เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 26
บทที่ 26 ค่ำคืนอันเงียบสงบ
ใช้เวลาไม่นานรถม้าก็มาถึงบริเวณที่ตั้งงของตระกูล เมื่อพวกเขากลับถึงบ้านยุ่นหลิงก็ยกยุ่นเซี่ยอย่างระมัดระวังและพาเธอลงรถไปที่ห้องของเธอ หยื่อตงเหม่ยตามมาข้างหลังในขณะที่ให้ความช่วยเหลือเขาเมื่อเขาต้องการ
ขณะที่พวกเขาค่อยๆวางยุ่นเซี่ยลงบนเตียงของเธอยุ่นหลิงรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวที่คุ้นเคยมาหาพวกเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็หันกลับมาและเห็นพ่อของเขายืนนิ่งอยู่ที่ทางเข้าประตูและมองไปที่พวกเขา
“เธอหลับไปแล้วหรือ”? ยุ่นซานถามอย่างเงียบ ๆ
ยุ่นหลิงจ้องมองเขาอย่างงุนงงขณะที่เขาพยักหน้าตอบ พ่อของเขาเองก็เห็นอยู่ว่าเธอหลับปุ๋ยต่อหน้าเขาแล้วเขายังจะถามทำไมอีก? แต่ยุ่นหลิงเข้าใจว่าพ่อของเขาไม่ได้ขอให้ได้รับคำตอบ แต่เพียงแค่อยากเริ่มการสนทนากับเขาเท่านั้น
“ข้าเข้าใจแล้ว …” สายตาของยุ่นซานจ้องมองร่างเล็กๆ ของยุ่นเซี่ยขณะที่เขายิ้มออกมา เขาต้องการลูกสาวมาโดยตลอด แต่น่าเศร้าที่สวรรค์ไม่ได้ประทานให้เขา แต่ได้หลานสาวก็ยังดีกับเขา เขาถอนหายใจด้วยความพึงพอใจเขาจึงเปลี่ยนความสนใจกลับไปที่ ยุ่นหลิงและพูดว่า“ มาที่ห้องทำงานต่อหลังจากพาเธอเข้านอนแล้ว”
“เข้าใจแล้ว” ยุ่นหลิงตอบ เขาคิดว่าพ่อของเขาอาจอยากได้ยินจากเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในงานเลี้ยง
นั่นก็ดีกับเขา เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปห้องทำงานต่อเมื่อพวกเขามาถึง แต่เขาต้องดูแลลูกสาวของเขาก่อนจึงจะไปที่นั่น
จากนั้นยุ่นหลิงก็หยุดแปปนึงและพูดว่า “ข้าจะไปกับท่านเดี๋ยวนี้”
ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องพาลูกสาวเขาไปที่นั่นด้วย หยื่อตงเหม่ยก็อยู่ที่นั่นด้วยดังนั้นเขาจึงสามารถปล่อยที่เหลือให้เธอจัดการต่อได้
“เจ้าแน่ใจไหม?” ยุ่นซานเลิกคิ้วใส่เขา
ยุ่นหลิงพยักหน้า เขามองไปที่หยื่อตงเหม่ยและสั่งว่า“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้เรียกหาข้า”
“เข้าใจแล้ว” เธอพูดอย่างเรียบๆ
ด้วยเหตุนี้ทั้งพ่อและลูกจึงออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ โดยมี ยุ่นซานนำทางไป
แทนที่จะมุ่งหน้าไปที่ห้องำงานของเขาโดยตรง ยุ่นซานมุ่งหน้าไปที่ลานกว้าง ยุ่นหลิงเดินตามหลังไปโดยที่ไม่พูดอะไรและกำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ เขานึกถึงบทสนทนาของเขากับหยื่อตงเหม่ยก่อนหน้านี้ในขณะที่เขาถอนหายใจ เขาวางแผนเกินแย่ไปหรือเปล่า?
