เมื่อนายน้อยมีลูกสาว Young Master Has a Daughter - ตอนที่ 77
บทที่ 77 ยุ่นหลิงและอัครมหาเสนาบดี
“ท่านพ่อ! โชคดีนะ!” ยุ่นเซี่ยตะโกนไปทางพ่อของเขาและโบกมือให้เขา ขณะที่ยุ่นหลิงเดินไปที่ด้านหลังเวทีอย่างเนิบๆ
ยุ่นหลิงหยุดเดินในขณะที่เขาหันกลับมาหาลูกสาวและยิ้มให้เธอ เขาโบกมือขวาให้เธอพร้อมกับพูดว่า “พ่อเข้าใจแล้ว!”
ยุ่นเซี่ยยิ้ม จากนั้นเธอก็เดินตามปู่และย่าของเธอไปยังที่นั่งพิเศษที่สงวนไว้สำหรับตระกูลยุ่น เธอตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าพ่อของเธอจะเป็นยังไงในการแข่งขัน เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเชียร์เขา
หลังจากนั้นยุ่นหลิงยังคงมุ่งหน้าไปด้านหลังเวที การแสดงออกที่อ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความรักเพิ่งปรากฏต่อหน้าของเขาเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนขณะเผชิญหน้ากับลูกสาวของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ แววตาของเขานิ่งลง
บางคนที่สบตากับเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างจากตัวของเขา มันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าหากพวกเขาพลาดแม้แต่นิดเดียวจะพบกับจุดจบทันที นั่นคือวิธีที่ยุ่นหลิงทำกับคนอื่นๆ ในตอนนี้ พูดง่ายๆก็คือเขาดูอันตรายมาก
หากมีสัตว์ร้ายที่เห็นยุ่นหลิงอย่างที่เขาเป็นในตอนนี้มันคงน่ากลัวน้อยกว่ายุ่นหลิงไปด้วยซ้ำ
“ไว้เราจะดื่มให้กับความกล้าหาญหลังจบการคัดเลือกนี้กัน!” ชายหนุ่มพูดกับเพื่อนของเขาขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังด้านหลังเวทีลานประลอง พวกเขายังเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการคัดเลือกมังกรทอง
“แน่นอน! ฮ่าๆๆ รู้อะไรมั้ย? ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับน้องสาวของข้าในภายหลัง! ข้าก็อยากมีพี่เขยที่ดูตลกเหมือนนายนะ 5555” ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดแบบนั้น
“ฮ่าฮ่า” ชายหนุ่มยังไม่ทันจะพูดประโยคอะไรต่อเขาบังเอิญไปชนคนอื่น เขาโกรธและตะโกนทันที “เฮ้! เจ้าน่ะเดินระวังบ้าง… จะ… เจ้า…”
ชายแขนขาอ่อนแรง และมีเหงื่อออกทั่วตัวหลังจากที่รู้ว่าคนที่เขาชนคือใคร
นั่นคือยุ่นหลิง
แววตาของยุ่นหลิงจับจ้องมาที่เขาขณะที่เขาขมวดคิ้ว
ขณะเผชิญหน้ากับยุ่นหลิง ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่ามีสัตว์ร้ายจ้องมองมาที่เขา จ้องที่จะกัดกินเขาทั้งตัว ร่างกายของเขาแข็งทื่อ เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย นี่เป็นหนึ่งในปฏิกิริยาทางธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ต่ออันตราย ในกรณีนี้ ร่างกายของเขาตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะดำเนินการเพื่อป้องกันตัวเองคือการหยุดนิ่ง การต่อสู้หรือหนีไม่เป็นปัญหาเพราะเขาอาจดึงดูดความกระหายในตัวของยุ่นหลิงออกมา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ยุ่นหลิงก็ไม่ได้สนใจเขาอีกและเดินหน้าต่อไป
ชายหนุ่มทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีเมื่อยุ่นหลิงออกจากพื้นที่ในที่สุด แม้แต่เพื่อนของชายหนุ่มก็ยังตัวแข็งค้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ชนยุ่นหลิงก็ตาม ยุ่นหลิงช่างน่ากลัวยิ่งนัก เขาดูน่าเกรงขามมาก
“นั่นคือยุ่นหลิงใช่ไหม”?
