เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Yaoi - ตอนที่ 254 อุณหภูมิของฝ่ามือ / ตอนที่ 255 จูงมือ
- Home
- เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Yaoi
- ตอนที่ 254 อุณหภูมิของฝ่ามือ / ตอนที่ 255 จูงมือ
ตอนที่ 254 อุณหภูมิของฝ่ามือ
“ฉันมาจากไหนจำเป็นต้องรายงานให้นายทราบด้วยหรอ” หลูจื้อไม่อยากจะพูดไร้สาระกับหันไท่จูเลย
หันไท่จูรู้สึกอายเล็กน้อย มือของเขาหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่รู้ว่าควรจะยื่นต่อไปข้างหน้าหรือจะถอยหลังกลับดี
ชุยหังทนไม่ไหวเพราะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของตน นอกจากนี้คนที่ให้ตนมาที่นี่ก็ไม่ใช่เขา ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า: “เขาไม่สูบบุหรี่”
หันไท่จูฉุดมือกลับไป จากนั้นก็พูดว่า: “งั้นขอโทษด้วยนะพี่ชาย”
“ฉันไม่ใช่พี่ชายนาย อย่าเรียกสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าน้องชายฉันมาทำงานนี้อยู่ที่นี่ ฉันรับรองเลยว่าชีวิตของเขาคงดูแลตัวเองไม่ได้แน่ ยังจะว่าร่ำรวย ต่อให้ร่ำรวยแล้วก็คงจะต้องจ้างพยาบาลส่วนตัวมาดูแลแล้วล่ะ” หลูจื้อกล่าว
บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด ชุยหังก็ไม่รู้ว่าควรจะผ่อนคลายบรรยากาศยังไงดี
แต่ชุยหังจะมัวไปสนไปยุ่งเรื่องมากมายขนาดนั้นไม่ได้แล้ว วันนี้ตนจะอธิบายกับหลูจื้อยังไง นี่ยังเป็นปัญหาอยู่เลย
ผ่านไปสักพักโจวอิ๋นเย่ว์ถึงเดินกลับมาและพูดว่า: “ชุยหัง นายมีข้าวของอะไรบ้างเดี๋ยวให้คนที่บ้านช่วยเก็บให้ แล้วให้เอามาส่งให้นายเลยได้ไหม?”
ชุยหังรู้ว่าพวกเขากลัวตนจะพาหลูจื้อไปจนทำให้งานของพวกเขาหยุดชะงัก หรือหลูจื้ออาจจะมีจุดประสงค์อื่น
“พวกเสื้อผ้าสองสามตัวที่ฉันเอาออกมาใส่แล้ว ส่วนข้าวของอย่างอื่นอยู่ในกระเป๋าลากทั้งหมดยังไม่เคยได้แตะเลย อย่าลืมเอาที่ชาร์จของฉันมาให้ด้วยนะ” ชุยหังเตือน
“ได้ ฉันจะโทรไปบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละ” โจวอิ๋นเย่ว์พูดจบก็เดินออกไปโทรศัพท์อีกรอบ
หลูจื้อมองมาที่ชุยหังแล้วถามขึ้นว่า: “ไกลแค่ไหน”
“อะไร” ชุยหางผงะไป
“ฉันบอกว่าที่ๆ พวกนายอยู่มันอยู่ไกลจากที่นี่มากแค่ไหน” หลูจื้อถามคำถามแบบเต็มประโยคออกมา
“ก็อยู่ข้างในชุมชน ไม่ถือว่าไกล” ชุยหังกล่าว
หลูจื้อไม่ได้พูดอะไรอีก อย่างไรเสียคนพวกนี้คงจะไม่กล้าเล่นตุกติกอะไร สำหรับคนพวกนี้เขาก็ขี้เกียจจะไปสนใจ
ทั้งสี่คนยืนอึดอัดอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าชุมชน ผู้คนที่รู้จักกันเดินเป็นกลุ่มสองสามคนออกมาจากข้างในชุนชมผ่านมาเห็นสถานการณ์แบบนี้เข้ายังไม่กล้าเดินเข้ามาทักทายเลย
ไม่นานหลี่จงไห่ก็ถือเอาข้าวของของชุยหังออกมา กระเป๋าหนังสือแล้วก็มีกระเป๋าลาก
“ทำไมหรอ นี่รีบกลับไปมหา’ ลัยหรอ” หลี่จงไห่ยังเสแสร้งแกล้งทำท่าทางเป็นไม่รู้แล้วถามออกมา
ชุยหังพูดตอบ: “อืม ประมาณนั้น”
“ดูของว่ามีอะไรขาดไปไหม ฉันไม่อยากกลับมาหาเป็นเพื่อนนายหรอกนะ” หลูจื้อว่า
ชุยหังเปิดกระเป๋าหนังสือดูแบบลวกๆ อย่างไรเสียก็ไม่ได้มีของมีค่าอะไร ที่สำคัญคือที่ชาร์จกับเสื้อผ้าที่ตนชอบมากแค่ไม่กี่ชิ้น
นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ยังไงก็ไม่มีของราคาแพงอะไร
“อืม ก็ของพวกนี้แหละ”
หลี่จงไห่ละเอียดรอบคอบมาก ขนาดอุปกรณ์อาบน้ำเขายังเก็บมาให้ตนด้วยเลย คงจะเป็นกังวลจริงๆ ว่าตนจะกลับมาหามันอีก
