เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 30
บทที่ 30 พี่ชายของยุ่นหลิง
“เดี๋ยวก่อน งูยักษ์สามหัวอยู่ที่นี่เหรอ? นี้มันค่อนข้างยุ่งยาก ไม่เพียงแต่ข้าต้องคอยระวังงูยักษ์ยามตัว แต่ข้ายังต้องระวังอสูรตัวอื่นที่โจมตีข้าด้วย” ยุ่นหลิงขมวดคิ้ว
หากเขาต่อสู้กับงูยักษ์สามหัว แรงสั่นสะเทือนจากการต่อสู่อาจดึงดูดอสูรตัวอื่นที่ทรงพลังน้อยกว่าเข้ามาหาพวกมันด้วย ยุ่นหลิงไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ การต่อสู้กับงูยักษ์สามหัวเพียงอย่างเดียวก็อันตรายพอสมควรแล้ว ถ้ามีอสูรตัวอื่นที่เข้ามาแทรกการต่อสู้มันจะอันตรายมากขึ้นขนาดไหนกัน?
‘ข้าต้องฆ่างูยักษ์สามหัวนี้โดยรวดเร็วเพื่อไม่ให้มันเกิดเรื่องแบบขึ้น’ เขาคิดกับตัวเอง
หากยุ่นหลิงมีเลือกได้ เขาอยากจะฆ่าผู้ฝึกตนปีศาจสามคนแทนที่จะฆ่างูยักษ์สามหัวนี้ เป็นเพราะอสูรที่หายากมักจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ งานของเขาอาจจะต้องฆ่างูยักษ์สามหัวเพียงตัวเดียว แต่จริงๆแล้วมันยากกว่าการฆ่าผู้ฝึกฝตปีศาจสามคนรวมกันเสียอีก
โดยปกติการที่จะเผชิญหน้ากับอสูรที่หายากเพียงตัวเดียวมันต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ของผู้ฝึกตนอย่างน้อยสามคนในระดับขอบเขตเดียวกันเพื่อเผชิญหน้ากับมันก่อนที่พวกเขาจะสามารถต่อสู้บนพื้นที่นี้ได้ เพื่อที่จะฆ่ามันได้สำเร็จโดยมีผู้บาดเจ็บเพียงไม่กี่คนหรือไม่ก็ต้องมีผู้ฝึกตนในระดับขอบเขตเดียวกันห้าคนถึงจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นั่นคือความแข็งแกร่งของอสูรที่หายาก
อสูรที่เกิดมามีร่างกายและพลังวิญญาณที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไป ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์มีต่อพวกมันคือจำนวนและสติปัญญาที่เหนือกว่า ทำไมล่ะ? เนื่องจากอสูรที่หายากนี้มีอัตราการแพร่พันธุ์ที่ช้า พวกมันสืบพันธ์และให้กำเนิดแค่ไม่กี่ครั้งในทุกๆศตวรรษขึ้นอยู่กับว่าอสรูชนิดจะหายากกว่า พวกมันยังมีจิตใจที่ต่ำกว่า แม้พวกมันจะฉลาดกว่าอสรูรทั่วไปมาก แต่ก็ยังด้อยกว่ามนุษย์มาก หลังจากไปถึงขอบเขตการฝึกตนระดับสูงแล้วอสรูหายากจะได้รับความฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์ เมื่อนั้นข้อเสียเพียวประการเดียวที่พวกมันมีต่อมนุษย์จะหายไป
แต่ก็ใช่ว่ามนุษย์หมดหนทางอย่างสมบูรณ์ หลังจากไปถึงขอบเขตการฝึกตนที่สูงขึ้นมนุษย์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณเหมือนกันโดยจะก้าวข้ามผ่านตัวตนในอดีตไปอย่างก้าวกระโดด ในขอบเขตนั้นจนในที่สุดมนุษย์ก็สามารถต่อสู้กับอสูรหายากได้ด้วยตัวเอง ร่างกายของพวกเขาจะยิ่งใหญ่พอๆกัน อาจจะเท่าๆกับอสรูหายากในขณะที่พลังทางจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าอสูรหายากก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงเมื่อพวกมันไปถึงขอบเขตแห่งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้เด่นชัดเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ เป็นเพราะมนุษย์มีพรสวรรค์ในการฝึกตนมากกว่าเมื่อเทียบกับพวกมัน
เพราะว่ามนุษย์เป็นคนที่สร้างระดับการฝึกตนดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์จะเก่งกว่าอสูรหายากเหล่านี้
หรือถ้าจะให้เขาพูดอีกอย่างก็คือ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของผู้ฝึกตนระดับแนวหน้าของโลก ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าการฝึกตนนั้นเริ่มต้นในเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้จะไม่มีหลักฐาน แต่บางคนก็คิดว่าการคาดเดาเหล่านี้เป็นเรื่องจริง มันเป็นคำตอบเดียวที่จะอธิบายได้ว่าทำไมมนุษย์จึงเหมาะกับการฝึกตนมากที่สุดเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ
ยุ่นหลิง สะสางความคิดของเขาจากเรื่องที่ไม่จำเป็นขณะที่เขาหยิบแผนที่ออกมาจากแหวนเก็บของ ของเขา เขาขมวดคิ้วเมื่อมองไปที่มัน แม้ว่าเขาจะเดินทางมาสามวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งทางของจุดหมาย ด้วยความเร็วที่เขาใช้เดินทางนี้ต้องใช้เวลาอีกสี่วันก่อนที่เขาจะมาถึงหุบเขาพันภูเขา
เขาถอนหายใจเขาเก็บแผนที่กลับไปที่แหวนของเขา
ผ่านไปเพียงสามวันเขาก็คิดถึงลูกสาวแล้ว
…
ณ โลกพสุธา
จักรวรรดิของนิกายวารีพาดผ่าน – เมืองเฉินหลัน
สองวันผ่านไปในที่สุดยุ่นหลิงก็มาถึงหนึ่งในเมืองที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของนิกายวารีพาดผ่านคือเมืองเฉินหลัน
ยุ่นหลิงมองไปด้านบนและเห็นผู้ฝึกตนบางคนสวมเสื้อคลุมของนิกายวารีพาดผ่านทะยานขึ้นฟ้าขณะที่พวกเขาขี่ดาบบิน ยุ่นหลิงเลิกคิ้วขึ้น ย้อนกลับไปในจักรวรรดิจิ๋นการบินบนท้องฟ้าถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย บุคคลอาจถูกปรับได้หากพวกเขาจับได้คาหนังคาเขาดังนั้นสถานที่เช่นนี้จึงค่อนข้างหายากในจักรวรรดิ
‘สาวกของนิกายวารีพาดผ่านใช่มั้ย?’ ยุ่นหลิงคิด แม้ว่านิกายวารีพาดผ่ายจะยังคงอยู่ห่างจากเมืองเฉินหลัน แต่ก็ยังมีสาวกจำนวนมากแม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากนิกายของพวกเขาก็ตาม
“เฮ้! เจ้าที่อยู่ตรงนั้นน่ะ! หยุด!” เสียงตะโกนดังอย่างกะทันหันจากด้านหลังทำให้ยุ่นหลิงหลุดออกจากความคิดของเขา
ยุ่นหลิงหยุดม้าทันทีและหันไปรอบๆ ขณะที่เขามองไปยังบุคคลที่เรียกเขา เป็นผู้ชายที่มองเขาด้วยความเป็นปรปักษ์เล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากชุดของเขาดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสาวกจากนิกายวารีพาดผ่าน
“มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?” ยุ่นหลิงถามด้วยรอยยิ้ม
ชายคนนั้นตกใจเมื่อเห็นท่าทางของยุ่นหลิงที่หันกลับมามองเขา เขาไม่คาดคิดว่าคนที่เขาเรียกว่าจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ เขาอายเล็กน้อยที่ตะโกนใส่เธออย่างหยาบคาย
“อ่า นี่ยกโทษให้ข้าด้วยที่พูดไปโดยไม่นึกถึงความไม่สุภาพของข้า แต่เจ้าดูไม่เหมือนคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าเจ้าเป็นใครและมาจากไหน ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเจ้า แต่ตอนนี้เรากำลังผูกมิตรกัน” ทัศนคติของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันทีและสุภาพมากขึ้น
สายตาของยุ่นหลิงเย็นชาลงเมื่อชายคนนั้นพูดถึงเขาว่านึกถึง เขาต้องการเอาชนะเขาเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิง แต่ยุ่นหลิงก็ระงับความต้องการที่จะทำเช่นนั้นเพราะนี่ไม่ใช่เมืองหลวง ถ้ายุ่นหลิงโจมตีเขาที่นี่โดยความเข้าใจผิดว่าจะหาเรื่อง สาวกนิกายอื่นๆในที่นั้นจะตอบโต้เขาทันที แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะทุกคนในพื้นที่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูของนิกายเพียงเพราะเหตุนี้
“ข้ามาจากตระกูลยุ่นแห่งเมืองหลวงของจักรวรรดิจิ๋นข้าชื่อยุ่นหลิง” ยุ่นหลิงแนะนำตัวเองอย่างแข็งขัน
ชายคนนี้ตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายที่น่าประหลาดใจดังออกมาจากปากของสาวสวย เขามองดู ยุ่นหลิงอีกครั้งและครั้งนี้เขาสังเกตเห็นว่าหน้าอกของยุ่นหลิงค่อนข้างแบน ทันใดนั้นเขาก็นึกได้
ตอนนี้เขารู้สึกอับอายมากขึ้นหลังจากที่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดว่ายุ่นหลิงเป็นผู้หญิง เขากำลังจะโกรธยุ่นหลิงที่ทำให้เขาคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง แต่จู่ๆคำพูดของยุ่นหลิงก็เหมือนจะไปกระตุกต่อมบางอย่างของเขา
“เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่าเจ้ามาจากตระกูลยุ่นของจักรวรรดิจิ๋นใช่หรือเปล่า”
“ใช่แล้ว”
“เจ้าอาจจะเป็นญาติกับยุ่นฮุ่ยใช่หรือไม่? อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงจาก นิกายจิตวิญญาณศักดิ์สิทธ์?”
ยุ่นหลิงเลิกคิ้วใส่เขา “ยุ่นฮุ่ยหรือ? เขาเป็นพี่ชายของข้าเอง”