เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 51
บทที่ 51 จิ้งจอกเขี้ยวหิมะ
ชุดคลุมเกราะสีม่วงบนร่างกายของยุ่นหลิงหายไป เมื่อดวงตาของเขากลับมาเป็นปกติ เหงื่อไหลลงที่ขมับขณะที่เขาเหนื่อยหอบอย่างหนัก
เขาเหนื่อยมาก การคงสภาพแบบนั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงทำให้ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียอย่างไม่น่าเชื่อ เขาต้องการพักผ่อนมานานแล้ว แต่เขาก็ยังคงผลักดันร่างกายของเขาไปจนถึงขีดจำกัด เพื่อให้อยู่ห่างไกลจากหุบเขาพันภูเขา เขาอาจไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกต่อไป แต่ความรู้สึกในใจของเขากำลังบอกเขาว่าพวกเขายังคงถูกต้นไม้เซียนวิลโลว์จับตามองอยู่
ความรู้สึกแบบนี้ยังคงอยู่ในตัวเขาแม้กระทั่งตอนนี้ การเผชิญหน้ากับต้นไม้เซียนวิลโลว์ในช่วงสั้นๆของเขา ทำให้ความกลัวนั้นฝังลึกอยู่ในจิตใจ นั่นอาจเป็นเพียงหนึ่งในกิ่งก้านของต้นไม้เซียนวิลโลว์ แต่เขารู้สึกเสียดายมากที่เห็นกิ่งก้านของต้นไม้เซียนนั้นเข้ามาใกล้ๆแล้วทำได้เพียงวิ่งหนี
การมองเห็นของเขาหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่เขาเริ่มค่อยๆสูญเสียความแข็งแรงไปทั่วร่างกาย มือที่จับตัวจิ้งจอกของเขาอ่อนแรงลง แต่เขาสามารถจับตัวมันกลับมาได้ก่อนที่เขาจะปล่อยมันไปโดยไม่ตั้งใจ
ร่างกายของยุ่นหลิงรู้สึกหนักอึ้ง เป็นเวลานานแล้วที่เขาใช้ชีวิตหนักหน่วงแบบนี้ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เขาทำแบบนี้คือเมื่อไหร่ ?
“เจ้ายังไหวอยู่ใช่ไหม?” จิ้งจอกถามพร้อมความกังวลที่ปรากฏชัดในน้ำเสียงของมัน เขาอาจไม่รู้ว่ายุ่นหลิงใช้กระบวนท่าชั้นสูงแบบไหน แต่เขารู้ว่าการเพิ่มพลังชั่วคราวที่ทรงพลังเช่นนี้จะทำให้ร่างกายของผู้ใช้รับภาระหนักอย่างแน่นอน นั่นทำให้เขารู้อีกอย่างว่ายุ่นหลิงเองก็ไม่ใช่คนที่เก่งไปในทุกๆอย่าง
ยุ่นหลิงไม่ตอบกลับ เขาต้องใช้สมาธิเพื่อไม่ให้ว่อกแว่กกับสิ่งอื่นเขาไม่ได้สบายเหมือนจิ้งจอกที่มีคนคอยอุ้มไว้
ไม่กี่วินาทีต่อมายุ่นหลิงก็หมดสติไป แม้จะเขาฝืนตัวเองอย่างหนัก แต่เขาก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาปล่อยมือทั้งจิ้งจอกและลูกราชาราชสีห์ในขณะที่ตัวเขาก็เริ่มตกลงสู่พื้นจากท้องฟ้า
จิ้งจอกรู้อยู่แล้วและเตรียมพร้อมแล้วสำหรับสิ่งนี้ที่จะเกิดขึ้น มันอุ้มลูกชายของมันขึ้นมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็วและค่อยๆวางลูกชายของเขาลงไปที่พื้น จากนั้นมันก็หันไปสนใจยุ่นหลิงที่กำลังจะกระแทกพื้น มันวิ่งไปหาเขาและโชคดีที่มันอยู่ต่ำกว่ายุ่นหลิงทันเวลาทำให้เขากระแทกกับจิ้งจอกแทนที่จะกระแทกกับพื้น
จิ้งจอกยังคงเดินทางต่อไปที่จักวรรดิจิ๋นในขณะที่มันอุ้มทั้งยุ่นหลิงและลูกชายของมัน แต่มันไม่รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน มันไม่รู้จักสถานที่ใดในโลกนี้นอกจากหุบเขาพันภูเขา
มันมองออกไปที่ไกลๆ และเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เขาควรจะหาสถานที่ที่ปลอดภัยที่พวกเขาจะได้ใช้เวลาพักผ่อนทั้งคืน
มันถอนหายใจ เกิดเรื่องขึ้นมากมายในเวลาเพียงวันเดียว ช่วงเช้าตรู่มันได้พบกับยุ่นหลิงที่แม้จะไม่เต็มใจในตอนแรก แต่ก็ช่วยเขารักษาลูกชายของมันได้ จากนั้นมันหมดสติไปหลายชั่วโมงเมื่อมันรู้ว่าลูกชายของมันไม่ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ยุ่นหลิงจึงตัดสินใจที่จะช่วยมันเช่นกันและคืนผลไม้อายุยืนให้มันเพื่อที่มันจะได้ใช้ในการรักษาตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ
หลังจากนั้นพวกเขาตัดสินใจออกจากหุบเขาพันภูเขาเพราะต้นไม้เซียนวิลโลว์ เพื่อมาเจอกับคนที่พยายามฆ่ายุ่นหลิงโดยไม่มีเหตุผล หลังจากนั้นคนๆนั้นก็มีมนุษย์เพิ่มขึ้นอีกห้าคนในกลุ่มนั้น คงเป็นเพราะความสับสนวุ่นวายทั้งหมด พวกมันจึงดึงดูดความสนใจของต้นไม้เซียนวิลโลว์ส่งผลให้มันโจมตีพวกเขาทั้งหมด
จิ้งจอกเหลือบมองไปที่ยุ่นหลิงข้างหลังมัน แม้ว่ายุ่นหลิงจะช่วยพวกมันเพราะเขามีแรงจูงใจแอบแฝง แต่จิ้งจอกก็ยังรู้สึกขอบคุณเพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขาลูกชายของมันก็จะต้องตาย
จิ้งจอกเริ่มเดินทางอีกครั้ง อย่างแรกเลยคือมันควรหาสถานที่ที่พวกเขาจะได้พักพิงชั่วคราวและพักผ่อนในคืนนี้
…
แสงจ้าส่องเข้ามาในถ้ำและส่องไปที่ใบหน้าของยุ่นหลิงและปลุกเขาให้ตื่น ยุ่นหลิงค่อยๆลืมตาขึ้นขณะที่มองไปรอบๆ ตัวเขาอย่างครุ่นคิด เขาพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำ แต่ไม่เห็นใครที่นั่น จิ้งจอกและลูกชายของมันหายไปไหน?
