ”
ผู้คนในกลุ่มแรกรู้สึกอับอายขณะที่พวกเขาจ้องมองตัวเขาด้วยความอัปยศอดสูที่พวกเขาได้รับ มีบุคคลที่โดดเด่นมากเกินไปในงานเลี้ยงนี้ซึ่งทำให้พวกเขาอับอายในตอนนี้ทำให้พวกเขาโกรธมาก
ขณะที่พวกเขากำลังจะต่อสู้กับอีกกลุ่ม ทันใดนั้นก็มีการประกาศอย่างกะทันหันดังขึ้น
“ลูกชายคนแรกของ ตระกูลยู่มาแล้ว!”
หลังจากได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เงียบขณะที่พวกเขาหันไปสนใจที่ทางเข้า การแสดงออกของพวกเขาดูจริงจังในขณะที่พวกเขารอให้ผู้มาใหม่เข้ามาในสายตาของพวกเขา
ไม่กี่วินาทีต่อมาชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก็มาถึงที่หมาย เขาดูกล้าหาญและองอาจเป็นพิเศษ แม้จะถูกทุกคนจับตาดู แต่การก้าวเดินของเขาก็มั่นคงราวกับว่าเขาแค่เดินเล่นสบายๆ ราวกับว่าเขารู้เป็นอิสระเหมือนสายลม เขาเป็นคนที่ไม่ได้ถูกผูกมัดไว้กับสิ่งใดๆ ความมั่นใจที่เขามอบให้นั้นทำให้สาวๆ หลายคนในสวนสลบไปเมื่อเห็นเขา
“นั่นคือ ยู่ฉานหนึ่งในสามอัจฉริยะสูงสุดของเมืองหลวง”
“พ่อของเขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยของจักรวรรดิใช่ไหม”
“ระวังเขาด้วยเขาเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันที่เป็นตัวเต็งที่สุดสำหรับการเป็นที่หนึ่งในการคัดเลือกมังกรทอง”
“เขาดูแข็งแกร่งจริงๆ”
“หึไม่สักนิด เขาดูเหมือนคนโง่เขลา”
ทุกคนเริ่มพูดพึมพำเมื่อมองไปที่ ยู่ฉานแต่ละคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเขา