เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 60
บทที่ 60 ผู้ช่วยชั้นยอด
“ทำอะไรน่ะ นายน้อย” ยุ่นหยี่ถามเมื่อเห็น ยุ่นหลิงเขียนหนังสือบนโต๊ะ เขาเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และออกจากห้องมาเห็นยุ่นหลิงกำลังเขียนด้วยสีหน้าจริงจัง นั่นทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
ยุ่นหลิงละสายตาจากม้วนกระดาษขณะที่มองไปทางลูกพี่ลูกน้องของเขา
“โอ้ ยุ่นยี่… มันเป็นกระบวนท่าขั้นสูงใหม่ที่ข้าได้เรียนรู้จากคนๆหนึ่งมา ข้ากำลังเขียนมันลงไปเพื่อให้สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลได้ศึกษาและเรียนรู้มัน” เขากล่าวในขณะที่เขายังคงเขียนรายละเอียดเฉพาะของกระบวนท่าขั้นสูงลงในม้วนกระดาษ
“สำหรับคนอย่างท่านที่มีความสามารถสูงเมื่อพูดถึงกระบวนท่าขั้นสูงมันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ มันเป็นกระบวนท่าแบบไหนกัน?”
ด้วยรอยยิ้มเช่นนั้นยุ่นหลิงกล่าวว่า “ทำไม้เจ้าไม่ลองดูล่ะ”?
ยุ่นหยี่ พิจารณาจากวิธีการแสดงออกของนายน้อยของเขา มันคงเป็นกระบวนท่าชั้นยอดที่ดีจริงๆนั่นแหละ
เขาเดินไปข้างยุ่นหลิงและดูสิ่งที่เขาเขียน ยุ่นหลิงยังเขียนไม่เสร็จ แต่เพียงแค่ได้เห็นบางส่วนของมันเขาก็รู้ว่ามันเป็นกระบวนท่าชั้นสูงแบบไหนในทันที
“นี่คือกระบวนท่าการเคลื่อนไหวร่างกายขั้นสูงสุดหรือ? อ๊ะ เดี๋ยวก่อน…นี่เป็นหนึ่งในกระบวนท่าชั้นสูงของ นิกายเทพเจ้าสายฟ้างั้นเหรอ? ถ้าข้าจำได้ถูกต้องนั่นคือ กระบวนท่าเคลื่อนไหวเทพสายฟ้าเหิน!” ยุ่นหยี่อุทาน ยุ่นหลิงเรียนรู้กระบวนท่าชั้นยอดนี้ได้อย่างไร? นิกายที่เข้มงวดและครอบครองกระบวนท่าขั้นสูงสุดอย่างพวกเขา ไม่มีทางที่จะสอนกระบวนท่าชั้นสูงนี้ให้กับคนนอกแน่นอน
ยุ่นหลิงยิ้ม ตามที่ยุ่นหยี่คาดไว้ของ ลูกพี่ลูกน้องของเขากับคนอื่นๆ จะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นกระบวนท่าชั้นสูงของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่เขาเขียนลงบนม้วนกระดาษ แต่ยุ่นหยี่รู้ได้เพียงแค่ชำเลืองมองเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นกระบวนท่าชั้นสูงของนิกายเทพเจ้าสายฟ้ามาก่อน แต่จากสิ่งที่เขาได้ยินและเห็นเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถรับรู้ได้ในทันที
“ถูกตัอง นี่คือ กระบวนท่าเคลื่อนไหวเทพสายฟ้าเหิน ข้าต่อสู้กับคนๆหนึ่งมาโดยเขาใช้ท่านี้ในหุบเขาพันภูเขาและข้าก็ได้ปรับนำมาใช้ได้จากการต่อสู้ครั้งนั้น” ยุ่นหลิงอธิบายไปพลางเขียนไปพลาง
“โอ้ อย่างนี้เอง…” ยุ่นหยี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ความสามารถพิเศษของยุ่นหลิง ดังนั้นเขาไม่ควรแปลกใจเลยจริงๆ ที่เขาสามารถรับมือกับกระบวนท่าชั้นยอดแบบนี้ได้
“มันเป็นท่าที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ก็มีจุดอ่อนอยุ่เหมือนกัน”
“จุดอ่อนงั้นรึ?” ยุ่นหยี่ถาม แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ กระบวนท่าเคลื่อนไหวเทพสายฟ้าเหิน แต่เขาไม่รู้จุดอ่อนของมันเพราะเขาไม่เคยเห็นคนที่ใช้ท่านี้จริงๆ มีเพียงคนอย่างยุ่นหลิงที่สามารถใช้ท่านี้ได้เท่านั้นที่จะรู้จุดอ่อนของมัน อย่างไรก็ตาม ยุ่นหยี่มั่นใจว่าถ้าเขาได้เห็นกระบวนท่านี้อยู่ตรงหน้าเขา เขาก็จะสามารถตระหนักถึงจุดอ่อนของท่านี้ได้
ยุ่นหลิงขมวดคิ้วขณะนึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ของตัวเองและต่อสู้กับเหวินไป่ชิ จากนั้นเขาก็เริ่มพูด “อย่างแรกเลย ท่านี้มีเสียงดังเกินไป จุดอ่อนนี้ไม่สำคัญมากนักเมื่อพูดถึงการต่อสู้เพราะผู้ใช้มีความเร็วที่เหนือกว่าเสียง กว่าที่ศัตรูจะได้ยินเสียง มันคงสายเกินไปสำหรับพวกเขาแล้ว แต่กลับกัน มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเมื่อต้องใช้ท่านี้ในการหลบหนีเพราะศัตรูจะได้ยินเสียง ดังนั้นมันเป็นกระบวนท่าที่ใช้เคลื่อนไหวร่างกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการต่อสู้เท่านั้น”
