เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 112 ห้ามพูดคำว่า ‘แน่นอน’
บทที่ 112 ห้ามพูดคำว่า ‘แน่นอน’
ระบบ “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ระบบทำไปเพราะต้นกำเนิดของวัตถุดิบสำคัญ ระบบต้องทำยาเพิ่มเลือดซึ่งมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของระบบด้วย เพราะฉะนั้นระบบไม่ช่วงชิงสิ่งเล็กน้อยไปจากโฮสต์หรอก…”
เมื่อฟางหนิงได้สิทธิ์ในการใช้ร่างกายของเขากลับคืน จึงรีบเอ่ยแย้ง “โอ้ เรื่องคราวที่แล้วทำให้ผมกลัวสุดๆ เมื่อเร็วๆ นี้ผมจึงระดมทุนเพื่อเอามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังนี้ และได้สอบถามกับสถาบันทางการเงินสองสามแห่งด้วย พวกเขาสามารถให้เงินสดแก่ผมหนึ่งพันล้านได้ แต่พวกเขาอยากให้ผมขายหุ้นของร้านอาหารบางส่วน…”
ประธานจ้าวโบกมือปัด “อย่าไปมองหาผีดูดเลือดพวกนั้นเลย ร้านอาหารของนายเป็นแหล่งบ่อเงินบ่อทอง ในอนาคตจะต้องรุ่งเรืองใหญ่โตมากแน่ ถ้าต้องการเงินมากขนาดนั้นจริงๆ ลองไปกู้ยืมบนแพลตฟอร์มของหอการค้าฉีเฉิงดูสิ ฉันจะเป็นคนค้ำประกันให้ นายจะได้มีเงินจากการโครงการกู้ยืมโดยที่ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นร้านอาหาร และตราบใดที่เงินต้นมีการค้ำประกันและจ่ายดอกเบี้ย ดอกเบี้ยก็จะไม่สูง”
ด้วยจำนวนเงินหนึ่งพันล้านเมื่อเทียบกับฐานะทางการเงินของประธานจ้าวแล้วจึงเป็นเรื่องยากที่จะระดมเงินสดจำนวนมากขนาดนี้ได้ เขาจึงไม่สามารถพูดได้ว่าจะให้ยืมเงินของตน
ฟางหนิงเป็นคนมีเหตุผล พ่อตาเชื่อมั่นในตัวเขาจริงๆ จะมีใครกล้าเปิดใจและค้ำประกันโครงการกู้เงินหนึ่งพันล้านได้ง่ายๆ กัน? ยิ่งถ้ากับลูกสะใภ้ของเขาล่ะก็…อย่าหวังเลย
ในตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยากปฏิเสธคำชักชวนโดยไม่จำเป็น มีระบบแล้วจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?
ฟางหนิง “ก่อนหน้านี้ผมไม่อยากรบกวนคุณลุง แต่เพราะคุณลุงพูดอย่างนั้น หลานชายตัวน้อยอย่างผมต้องขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณลุงมากแล้ว ต่อไปหากมีปัญหาเรื่องการเงินผมจะบอกให้จ้าวอิ๋งไปที่หอการค้านั่นก่อน”
ประธานจ้าว “อืม อย่างนั้นก็ดีแล้ว แต่ช่วงนี้ไม่จำไม่เป็นต้องลงทุนอะไรมากหรอก เจ้าอ้วนหลิวบอกว่าจะหาคนเพิ่มอีกสักสองสามคน เมื่อทุกคนนำเงินมาลองลงทุนก่อนเป็นจำนวนหลายสิบล้าน สุดท้ายความสำเร็จในการปลูกจะเป็นที่แน่นอนหรือไม่นั้น ที่แห่งนี้คงจะมีหลุมบ่อมากมายและความเสี่ยงในระยะเริ่มต้นก็น่าจะยังคงมีความสมดุลไว้ มีแววว่าถ้าพวกเราลงทุนมากขึ้น หุ้นก็จะมากขึ้นด้วย”
ฟางหนิง “อืม ผมจะเชื่อฟังคุณลุงครับ ช่วยรับเงินยี่สิบล้านนี้ไปก่อนเถอะ”
หลังจากพูดถึงเรื่องสำคัญของการปลูกพืชผลที่ช่วยเพิ่มพลังชนิดนี้ คุณนายจ้าวก็เรียกฟางหนิงออกไปเพื่อแบ่งปันสิ่งที่เรียกว่าทานของพระโพธิสัตว์
หลังจากฟางหนิงได้รับมาแล้ว เขาก็เข้าใจในทันที
ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นเซวียเฟิง ‘ลอย’ ขึ้นเมื่อได้รับพลังเวทย์ของพระโพธิสัตว์ปีศาจระบบ เขายังคิดไม่ออกว่าระบบกำลังทำอะไร?
