เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 50
บทที่ 50 จุดอ่อนของยุ่นหลิง
“ขอบเขตการสถาปนาเป็นขอบเขตการฝึกตนขอบเขตแรก ในขอบเขตนี้แต่ละคนจะสร้างร่างกายขึ้นมาเพื่อให้สามารถรักษาพลังงานทางจิตของสวรรค์และโลกได้ มันเป็นหนึ่งในขอบเขตที่สำคัญที่สุดเพราะพื้นฐานของเจ้าจะเป็นตัวตัดสินความสามารถสูงสุดที่เจ้าจะไปถึงได้ในอนาคต” ยุ่นซานเริ่มอธิบายขอบเขตแห่งการฝึกตนแรกโดยละเอียด
ยุ่นเซี่ยเอียงศีรษะไปด้านข้างเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ยุ่นซานพูดเกือบทั้งหมด
“เอาแบบนี้ลองคิดดูสิ เมื่อแต่ละคนเกิดมาพวกเขาจะมีค่าพื้นฐานที่กำหนดให้กับพวกเขา ตัวอย่างเช่นเจ้ามีค่า 10 ในขณะที่บางคนมีเพียง 4, 8 หรือ 6 เท่านั้นการมีพื้นฐานที่ดี คนๆนั้นสามารถเพิ่มความสามารถนั้นได้มากขึ้น หากไม่มีพื้นฐานที่ดีบุคคลที่มีค่าพื้นฐานเพียง 4 จะไปได้สูงสุดที่ 40 เท่านั้นและไม่สามารถไปได้มากกว่านั้นด้วยวิธีปกติอีกต่อไป อย่างไรก็ตามด้วยการมีพื้นฐานที่ดีพวกเขาสามารถเพิ่ม 4 เป็น 8 ได้และขีดจำกัดของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นจาก 40 เป็น 80 เจ้าพอเข้าใจที่ข้าพูดอยู่หรือไม่” ยุ่นซานถามถาม เขาคิดว่ามันจะง่ายกว่ามากที่จะทำให้ยุ่นเซี่ยเข้าใจหากเขาอธิบายเป็นตัวเลข
ยุ่นเซี่ยพยักหน้าช้าๆ ยังมีบางอย่างที่เธอสับสน แต่โดยรวมแล้วเธอเข้าใจสิ่งที่ปู่ของเธอพูด
“บางคนอาจมีเพียงพรสวรรค์ในการเข้าถึงขอบเขตการสถาปนาโดยธรรมชาติ แต่ด้วยการมีพื้นฐานของขีดจำกัดที่สูงนั้น จะสามารถเพิ่มขึ้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สี่หรือแม้แต่มหันต์ราชันย์ได้ นี่คือเหตุผลที่เราจะต้องไม่ละเลยพื้นฐานของร่างกาย เพราะมันจะสร้างความแตกต่างระหว่างเจ้ากับคนอื่นๆได้”
ยุ่นซาน อาจให้คำอธิบายของเขาที่ง่ายขึ้นกับยุ่นเซี่ย แต่ความจริงแล้วมันไม่ง่ายอย่างนั้น
แม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานที่ดี แต่ก็ยังสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดที่ควรจะเป็นได้ ตราบเท่าที่มีทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนเพียงพอ แต่แน่นอนว่าคนที่มีพื้นฐานที่ดีย่อมไปได้ไกลกว่าคนที่ได้รับทรัพยากรในปริมาณเท่ากัน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่เกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมักจะมีขอบเขตที่สูงกว่าคนที่เกิดจากตระกูลยากจน