เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 66
บทที่ 66 คนเลว
ยุ่นหลิงยิ้มขณะที่ส่ายหัวกับยุ่นเซี่ย เขามีลูกสาวที่ดีจริงๆ ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่เข้ามายุ่ง แต่ยังไงก็ตาม เขาค่อนข้างภูมิใจในตัวยุ่นเซี่ยที่ปกป้องเด็กยากหล่านั้น
“ทำไมเจ้าไม่ห้ามล่ะ”? ยุ่นหลิงถามผู้ดูแลลูกสาวของเขา
เขาคิดว่าหยื่อตงเหม่ย จะไม่พูดอะไรเหมือนปกติ แต่เธอตอบ ว่า “ข้าจะไม่ห้ามนายหญิงน้อย จากการทำดี ถ้าข้าหยุดเธอไว้ เธออาจจะเมินสถานการณ์แบบนี้ทุกครั้งที่เธอเจอมัน เหมือนท่าน…”
ยุ่นหลิงขมวดคิ้วที่เธอ
“การทำความดีเป็นสิ่งดีทั้งหมด แต่โลกนี้ไม่ได้มีแค่แสงแดดและสายรุ้ง มันไม่เป็นไรถ้าเซี่ยๆเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ แต่ถ้าเธอพยายามเข้าไปยุ่งในสิ่งที่เป็นอันตราย ความยุติธรรมก็ไม่อาจช่วยเซี่ยๆได้” ยุ่นหลิงกล่าว เขานึกถึงความปลอดภัยของยุ่นเซี่ยเท่านั้นที่เขาพูดแบบนี้ เพราะเขารู้ว่าโลกนี้โหดร้ายเพียงใด แม้ว่าคุณจะพยายามช่วยใครสักคน คุณก็อาจกลายเป็นคนที่โดนกระทำเสียเอง นายหญิงน้อยคนนี้เป็นเพียงแค่เด็ก เธอจะตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เมื่อโตขึ้น”
เขาถอนหายใจ ยุ่นเซี่ยอายุแค่ห้าขวบ เขาไม่ต้องการให้ความไร้เดียงสาของเธอถูกพรากไปตั้งแต่ยังเด็ก แม้เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเธอ แต่เขากลับดีใจที่ยุ่นเซี่ยยืนหยัดเพื่อพวกเด็กยากจนเหล่านั้น ถึงอย่างนั้นหากเธอยังคงทำสิ่งเหล่านี้ต่อไปจนติดเป็นนิสัยถึงตอนโต ยุ่นหลิงจะต้องสอนเธออย่างเหมาะสม สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการจะเกิดขึ้นคือการที่ลูกสาวของเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเพียงเพราะเธอต้องการช่วยเหลือใครสักคน ความยุติธรรมในโลกใบนี้ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกบิดเบี้ยวได้ด้วยอำนาจและเงินทอง
“ถ้าเป็นสิ่งที่ท่านและข้าไม่สามารถรับมือได้ ข้าจะห้ามเธอทันที” หยื่อตงเหม่ยพูดเสริม แม้ว่านางจะยอมให้ยุ่นเซี่ยทำดี แต่นางจะไม่ยอมให้เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของเธอ
ในตอนนี้มีเด็กผู้ชนชั้นสูงหกคนอายุประมาณสิบขวบมองยุ่นเซี่ยอย่างไม่พอใจ พวกเขากำลังสนุกกับการรังแกเด็กที่เกิดมาต่ำต้อยเหล่านั้น แต่จู่ๆ เด็กคนนี้ก็ดันเข้ามา เธอกล้าดียังไงที่กล้ามาทำลายความสนุกของพวกเขา?