เซวียเฟิงได้รับมันไปเล็กน้อยเท่านั้น ตามคำอธิบายของคุณนายจ้าวคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีอนุภาคซึ่งหาที่เปรียบมิได้
ระบบเป็นคนที่หากไม่เห็นประโยชน์ก็จะไม่มีทางยอมแพ้ ครั้งนี้มันขโมยเวลานอนของเขา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เท่านั้นแต่ยังสูญเสียเงินอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะโกรธหลังจากถูกปิดกั้นตัวเอง และไม่แปลกใจเลยที่ระบบแสร้งทำเป็นปลีกวิเวกมานาน…
…………
หลังจากเปลี่ยนร่างก็สลัดร่างเดิมทิ้งไป พร้อมกับกลับมายังบ้านพักย่านชานเมืองวิลล่า ฟางหนิงที่รู้ความจริงจึงไม่อยากล้ำเส้นของระบบ…
อีกอย่างวันหยุดจะถูกยกเลิกถ้าทำตัวไม่ดี…
แต่ค่อยยังชั่วที่เขาเพิ่งจะเริ่มเล่นอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น
และวันนี้ก็เพิ่งจะเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์อย่างเป็นทางการ…
ทันทีที่ได้เล่นเขาก็เล่นตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น เรียกได้ว่าเล่นตลอดทั้งคืน…
ระบบ “เหลือวันหยุดอีกหกวัน”
ฟางหนิงไม่สนใจวันเวลาที่ยังเหลืออยู่
เขาเล่นผ่านไปวันแล้ววันเล่า…
ระบบ “เหลือวันหยุดอีกห้าวัน”
แต่ฟางหนิงก็ยังไม่สนใจ
…………
หลังจากวันหยุดผ่านพ้นไป และเข้าสู่เช้าวันที่เจ็ด
ฟางหนิงก็ยังคงไม่สนใจและเล่นเกมอย่างบ้าคลั่งอยู่ดี ตอนนี้ชื่อ ‘มังกรแห่งใต้หล้า’ ได้แพร่กระจายไปทั่วเกมแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นชายคนหนึ่งฟาร์มบอสเป็นเวลาหกวันหกคืนติดต่อกัน
แม้อาจจะมีคนที่พลังจิตแข็งแกร่งกว่าฟางหนิง อีกทั้งการปฏิบัติก็ยืดหยุ่นมากกว่า แต่พวกเขาคงไม่ได้คลั่งไคล้เกมเท่านี้อย่างแน่นอน…
ในตอนนี้ฟางหนิงอาศัยการปฏิบัติการพิเศษเพื่อฟาร์มบอสจำลอง เขามีอุปกรณ์ขั้นสูงจำนวนมากและทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดซื้อขายผู้เล่น เพราะหากต้องการซื้อ จะต้องเสนอซื้อในราคาที่สูงลิ่ว แม้แต่เศรษฐีก็ไม่สามารถเทียบกับเขาในตอนนี้ได้!
ในด่านปัจจุบันของเกมชายผู้มีชื่อเสียงคนนี้ติดตั้งอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ ฝีไม้ลายมือแพรวพราวและเปี่ยมด้วยวิทยายุทธ์
ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนห้อมล้อมเรียกว่า ‘พี่ใหญ่หรือท่านเทพ’ อีกอย่างยังมีคนเรียกว่า ‘สามี‘ เยอะมากด้วย แต่ในจำนวนนั้นกลับไม่มีผู้หญิงเลยสักคนเดียว นั่นหมายความว่าไงกัน?
‘พันธมิตรราชามังกร’ ตำแหน่งนี้ไม่ได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว หากไม่ได้เป็นผู้นำของพันธมิตรก็จะไม่สามารถรับสมัครพรรคพวกได้ และหากไม่มีพรรคพวกก็จะไม่มีใครคอยเคลียร์สนามให้!