“จะเป็นใครได้อีกล่ะ”
พวกเขารู้ว่ามันค่อนข้างยากที่จะเข้าใจ พวกเขาเคยเห็นยุ่นหลิงกับลูกสาวของเขาเมื่อสองสามวันก่อน และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ใจดีและเอาใจใส่ พวกเขาสังเกตเห็นเพราะเขาค่อนข้างโด่งดังแม้กระทั่งกับคนที่ไม่ใช่พลเมืองในเมืองหลวงก็ยังรู้จักเขา เป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ชายผู้เย็นชาเมื่อครั้งก่อนกลายเป็นพ่อผู้เป็นที่รักอย่างที่เขาเคยเป็นเมื่อพบเขาครั้งแรก
“หืม?” ยุ่นหลิงขมวดคิ้ว มีคนขวางทางเขาระหว่างที่กำลังเดินไปหลังเวที
เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ เขาก็รู้ว่าเป็นใคร เขาเป็นชายชราหลังค่อมที่เขาคุ้นเคยไม่มากก็น้อย ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอัครมหาเสนาบดีของจักรวรรดินี้ เจิ้งอี้
“ท่านอัครมหาเสนาบดี” ยุ่นหลิงกล่าวขณะที่เขามองตรงไปยังเจิ้งอี้ด้วยสายตา
เจิ้งอี้หัวเราะเยาะเขา “เมื่อเห็นเจ้าตอนนี้ทำให้ข้านึกถึงเมื่อหลายปีก่อนว่าเจ้าเป็นอย่างไร ตอนนั้นตอนนั้นเจ้าเป็นคนที่น่ากลัวมากๆคนนึงในเมืองหลวง”
“ข้าคิดว่าท่านอัครมหาเสนาบดีไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยกับข้าเพราะเรื่องนี้หรอกนะ?” ยุ่นหลิงกล่าว
“เจ้าพูดถูก” เจิ้งอี้ถอนหายใจ “เจ้ารู้ว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง?”
ยุ่นหลิงจ้องมาที่เขาครู่หนึ่ง เขาคงกำลังพูดถึงเรื่องของผลไม้อายุยืน ก่อนออกจากเมืองหลวง อัครมหาเสนาบดีเจิ้งอี้มาหาเขาและขอให้เขาตามหาผลไม้อายุยืนและนำมาขายให้เขา ถ้าเขาพบมัน
เขาส่ายหัวขณะตอบ “ข้าเกรงที่จะตอบว่า ข้าไม่พบมัน ท่านอัครมหาเสนาบดีท่านรู้ไหมว่าสิ่งเหล่านั้นหายากมากเพียงใด นอกจากนี้ ข้าแน่ใจว่าท่านก็รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในหุบเขาพันภูเขา ข้าไม่มีเวลาได้ค้นหาผลไม้อายุยืนที่นั่นเลยแม้แต่น้อย”
เจิ้งอี้ ยิ้มอย่างเศร้าๆขณะที่เขาพูดอย่างอารมณ์เสีย “ข้ารู้ว่าเป็นอย่างนั้น ข้าไม่ได้คาดหวังอะไรมากเมื่อข้าขอผลไม้อายุยืนก่อนที่เจ้าจะออกไปทำภารกิจเพราะมันหายากมาก ถ้ามันหาง่ายนัก ข้าคงจะไปหามันเองแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย”
ยุ่นหลิงไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงแค่ฟังเขา
“ลืมมันไปเถอะ ถ้านี่คือเจตจำนงของสวรรค์ ข้าเองก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว” เจิ้งอี้ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่ไร้ชีวิตชีวา
“ท่านอัครมหาเสนาบดี ตอนนี้ข้าไปได้แล้วหรือยัง?”
“แน่นอน ยกโทษให้ข้าด้วยที่ขวางทาง” เจิ้งอี้พูดขณะที่เขาหลีกทางให้ยุ่นหลิงผ่านไป
ยุ่นหลิงเข้าไปด้านหลังเวทีทันทีโดยได้คิดอะไร สายตาของเขามองตรงไปข้างหน้า เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองและเหลือบมองชายชราหลังค่อมที่เสียใจที่อยู่ข้างหลังเขา
“ชายผู้น่าสงสารในวัยชราภาพงั้นรึ” ยุ่นหลิงพึมพำภายใต้ลมหายใจของเขา นั่นคือความรู้สึกของเขาที่มีต่ออัครมหาเสนาบดี ในตอนนี้
เวลาไม่ได้ช่วยอะไรชายที่โง่เขลาคนนี้เลย แม้แต่อัครมหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดและน่าเกรงขาม ก็กลายเป็นคนที่น่าสมเพชได้
ไม่ว่าอัครมหาเสนาบดีเจิ้งอี้ จะตายไปหรือมีชีวิตอยู่ ยุ่นหลิงก็ไม่สนใจอะไรมาก เขาเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะตายหรือมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่สำคัญสำหรับเขา
“ยุ่นหลิงอยู่ที่นี่แล้ว” ยู่ฉานบอกหยุนยี่และมกุฎราชกุมารเมื่อสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา
ยุ่นหยี่และมกุฎราชกุมารหันไปมองทางที่เขายืนอยู่ทันที จากนั้นยู่ฉานและมกุฎราชกุมารก็ขมวดคิ้ว
“วันนี้ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไป” มกุฎราชกุมารพึมพำ
“มันเหมือนกับว่าเขาได้กลายยุ่นหลิงที่น่าเกรงขามเมื่อวันวาน” ยู่ฉานกล่าวเสริม
ในทางกลับกัน ยุ่นหยี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง นี่คือสิ่งที่เขากำลังมองหา! ยุ่นหลิงในสภาพนี้คือสิ่งที่เขาปรารถนาจะต่อสู้มากที่สุด!
“ฮ่าๆๆๆ! ยอดเยี่ยม นายน้อย! ดูเหมือนท่านจะไม่ออมมือให้เลยสักนิดนะ!”