แม้ว่าคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดีจะมีพรสวรรค์ที่ต่ำกว่าตระกูลที่ยากจนเล็กน้อย แต่ความแตกต่างอย่างมากระหว่างทรัพยากรของพวกเขาก็เพียงพอที่จะชดเชยช่องว่างระหว่างพรสวรรค์ของพวกเขาได้ เมื่อเป็นแบบนี้นอกจากคนในตระกูลที่ร่ำรวยสามารถเข้าถึงขอบเขตการฝึกตนขั้นสูงได้ง่ายกว่าพวกเขายังทำให้ตัวเขานั้นมีพื้นฐานที่ดีได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองวิธีนี้จะทำให้คนจากตระกูลที่ร่ำรวยมีอำนาจและพลังมากขึ้นอย่างง่ายดายแต่กลับกันคนจากตระกูลที่ยากจนก็จะยากที่จะข้ามผ่านในแต่ละขอบเขตได้
แต่ทุกสิ่งในธรรมชาติในข้อยกเว้นเสมอ ยกตัวอย่างเช่นยุ่นหลิง ลูกชายของยุ่นซาน มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าหากยุ่นหลิงเกิดมาในตระกูลที่ยากจนเขาก็จะยังได้เป็นอัจฉริยะในจักรวรรดินี้ ยุ่นซานยังคงอธิบายต่อไปให้ยุ่นเซี่ยฟัง ก่อนหน้านี้หากคนอื่นเกิดมาพร้อมกับค่าที่ตั้งไว้ที่ 4 8 หรือ 10 แต่เมื่อยุ่นหลิงใกล้จะอายุ 20 ปีแม้ว่ายุ่นหลิงจะมีพื้นฐานเพิ่มจาก 20 เป็น 21 เขาก็ยังเหนือกว่าคนที่มีค่าพื้นฐาน 10 ซึ่งเพิ่มจาก 10 เป็น 15 และถ้าใครคนนั้นสามารถเข้าถึงขอบเขตที่สูงขึ้นมาอีกหน่อยพื้นฐานของเขานั้นจะเพิ่มจาก 15 เป็น 18 หรือ 19 ซึ่งยุ่นหลิงก็ยังคงเหนือกว่าเล็กน้อย
ยุ่นซานไม่ได้ลำเอียงเพราะยุ่นหลิงเป็นลูกชายของเขา ในฐานะที่เป็นคนที่รู้ถึงความสามารถของยุ่นหลิงอย่างเต็มที่เขารู้สึกว่าการประเมินลูกชายของเขายังค่อนข้างน้อยไปด้วยซ้ำ
“ท่านปู่แล้วการกระตุ้นจิตวิญญาณล่ะ” ยุ่นเซี่ยถาม
“เช่นเดียวกับชื่อของมันนั่นแหละ ขอบเขตการกระตุ้นจิตวิญญาณคือที่ที่เราสามารถปลุกจิตวิญญาณในร่างของพวกเราได้ ในขอบเขตนี้เราสามารถควบคุมพลังงานทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลกได้เร็วและง่ายขึ้นมาก นี่คือขอบเขตที่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถเริ่มใช้กระบวนท่าชั้นสูงได้เนื่องจากในที่สุดพวกเขาก็สามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณได้ตามต้องการ”
“กระบวนท่าชั้นสูง?”
“กระบวนท่าชั้นสูงก็เป็นเช่นนี้” ยุ่นซานพูดกับยุ่นเซี่ยทางกระแสจิต
ยุ่นเซี่ยรู้สึกประหลาดใจ เธอได้ยินยุ่นซานพูด แต่เธอไม่เห็นว่าเขาขยับริมฝีปาก มันเหมือนกับสิ่งที่พ่อของเธอทำในงานเลี้ยงในตอนนั้น
“แล้วขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางล่ะ?”