“เจ้าคือใคร?” เด็กคนหนึ่งถามขณะกำหมัด เตรียมชกไปที่ยุ่นเซี่ย
“เฮ้ หยุด!” เพื่อนคนหนึ่งของเขาบอกเขาหลังจากสังเกตยุ่นเซี่ยอยู่ครู่หนึ่ง “อย่าใจร้อนมากนัก เธอดูเหมือนจะเป็นขุนนาง”
พวกเขาทั้งหมดมองที่ยุ่นเซี่ยด้วยความคิดเดียวกัน วิธีการแต่งตัวของเธอแตกต่างจากเด็กยากจนเหล่านี้ เสื้อผ้าของเธอสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้น วัสดุที่เสื้อผ้าของเธอใส่ดูเหมือนจะมีคุณภาพสูงแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่าของพวกเขา ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นใครก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเช่นเดียวกับพวกเขา
“เจ้ามาจากตระกูลขุนนางใด”? พวกเขาถาม และไม่ทำอะไรเธอ
แทนที่จะตอบยุ่นเซี่ยขมวดคิ้วใส่พวกเขา
“ทำไมเจ้าถึงทำร้ายพวกเขา? พวกเขาทำอะไรให้เจ้าโกรธหรือ”?
พวกขุนนางมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นพวกเขาก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ แค่เห็นพวกมันมันก็ทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจ มันทำให้ข้าโกรธมากจนข้าอยากจะทุบตีพวกมัน”
“ยังไงก็ตาม เจ้าไม่ควรเข้าไปพัวพันกับเรื่องไร้สาระพวกนั้น เจ้าและข้าแตกต่างจากพวกมัน เราเป็นขุนนางในขณะที่พวกมันเป็นเพียงศัตรูพืชที่ทำให้สภาพแวดล้อมของเราสกปรกเพราะการมีอยู่ของพวกมัน”
“มองที่พวกมันสิ เจ้าไม่รู้สึกรังเกียจที่เห็นเสื้อผ้าสกปรกของพวกมันเหรอ? เจ้าไม่รู้สึกหรือว่ามันคล้ายกับเป็นตัวตลกในสายตของพวกเรา?”
“แก!” เด็กที่ถูกรังแกมองดูพวกขุนนางด้วยความโกรธ แต่พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับพวกเด็กชนชั้นสูงพวกนี้ได้ หากพวกเขาตอบโต้ พวกเขาจะไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองเท่านั้น แต่ครอบครัวของพวกเขาอาจโดนผลกระทบตามไปด้วย
คำตอบของพวกเขาทำให้ยุ่นเซี่ยไม่ชอบเด็กชั้นสูงเหล่านี้มากขึ้นไปอีก
“พวกคนเลว!”
เด็กชนชั้นสูงถอนหายใจให้กันและกัน
“เธอเป็นแค่เด็ก อย่าไปสนใจเธอเลย”
“ใช่ อย่ามายุ่งกับพวกเราเลย”
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้าไสหัวไปเถอะ” เด็กชั้นสูงคนหนึ่งกำลังจะผลักยุ่นเซี่ยที่กำลังขวางทางอยู่ แต่ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสเธอได้ พวกเขาเห็นจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่จ้องมองพวกเขาจากด้านหลังเด็กหญิงตัวเล็กๆ
นั่นคือจิ้งจอกเขี้ยวหิมะ
เด็กชั้นสูงคนอื่นๆ ชี้ไปที่จิ้งจอกด้วยนิ้วที่สั่นครือ ขณะที่บางคนก้าวถอยหลัง ทุกคนต่างหวาดกลัวต่อจิ้งจอกที่แสดงความเกลียดชังต่อพวกเขา
“อะ-อะ! มีสัตว์ร้ายอยู่ที่นี่!”
“วิ่งงงงงงง!”
“เจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั่นไหม! ข้าจะเรียกพี่ข้ามาช่วย!”