“มีอะไรรึ” ยุ่นซานถามเมื่อสังเกตว่าลูกชายของเขาไม่ทำตัวตามปกติของเขา เขารู้จักลูกชายเป็นอย่างดี ยุ่นหลิงทำเช่นนี้เมื่อเขามีบางสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจ
“มันไม่มีอะไรหรอก” ยุ่นหลิงโบกมือให้เขา
“อืม …” ยุ่นซานทำเสียงฮึมฮัมในความคิดของเขา เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เปิดกว้างเพื่อชมดวงดาวยามค่ำคืน
เขารู้ว่าบางอย่างทำให้ยุ่นหลิงหนักใจ แต่เขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรมาก ยุ่นหลิงไม่ใช่เด็กอีกต่อไปและตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ เขามีลูกสาวเป็นตัวเองและตอนนี้ก็เป็นพ่อแล้ว ยุ่นซานแน่ใจว่าอะไรก็ตามที่เข้ามารบกวนยุ่นหลิงเข้าจะจัดการมันได้ด้วยตัวเอง ถ้าหากเขาทำไม่ได้เขาก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อให้ความช่วยเหลือ
“แล้วเจ้าจะออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย
“เดี๋ยวนะ?”
เขามองไปที่ลูกชายของเขาและพูดว่า “เจ้ามีภารกิจที่ต้องทำไม่ใช่หรือ? เจ้าจะออกไปเมื่อไหร่”
“ท่านรู้ได้ยังไง? รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คิ้วของยุ่นหลิงกระตุก
“ข้ารู้ของข้าแล้วกันแหละ” ยุ่นซานพูดด้วยรอยยิ้มที่รู้ใจ
“ถูกของท่าน…” ยุ่นหลิงกลอกตา
บางครั้งพ่อของเขาก็รู้ดีอยู่แล้ว เขาไม่ควรแปลกใจเลย งานเลี้ยงนี้ไม่ใช่งานลับ ทุกคนที่มีอำนาจสามารถรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นหากพวกเขาต้องการ พ่อของเขาอาจจะส่งผู้ช่วยบางคนไปที่นั่นโดยที่เขาไม่รู้ พวกเขาอาจเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทองด้วย
“ข้าจะไปพรุ่งนี้” ยุ่นหลิงตอบ
“ไม่เร็วไปรึ?”
“ยิ่งข้าจัดการเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไหร่ข้าก็จะสามารถใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับการคัดเลือกมังกรทองได้เร็วขึ้นเท่านั้น” ยุ่นหลิงอธิบาย
ยุ่นซานพยักหน้า “ดีมาก ข้าจะให้คนรับใช้เตรียมของให้เจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในคืนนี้ จักรพรรดิได้ห้ามไม่ให้เราช่วยเหลือเจ้าอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าทำแค่นี้คงไม่เป็นไร”
“ขอบคุณท่านมาก” ยุ่นหลิงกล่าว เขาเป็นคนที่มีขอบเขตการฝึกตนค่อนข้างสูงดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องพักผ่อนอันที่จริง เขาสามารถอยู่ได้หลายสัปดาห์โดยไม่ง่วงหรืออ่อนล้า แต่การพักผ่อนสักหน่อยก็ดีกว่าการไม่ได้พักผ่อนเลย
ยุ่นซานยิ้มให้เขา แม้ยุ่นหลิงจะมีข้อบกพร่องที่เขาไม่ชอบโดยเฉพาะพฤติกรรมของเขาในอดีต แต่เขาก็ภูมิใจที่มีลูกชายอย่างเขา พ่อแม่หลายคนฝันอยากจะมีลูกอัจฉริยะอย่างยุ่นหลิง ศัตรูทางการเมืองของเขาหลายคนอิจฉาเขาที่มีลูกชายคนนี้ซึ่งเป็นที่น่าพอใจอย่างแท้จริงเพราะเขาสามารถใช้ข้อเท็จจริงนี้ไปข่มกับศัตรูของเขาได้
“ยังไงก็ตามท่านพ่อ …” ยุ่นหลิงเริ่มกล่าวเมื่อเขาจำอะไรบางอย่างได้ “มีปัญหาในจักรวรรดิที่เพิ่งพิชิตมาหรือไม่”
ยุ่นซานมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้จากที่ไหน”
“ข้าได้ยินมาจากท่านมกุฎราชกุมาร”
“อืมๆ” ยุ่นซานพยักหน้า “ถูกต้อง แม่ทัพแห่งจักรวรรดิต๋งกำลังทำอะไรบางอย่างที่น่าสงสัย เราพบรู้มาว่าเขานำเข้าอาวุธอย่างผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักรและเกณฑ์ทหารหลายร้อยคน ณ จุดนี้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเขาจะทำการก่อจลาจล ไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆนั่นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่ร่วมทำสนธิสัญญาด้วย การถูกยึดครองโดยกองกำลังอื่นที่แข็งแกร่งกว่าที่มากจากคนกลุ่มเดียวกันที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายครั้งของเราเองนั้นใครจะพอใจ?”