“ซุนซิ่งล่ะ?” ชุยหังถามขึ้นอีกประโยค
“เขาออกไปทำธุระนิดหน่อย” หันไท่จูรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“งั้นโอเค พวกนายช่วยฉันบอกเขาให้ทีนะว่าฉันไปก่อนแล้ว” ชุยหังว่า
เมื่อหลูจื้อมองดูข้าวของของชุยหังแล้วเหมือนจะไม่ขาดหายอะไรไป เขาก็พูดกับสามคนนั้นขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า: “อายุยังน้อยมาทำอะไรผิดๆ สมองมีปัญหา”
หลังจากพูดจบเขาก็สะพายกระเป๋าของชุยหังขึ้น มือหนึ่งเอื้อมไปจับกระเป๋าลาก ส่วนอีกมือหนึ่งก็จูงมือชุยหังแล้วก้าวยาวๆ เดินจากไป
ฝ่ามือของเขาอบอุ่นมาก ถึงแม้จะหยาบเล็กน้อย แต่มันดูแข็งแรงและรู้สึกปลอดภัยมาก
ชุยหังรู้สึกอยากจะร้องไห้ทั้งๆ ที่การที่หลูจื้อมารับเขาเป็นเรื่องที่ดี แต่เขารู้สึกว่าดวงตาของตนเริ่มเปียกชื้นขึ้นมานิดหน่อย
เขาจากมาทำไมใจเขารู้ดีที่สุด
ตอนนี้ถึงแม้ว่าหลูจื้อจะแบไพ่ในมือกับคนในครอบครัวแล้ว แต่ว่าในอนาคตล่ะ?
ตอนที่ 255 จูงมือ
หลูจื้อจูงมือชุยหังแบบนี้เดินไปข้างหน้าตลอดทาง ผ่านลานหน้าเทสโก้โลตัสไป จนกระทั่งข้ามมาถึงสถานีรถอีก ขนาดมีคนมองมาทางพวกเขาจนทำให้ชุยหังรู้สึกเก้อเขินอยากจะสะบัดให้หลุด หลูจื้อก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเลย
“บัตรประชาชน” เมื่อไปถึงห้องโถงขายตั๋วแล้วหลูจื้อถึงได้ยอมปล่อยมือชุยหัง จากนั้นขอบัตรประชาชนจากเขาเพื่อซื้อตั๋วรถ ชุยหังยื่นบัตรนักศึกษาส่งไปให้แต่หลูจื้อกลับพูดว่า: “ไม่จำเป็นต้องใช้ เก็บเอาไว้เองเถอะ”
ชุยหังไม่ค่อยเข้าใจเขา ใช้บัตรนักศึกษาซื้อจะได้รับส่วนลดแท้ๆ ทำไมถึงไม่ใช้?
แต่เมื่อเขาได้ยินหลูจื้อยื่นบัตรประชาชนสองใบเข้าไปแล้วบอกว่าตั๋วเบาะนอนสองใบเขาถึงได้เข้าใจ
“ไม่ต้องเอาเบาะนอน เบาะนั่งแบบแข็งก็พอแล้ว” ชุยหังพูดเตือนด้วยเสียงเบา
“ไม่เป็นไร วันนี้นายคงจะต้องเหนื่อยมาก พรุ่งนี้ก็อาจจะนั่งไม่ได้ นอนราบไปคงจะเหมาะกับนายมากกว่า นอนฟุบไปเลยก็ได้” หลูจื้อพูดอย่างตรงไปตรงมา
วินาทีนั้นชุยหังเข้าใจแล้วว่าความหมายว่าอะไรก็เริ่มกระวนกระวายเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าตนจะเหยียบกับระเบิดเข้าเสียแล้ว นอกจากนี้ขอบเขตการระเบิดก็เหมือนจะกว้างมากด้วย
ตอนที่ซื้อตั๋วอยู่ที่สถานีรถซุนซิ่งส่งข้อความมาหาเขาว่า: “เดินทางปลอดภัยนะ ยังไงก็ไม่ใช่ฉันที่บอกให้นายมา เป็นนายที่อยากจะมาเอง ฉันคงจะไม่ได้โกหกอะไรนายนะ ทุกคนต่างก็ไม่รู้สึกละอายใจต่อกันก็พอแล้ว”
ตอนแรกชุยหังไม่อยากด่าใคร แต่พอเห็นประโยคนี้เข้าก็เหมือนจะอดไม่ได้แล้ว
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาตอบกลับไปหนึ่งฉบับว่า: “อืม ฉันขอให้นายประสบความสำเร็จเร็วๆ ให้เหนือว่าหัวหน้าของพวกนาย กลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน ต่อไปในงานรวมรุ่นเพื่อนร่วมชั้นพอเห็นฉันก็เข้ามาเยาะเย้ยฉันแรงๆ ว่าตอนนั้นให้โอกาสฉันแล้วแต่ฉันไม่รู้จักหวงแหนมันเอง”
“ค่าอาหารจากที่นายมาพักที่นี่เมื่อสองวันที่ผ่านมาฉันจะไม่เอากับนายหรอกนะ ถือซะว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน” ซุนซิ่งตอบกลับมาอีกข้อความ
“อาหารหมูที่กินในคอกหมูนั่นของพวกนาย ฉันซื้อปลาอู่ชางกับหอกระเรียนเหลืองให้นายก็เพียงพอกับบัญชีค้างนี้แล้ว ถ้านายยังรู้สึกว่าไม่พอ นายลองคำนวณดูว่ายังติดนายอีกเท่าไหร่แล้วให้เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเราแสดงความคิดเห็นเถอะ?”