จะว่าไปแล้ว ‘ขี้เถ้าเติมเต็มต้าไห่’ ที่เคยเป็นน้องชายคนเล็กในกิลด์ผู้คอยออกมาเคลียร์สนามให้เสมอ…
น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่สามารถไปชวนเขาได้แล้ว
เมื่อก่อนเกมนี้เล่นภายใต้ตัวตนของฟางหนิง เพราะฉะนั้นหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ฟางหนิงทิ้งไว้ให้ต้าไห่จึงเป็นของเขา
แต่ภายหลังหากมีการรวมตัวกัน ฟางหนิงก็ได้คิดถึงอันตรายและปัญหาทั้งหมดที่จะตามมาอีก เขามีแผนใหญ่แต่ไม่มีเงิน
ด้วยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อม ฟางหนิงจึงรีบไปเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกต่างๆ จนเขาได้ขึ้นไปสู่แรงค์สูง ทำให้มีพ่อค้าสมบัติรายหนึ่งติดต่อมาเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ให้ แม้จะไม่มากนักแต่ขอแค่ได้เงินก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้มี ‘ผู้บุกเบิกการฝึกฝน’ ไม่กี่คนที่มุ่งเป้าไปที่ ‘มังกรแห่งใต้หล้า’ เพียงแต่ฟางหนิงได้ละทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์
หมาตัวนี้สนุกมากกว่าเกมด้วยโมดูลการฝึกที่มาก แต่เศรษฐีที่เข้ามาก็มีมากเช่นกัน ว่ากันว่าอุปกรณ์นั้นขึ้นอยู่กับการเล่นเท่านั้นและตลาดการซื้อขายผู้เล่นภายในก็จะอนุญาตให้ทำธุรกรรมการโอนเงินสด ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับรายการและเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการฟาร์ม เศรษฐีก็สามารถซื้อทรัพยากรจากผู้เล่นในราคาสูงได้
นักพัฒนาเกมเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก ผู้เล่นเดี่ยวภายในเกมพวกเขาจะใช้ธุรกรรมราคาต่ำพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจัดการแพลตฟอร์ม ส่วนในความเป็นจริงพวกเขากลับขายในราคาที่สูง
ฟางหนิงใช้ทองคำเติมเกมเป็นจำนวนมหาศาล แม้ว่าจะมีช่องโหว่มากมายจากการค้นหาหนังสือสมบัติ แต่รางวัลก็ไม่น้อยเลย ตอนนี้เขาสามารถสร้างทองคำได้จากเกมเท่านั้น เขาต้องการใช้จ่ายเพื่อเปิดสำนัก
ด้วยทักษะอันไร้มนุษยธรรม และรอยหยักสมองมากมาย สั่งสมกับประสบการณ์การเล่นเกมหลายปี เขาไม่ได้กังวลว่าจะไม่ได้รับทองจากเกม
ตอนนี้ข้อกังวลอย่างเดียวของเขาคือไอ้คนที่สามารถโอนเงินจากบัญชีอิสระของเขาได้อย่างเปิดเผย…
ฟางหนิงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเสแสร้งในรอบคัดเลือก และคนที่สามารถโอนเงินจากบัญชีอิสระของเขาได้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
ระบบ “เฮ้ ระบบว่าอุปกรณ์ของโฮสต์มีค่ามากนะ พอดูข้อมูลการซื้อในประกาศเกมวันนี้ ระบบคำนวณดูเองแล้วว่าสามารถขายได้หลายล้าน…”
ฟางหนิงออกจากโหมดการเสแสร้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไม่นะ เขาถอนตัวจากรอบคัดเลือกแล้ว
ใบหน้าเขาดูระแวดระวัง “แกต้องการอะไร?! นี่เป็นรางวัลจากการทำงานหนักของฉันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ในช่วงต้นเกมมันแพงมากจนซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าแอบเอาไปขายทิ้งเด็ดขาด!”