ยุ่นหลิงลุกขึ้นจากเตียงชั่วคราวซึ่งทำจากฟางและใบไม้ที่รวมกันเป็นที่รอง จากนั้นเขาก็หยิบขวดน้ำกายศิษย์ออกมาจากแหวนเก็บสัมภาระของเขา มีน้ำกายศิษย์เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย มันไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ เขาถอนหายใจเขาดื่มน้ำกายศิษย์ที่เหลือจนหมดเพื่อที่เขาจะได้ฟื้นพลังวิญญาณได้เร็วขึ้น
เขาควรจะดื่มมันก่อนที่จะสลบไป บางทีเขาอาจจะไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ความคิดนี้ทำให้สมาธิของเสียไปเพราะเขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการออกห่างจากหุบเขาพันภูเขามากเกินไปและการไล่ล่าของต้นไม้เซียนวิลโลว์
ยุ่นหลิงนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิขณะที่เขาดูดซับพลังวิญญาณในสภาพแวดล้อมของเขา โชคดีที่มีเพียงในหุบเขาพันภูเขาเท่านั้นที่ไม่มีพลังงานทางจิตวิญญาณ มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถฟื้นพลังทางวิญญาณจิตได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาดื่มน้ำกายศิษย์ที่เหลืออยู่จนหมด
“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว”
แสงที่ส่องมายังเขาถูกบังโดยจิ้งจอกตัวนั้น ยุ่นหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกกับโชคชะตาที่แปลกประหลาด เมื่อวานเขาเป็นคนพูดแบบนั้นกับจิ้งจอก แต่ถึงตอนนี้จิ้งจอกกลับมาพูดแบบนั้นกับเขา
ยุ่นหลิงลืมตาขึ้นและตกตะลึงเมื่อเห็นจิ้งจอก
จิ้งจอกที่ดูอ่อนแอและผอมซูบที่เขาคุ้นเคยนั้นหายไปไหน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาตรงกันข้ามกับจิ้งจอกตัวนั้นอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือจิ้งจอกตัวใหญ่ที่มีขนสีขาวตระหง่านอยู่บนร่างกายของมัน จิ้งจอกตัวนี้มีดวงตาสีขาวที่ไม่มีรูม่านตาคู่หนึ่งมีแววตาอีกสองคู่ที่เฉียบคมและเขี้ยวขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากปากของมัน มีสัญลักษณ์คล้ายรอยสักของชนเผ่าแปลกๆ
หลายอย่างบนร่างกายของมัน มันเปล่งแสงสีขาวและสีน้ำเงินออกมา ใครก็ตามที่ได้เห็นจิ้งจอกตัวนี้จะต้องตกตะลึงกับรูปลักษณ์ที่สวยงามและน่ากลัวของมัน โดยรวมแล้วจิ้งจอกตัวนี้ราวกับเป็นคนละตัวกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิง
ลูกราชาราชสีห์อยู่ใต้ตัวจิ้งจอกโดยมันใช้เท้าของมันลูบที่หน้าของลูกราชาราชสีห์เบาๆ
“เจ้า…เจ้าเป็นอสูรแบบไหน? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องจิ้งจอกแบบเจ้ามาก่อน” ยุ่นหลิงถามด้วยความประหลาดใจ
“นั่นเป็นเพราะข้าไม่ได้มาจากโลกนี้ ข้าคือจิ้งจอกเขี้ยวหิมะ อสูรหายากที่ได้รับการยกย่องจากดินแดนชั้นสูง ชนิดของข้าเรียกว่า เทพเจ้าจิ้งจอกหิมะ” จิ้งจอกตัวนี้ซึ่งปัจจุบันได้กลับมาเป็นจิ้งจอกเขี้ยวหิมะ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจก่อนที่มันทำเสียงเศร้าๆในทันที “แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงตัวเดียวที่ยังเหลืออยู่”