เหล่าเด็กชั้นสูงได้หนีไป มีอยู่คนหนึ่งที่หมดสติไปในขณะที่คนหนึ่งที่วิ่งหนีมาฉี่รดกางเกงของเขา
เด็กที่ดูสกปรกอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ พวกเขาไม่ต้องการให้เด็กเหล่านั้นมาทำอะไรเขาอีกเพราะโดนหัวเราะเยาะ
“ทำดีมากเจ้าเขี้ยวหิมะ” ยุ่นหลิงยิ้มไปที่จิ้งจอกตัวนั้น
เด็กที่เหลือต่างมองยุ่นเซี่ยอย่างชื่นชม พวกเขาส่วนใหญ่โค้งคำนับเธอขณะแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณมากๆ!”
ยุ่นเซี่ยยิ้มอย่างเขินอาย เธอเขินเล็กน้อยกับความสนใจที่เธอได้รับจากเด็กคนอื่นๆ เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
เธอมองไปทางพ่อของเธอ พยายามขอความช่วยเหลือจากเขา
“เซี่ยๆ หนูควรพูดอะไรเมื่อมีคนขอบคุณหนู”? ยุ่นหลิงถามลูกสาวของเขา
แววตาของยุ่นเซี่ยเป็นประกายขึ้น เธอเผชิญหน้ากับเด็กที่ดูสกปรก และพูดอย่างนอบน้อมว่า “ด้วยความยินดี”
เด็กที่เหลือรู้สึกขอบคุณเธอจริงๆ แต่มีเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้สึกแบบนั้น มีเด็กชายคนหนึ่งมองยุ่นเซี่ยอย่างไม่พอใจ เขาเป็นคนเดียวที่ไม่มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
“เจ้าไม่ควรมายุ่งเลย” เด็กชายคนนั้นพูดกับยุ่นเซี่ย
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ตกตะลึงกับพฤติกรรมของเด็กชายคนนั้น ทำไมเขาถึงโกรธเธอ? เธอทำอะไรผิดกับเขาหรือเปล่า? เธอเพิ่งช่วยพวกเขาใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมเขาถึงโกรธ?
“เฮ้ เจ้าเป็นอะไรไป”?
“ใช่ ถึงแม้เราจะยากจนแต่เราก็ไม่ใช่คนเนรคุณ ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบเธอล่ะ?
“เธอแค่ช่วยเหลือพวกเรานะ”
เด็กที่เหลือรู้สึกงงกับเด็กชายคนนั้น ยังไงก็ตาม เด็กชายคนนั้นยังคงไม่สะทกสะท้าน
เขาพูดกับเพื่อนของเขาว่า
“ใช่ เธออาจช่วยเรา แต่ในขณะเดียวกัน เธอทำให้สถานการณ์ของเราแย่ลง ครั้งหน้าเด็กชั้นสูงเหล่านั้นจะกลับมาเพื่อแก้แค้นอย่างแน่นอน”
ทุกคนก็เงียบในทันที สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล พวกเขาอาจจะรอดไปในตอนนี้ แต่ในอนาคตไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ยุ่นเซี่ยรู้สึกตกใจ เธอกำลังทำอะไรลงไป
พวกเขาจะกลับมาทำร้าย? เธอมองไปที่พ่อของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ
ยุ่นหลิงรู้ดีอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ต้องการช่วย ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับความเกลียดชังจากคนที่พวกเขาช่วยเท่านั้น แต่พวกเขายังจะทำให้สถานการณ์ของพวกเขาหนักขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ไม่ใช่ความช่วยเหลือทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดี บางครั้งการช่วยก็อาจทำลายคนๆ หนึ่งได้
ถ้าเป็นเขา เขาไม่ต้องการทำอะไรกับเรื่องนี้ ยังไงก็ตาม เนื่องจากลูกสาวของเขามีส่วนเกี่ยวข้อง เขาจะต้องเข้ามาช่วยเหลือพวกเด็กยากจนพวกนี้จนได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ตามเจ้าและครอบครัวของเจ้าในเรื่องครั้งนี้แน่นอน”