ซุนซิ่งไม่ได้ตอบกลับมาอีกเลย อาจเป็นเพราะกลัวว่าชุยหังจะพูดอะไรน่าไม่น่าฟังมากกว่านี้ออกมา
เขาทำเรื่องแบบนี้จะต้องไม่อยากให้ใครรู้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆ จะถูกหลอกมาได้ยังไงล่ะ
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จหลูจื้อพูดกับเขาว่า: “ไปเถอะ รถเที่ยวพรุ่งนี้เช้า”
“ทำไมไม่ซื้อเที่ยวรถวันนี้?” ชุยหังถาม
“ตอนฉันมาที่นี่ฉันยืนมาตลอดทาง ฉันเหนื่อยแล้วไม่ได้หรอ” หลูจื้อพูด
ชุยหังรู้สึกผิดขึ้นมา ช่วงนี้ผู้คนมากมายคงจะอยากมาเที่ยวที่เขาไท่ซาน [1] ดังนั้นจึงจองตั๋วล่วงหน้าเอาไว้เรียบร้อยแล้วแน่นอน
เมื่อเห็นใบหน้าที่แลดูซีดเซียวของหลูจื้อแล้วชุยหังยิ่งรู้สึกปวดใจ รู้สึกว่าตัวเองก็เลวมากจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะตนเอง เขาคงไม่ต้องแบกรับอะไรมากมายขนาดนี้
“ไปเถอะซื้อตั๋วเสร็จแล้ว สบายใจได้แล้ว ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า ที่นี่มีอะไรอร่อยหรือมีอะไรเป็นอาหารประจำท้องถิ่น?” หลูจื้อถาม
ชุยหังถึงกับผงะไปชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้นว่า: “แพนเค้กม้วนต้นหอมใหญ่นับไหม”
“ต้นหอมใหญ่? นายอยากให้ฉันเสริมสมรรถภาพทางเพศใช่ไหม? ได้สิฉันไม่รังเกียจนะ” หลูจื้อพูด
ชุยหังรีบพูดว่า: “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น นายบอกว่าอาหารประจำท้องถิ่นของที่นี่ไม่ใช่หรอ…”
“ไม่เป็นไร ฉันคิดจริงแล้ว ไปเถอะหาที่ที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้กินสักหน่อย” หลูจื้อจูงมือของชุยหังไว้อีกครั้ง เหมือนกับกลัวว่าจะทำเขาหายยังไงอย่างนั้น จับเอาไว้แน่นมาก
ครั้งนี้ชุยหังไม่ได้พยายามที่จะสะบัดให้หลุดออกแต่ปล่อยให้เขาพาตนเดินผ่านลานกว้างของสถานีรถไป
หลังจากกินบะหมี่ง่ายๆ ไป หลูจื้อมองดูท่าทางการกินอาหารของชุยหังแล้วเอ่ยถามว่า: “สองวันมานี้นายไม่ได้กินข้าวหรือไง”
“เปล่า แต่ของที่พวกเขากินมันแย่มากเกินไป บ้างก็ไม่มีน้ำมันไม่มีเกลือ บ้างก็มีแต่ผักดองเค็ม ข้าวก็กินไม่อิ่ม” ชัยหังว่า
ในแววตาของหลูจื้อแสดงความปวดใจออกมาพลางพูดว่า: “งั้นก็กินให้เยอะๆ หน่อยเถอะ”
ชุยหังกำลังคิดอยากจะซาบซึ้งใจ หลูจื้อก็พูดขึ้นมาอีกประโยคว่า: “ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวจะไม่มีแรงเอา”