ยุ่นซานยิ้มให้กับความสงสัยของเธอ
“เราจะหยุดไว้เพียงเท่านี้ เรามามุ่งเน้นไปที่ขอบเขตการสถาปนากันให้มากขึ้นก่อน เนื่องจากเจ้าจะเริ่มฝึกฝนเร็วๆนี้แล้ว สำหรับขอบเขตแห่งการฝึกตนที่เหลือเรามาค่อยมาว่ากันทีหลังเมื่อเจ้าได้โตขึ้น” ยุ่นซานกล่าว ยุ่นเซี่ยเป็นแค่เด็ก เธอไม่สามารถเข้าใจได้มากนักแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออธิบายสิ่งต่างๆให้เธอฟัง ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งต่างๆนั้นจะซับซ้อนมากขึ้นในการอธิบายตั้งแต่ขอบเขตการฝึกตนระดับแก่นกลางเป็นต้นไป
…
ณ โลกพสุธา
จักรวรรดิจิ๋น – เมืองหลวงทองคำ
ที่พำนักขององคืชายที่สี่
“ยุ่นยี่เจ้ารู้อะไรไหม”? องค์ชายที่สี่หรี่ตาของเขาที่หยุนยี่
“รู้อะไรหรือ องค์ชายที่สี่”? ยุ่นหยี่ถามองค์ชายที่สี่เรียกเขามีสีหน้าที่หมองหม่นก่อนหน้านี้และเมื่อเขามาถึงเขาก็ถูกถามเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าองค์ชายที่สี่ถามเรื่องอะไร
“ภารกิจของยุ่นหลิงไม่ได้อยู่ที่พรมแดนของจักรวรรดิ มันอยู่ที่หุบเขาพันภูเขา” องค์ชายที่สี่พูดอย่างหมองหม่น
ยุ่นยี่เลิกคิ้วขึ้น ตามความคาดหมายของเขา นายน้อยของเขานั้นเป็นคนที่รับมือได้ยากมากเขาจะต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้ก่อนหน้านี้แล้วแน่ๆ
“ไม่ องค์ชายที่สี่ ข้าเกรงว่าข้าเองนั้นก็ไม่ทราบ”? ยุ่นยี่กล่าว
องค์ชายที่สี่ถอนหายใจ “ข้าน่าจะรู้ว่าเขาโกหกเรื่องภารกิจของเขาในงานเลี้ยงวันนั้น”
“เขาอาจจะดูไม่มีอะไร แต่นายน้อยของข้าก็ดูมีเล่ห์เหลี่ยมบ้างในบางครั้ง” ยุ่นยี่พยักหน้าตามคำพูดของเขาขณะที่เขากล่าวเสริม
องค์ชายที่สี่มองไปที่ยุ่นยี่อย่างเฉียบขาด
“ยุ่นยี่ข้าไม่รู้จริงๆว่าข้าจะเชื่อใจเจ้าได้เมื่อไหร่”?
สีหน้าของยุ่นหยี่ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยเมื่อองค์ชายที่สี่เริ่มมองเขาด้วยความเป็นศัตรู
“ถ้าอย่างนั้นข้าควรทำอย่างไรเพื่อให้ท่านไว้ใจข้าได้”?
ความเป็นปรปักษ์ขององค์ชายที่สี่หายไปขณะที่เขายิ้มให้ยุ่นหยี่
“บอกข้ามาเกี่ยวกับจุดอ่อนของยุ่นหลิง” องค์ชายที่สี่ถามเขา
“จุดอ่อนของเขาเหรอ?” ยุ่นหยี่พึมพำในขณะที่เขานึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กลับมาในตระกูลยุ่น ความเป็นอยู่ของเธอเป็นความรับผิดชอบของยุ่นหลิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับยุ่นเซี่ยหยุนหลิงจะต้องเสียใจแน่ พวกเขาอาจไม่ได้รู้จักกันมานาน แต่ความรักของ ยุ่นหลิงที่มีต่อยุ่นเซี่ยนั้นมาก เป็นเพราะวิธีที่พวกเขาถูกเลี้ยงดูมาให้เห็นความสำคัญและรักครอบครัว
ยุ่นยี่มองไปที่องค์ชายที่สี่ซึ่งจ้องมองเขาอย่างจริงจังเพื่อรอคำตอบของเขา
“จุดอ่อนของเขาคือลูกสาวของเขา” ยุ่นยี่ตอบในที่สุด