ยุ่นหลิง ไม่มีความคิดเห็นใด เขายังไม่มีประสบการณ์ในการทำสงคราม แต่ถ้าเขามองในมุมมองของพวกเขาเองเขาก็พอจะเข้าใจแรงจูงใจของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง
“อย่างไรก็ตามนี่แสดงให้เห็นว่านายพลของพวกเขายังขาดการมองการณ์ไกล ไม่น่าแปลกใจที่จักรวรรดิของพวกเขาพ่ายแพ้อย่างง่ายดายโดยเรา พวกเขาไม่มีโอกาสย้อนกลับไปในตอนนั้นด้วยพลังเต็มที่แล้วถ้าพูดถึงกองทัพที่มีในตอนนี้งั้นหรือ?
กองทัพของพวกเขาตอนนี้เทียบไม่ได้กับกองทัพที่พวกเขาเคยมีในอดีต สิ่งที่เขาทำมีเพียงการเพื่อนฝูงของเขาไปสู่ความตายมากขึ้นเท่านั้น” ยุ่นซานส่ายหัวด้วยความสงสาร
“บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้ว เขาอาจมีความคิดที่ว่าเขาอยากจะตายแทนที่จะยอมจำนนต่อจักรวรรดิของเราซึ่งมันน่าจะเป็นแบบนั้น” ยุ่นหลิงกล่าว
“ไม่มีทาง” ยุ่นซานพูดเสียงแข็ง “ถ้าเขามีความคิดแบบนั้นเขาคงจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ เขาจะต้องตายในสนามรบเหมือนนายพลคนอื่นๆ ในจักรวรรดิของพวกเขาในตอนนั้น นอกจากนี้ถ้าเขาคิดแบบนั้นจริงๆนั่นก็เป็นเรื่องที่น่าอาย ถ้าเขาอยากตายก็ไม่ควรลากเพื่อนร่วมรบไปด้วย”
“ถ้าเขากำลังวางแผนต่อต้านจักรวรรดิทำไมท่านไม่ทำอะไรกับเขาล่ะ จะไม่ง่ายกว่าหรือถ้าจักรพรรดิส่งคนไปฆ่าเขาก่อน?” ยุ่นหลิงถาม ทำไมนายพลคนนั้นถึงยังมีชีวิตอยู่ถ้าพวกเขารู้แล้วว่าเขากำลังจะก่อเหตุจลาจล ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ทำอะไรสักอย่างบ้างล่ะ?
ยุ่นซานยิ้มให้เขา “ใครบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไร”?
ยุ่นหลิงเลิกคิ้ว
“เอาล่ะมันดึกเกินไปแล้ว เจ้าควรไปพักผ่อนได้แล้ว วันพรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางใช่ไหม” ยุ่นซานเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
ยุ่นหลิงถอนหายใจ เป็นอีกครั้งที่เขาทำตัวมีความลับซึ่งเขาไม่ชอบมากๆ
แม้ว่าเขาจะอยากรู้ แต่เขาก็ไม่ได้ถามต่อ ไม่น่าเป็นไปได้ที่พ่อของเขาจะตอบเขาในตอนนี้หลังจากที่เขาเปลี่ยนเรื่องไปแล้ว
“เอาล่ะข้าจะนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ท่านพ่อ” ยุ่นหลิงกล่าวขณะที่เดินกลับไปที่ห้องของเขา
“ราตรีสวัสดิ์” ยุ่นซานกล่าวก่อนที่เขาจะจากไป จากนั้นเขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิดขณะจ้องมองไปยังทิศทางที่ยุ่นหลิงเดินไป เขาขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง “แม้ว่าข้าจะพูดแบบนั้น แต่ข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ผู้ชายคนนั้นเป็นถึงระดับนายพล นอกจากนั้นเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ดูโง่เง่า มันไม่สายเกินไปหน่อยหรือที่เขาจะทำแบบนี้?”