ยุ่นหยี่พยักหน้า นั่นเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของ กระบวนท่าในนิกายเทพเจ้าสายฟ้า หากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือการหนี แม้ว่ากระบวนท่าเคลื่อนไหวเทพสายฟ้าเหิน จะเป็นหนึ่งในท่าที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถใช้มันเพื่อหลบหนีได้เว้นแต่ว่าความเร็วของพวกเขาจะสูงกว่ามากศัตรู
“นอกจากนั้นมันยังทำให้ร่างกายต้องรับภาระมากเกินไป คนส่วนใหญ่ร่างกายจะค่อยๆสลายไปหากพวกเขาใช้กระบวนท่านี้เป็นระยะเวลานาน และการใช้พลังงานทางจิตก็ใช้มากเกินไปสำหรับคนธรรมดาเช่นกัน ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมนิกายเทพเจ้าสายฟ้าไม่เพียงแค่สอนท่านี้ให้กับสาวกของพวกเขา แต่จะเฉพาะกับคนที่พิเศษที่สุดเท่านั้น นอกจากเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัวแล้ว ไม่ใช่แค่ใครก็ตามที่สามารถใช้ท่านี้ได้ เพราะมันอาจจะทำร้ายตัวเองได้ก็ต่อเมื่อร่างกายของพวกเขาไม่พร้อมสำหรับมัน ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจตายได้”
ยุ่นหลิงไม่ได้กังวลมากนักเกี่ยวกับจุดอ่อนนี้สำหรับตัวเขาเอง เนื่องจากร่างกายของเขาสามารถรับมือกับความเจ็บปวดที่กระบวนท่าขั้นสูงนี้สามารถทำได้กับร่างกายของเขาอย่างเต็มที่ ส่วน พ่อ ปู่ ลุง และยุ่นยี่ก็ไม่ต้องกังวลเพราะรากฐานร่างกายของพวกเขาดีอยู่แล้ว พวกเขาสามารถจัดการกับมันได้ สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือพวกพ้องของเขา ตามจริงแล้ว เขาต้องการให้ทุกคนได้ฝึกฝนมันเพื่อที่จะทำให้ตระกูลยุ่นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก แต่นั่นเป็นเรื่องที่ยากเกินไป เนื่องจากกระบวนท่านี้ไม่เพียงแต่ใช้งานยากเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายอีกด้วย
“ถ้านายน้อยกังวลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมตระกูลของเรา มีอย่างหนึ่งที่ท่านสามารถทำได้ ท่านสามารถรวบรวมผู้อาวุโสและผู้ฝึกตนที่มีอำนาจทุกคนในตระกูลให้ทำงานร่วมกันและแก้ไขกระบวนท่านี้เพื่อให้ผู้อื่นสามารถฝึกฝนและใช้มันได้อย่างปลอดภัย” ยุ่นยี่แนะนำ
ยุ่นหลิงเหลือบมองเขาเพื่อดูว่าเขาล้อเล่นหรือไม่ แต่เขาเห็นว่ายุ่นหยี่มีสีหน้าจริงจังขณะมองตาเขา เขายิ้มอย่างเรียบๆขณะที่เขาจ้องมองไปที่ยุ่นหยี่
“รวบรวมคนเพื่อปรับแต่งกระบวนท่านี้งั้นหรือ? เจ้าทำเหมือนว่านมันง่ายมากเลยนะยุ่นหยี่ แม้ว่าข้าจะสามารถทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนกระบวนท่านี้ แต่ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่ากระบวนท่าชั้นสูงนี้จะปลอดภัยและใช้งานได้ง่ายขึ้น อันที่จริงเราอาจทำให้มันแย่ลงได้ก็”
“แน่นอนว่าการเปลี่ยนความสามารถของกระบวนท่าชั้นสูงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีความเสี่ยงและอาจได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม หากท่านไม่ทำอะไรกับมัน ท่านก็ลืมเรื่องที่จะมอบกระบวนท่าชั้นสูงนี้ให้กับตระกูลของเราไปได้เลย”
ยุ่นหลิงตกอยู่ในห้วงภวังค์ขณะที่เขาพิจารณาถึงคำแนะนำของยุ่นหยี่ แน่นอนว่าเขาสามารถทำสิ่งที่เขาพูดได้หากเขาใช้อำนาจของพ่อและปู่ของเขาที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูล ถึงอย่างนั้น การเปลี่ยนกระบวนท่าชั้นสูงอย่าง กระบวนท่าเคลื่อนไหวเทพสายฟ้าเหิน ย่อมเป็นความเสี่ยงที่สูง มันเป็นกระบวนท่าจากพระเจ้า พวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา หากคนอื่นได้ยินสิ่งที่ยุ่นหยี่พูด พวกเขาจะเรียกยุ่นหยี่ว่าคนที่ดูหมิ่นกระบวนท่าชั้นสูงของเทพเจ้าอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นยุ่นหลิงก็ยิ้มน้อยๆออกมา
“เอาล่ะ แม้ว่ามันอาจจะยาก แต่สิ่งที่เจ้าพูดนั้นมันก็สมเหตุสมผล ข้าจะรวบรวมผู้ฝึกตนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลเพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนท่านี้ในภายหลัง” ยุ่นหลิงกล่าวขณะที่เขามองยุ่นยี่อย่างชื่นชม ยุ่นหยี่เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดที่เขาเคยมีมา