ระบบ “ระบบไม่แอบขายอุปกรณ์ของโฮสต์หรอก ระบบหมายถึง โฮสต์สามารถขายอุปกรณ์ของตัวเองเพื่อแลกเป็นเงินได้นะ”
ฟางหนิง “ถ้าแกให้ฉันขายด้วยตัวเอง แกจะโอนเงินในบัญชีของฉันอีกน่ะสิ”
ระบบไม่พอใจ “โฮสต์มาป้ายสีตีไข่ผู้บริสุทธิ์ได้ยังไง เล่นเกมเองแท้ๆ และแน่นอนว่าเงินที่โฮสต์ได้รับจากเกมก็เป็นของโฮสต์ ในฐานะวีรบุรุษระบบไม่มีทางทำได้หรอก! ต่างจากร้านอาหารและอัศวิน A พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาความสามารถของระบบ เงินนั่นจึงเป็นของระบบโดยปริยาย”
ฟางหนิงนึกสงสัย “แกใจดีและใจกว้างขนาดนี้จริงๆ เหรอ? ร้านอาหารของฟางนั่นเป็นความคิดของฉัน แต่แกยังขี้เหนียวขนาดนั้น ทั้งเงินเดือนก็ให้ฉันแค่สามหมื่นหยวน เงินปันผลก็ไม่มี ฉันไม่ดีเท่าผู้บริหารร้านอาหารด้วยซ้ำ…”
ระบบเมินเฉยต่อสิ่งที่ฟางหนิงพูด แต่กลับปฏิเสธออกมา “ระบบเป็นระบบที่ชอบธรรม ใจดีและใจกว้างเสมอมา! โฮสต์ไม่เห็นหรือว่าระบบทำหน้าที่อัศวิน A ทุกวัน? แล้วโฮสต์ไม่เห็นเหรอที่ประธานจ้าวพูดเมื่อกี้ว่าเขาจะลงทุนในพืชผลเพิ่มพลัง ระบบก็ต้องทุ่มลงทุนหนึ่งพันล้านในคราวเดียวสิจริงไหม?”
ฟางหนิงส่ายหัวอย่างไม่อยากเชื่อ “แกก็ต้องเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดอยู่แล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแก พูดตามตรง จุดประสงค์ของแกคืออะไรกันแน่?”
ระบบ “เฮ้ย โฮสต์ฉลาดอะไรขนาดนี้ ระบบกดดันมากนะ ประสิทธิภาพการกำจัดปีศาจแทบลดลงแหนะ…”
ฟางหนิง “แกไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นไม่มีแรงกดดันอะไรทั้งนั้นแหละ อย่าคิดว่าเลียนแบบน้ำเสียงของฉันแล้ว ฉันจะปฏิบัติต่อแกเหมือนมนุษย์นะ ถ้าไม่พูดความจริง ฉันก็จะเล่นต่อไป”
ระบบ “ระบบบอกแล้วไงว่าในเมื่อโฮสต์มีแหล่งเงินอยู่แล้ว ก็เลิกทำเงินผ่านช่องโหว่ในหนังสือโทรมๆ นั่นได้ ระบบต้องปรับการอัพเดตบั๊กตลอดทั้งคืน ต่อไปมันจะทำให้ระบบเสียเวลาฟาร์มปีศาจอีก ถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งของระบบก็จะค่อยๆ พัฒนา เพราะหากอ่อนแอกว่าบอสใหญ่ตัวอื่นๆ โฮสต์ก็จะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเล่น ‘Beasts Fighting for Heroes’…”
ฟางหนิงหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า’ ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แม้เนื้อหาจะไม่มีอะไรมาก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าระบบห่วยนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!
ดูเหมือนว่าหลังจากคิดไตร่ตรองสองสามวันมานี้ ในที่สุดมันก็ต้องการที่จะให้เขาเข้าใจว่าระบบปัญญาอ่อนของมันสร้างแต่เกมปัญญาอ่อนที่ปัญญาอ่อนกว่ามันซะอีก…
ช่างเถอะ ‘ยังไงเราก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวและยังต้องพึ่งพาระบบเพื่อให้ผ่านพ้นยุคอันตรายนี้ไปได้อย่างสบายใจ’
ฟางหนิงพยักหน้า “อืม ฉันเป็นคนใจดีจริงๆ ในเมื่อแกพูดแบบนี้ ฉันก็คงจะต้องเห็นด้วยกับแกแล้วล่ะ ฉันจะไม่จงใจใช้ช่องโหว่ในหนังสือเกมสมบัติ แต่ถ้ามีรางวัลภารกิจอื่นที่จะส่งไปที่ประตูโดยอัตโนมัติ หวังว่าฉันคงจะไม่ต้องปล่อยมันไปหรอกใช่ไหม?”
ระบบ “แน่นอนว่าจะไม่มีรางวัลภารกิจใดๆ ที่ถูกส่งไปยังประตูของโฮสต์โดยอัตโนมัติอีกต่อไป ภารกิจที่ระบบจะเผยแพร่ในอนาคตจะใช้ความพยายามอย่างมาก…”
ฟางหนิง “ฉันขอเตือนแกหน่อย อย่าใช้คำว่า ‘แน่นอน’ เมื่อแกพูดถึงเรื่องอะไรในอนาคต ในนิยายมันถือเป็นคำพูดสิ้นคิด…”
ระบบ “จากนี้ไปฉันจะไม่ใช้คำสองคำนี้อีกแน่นอน…”
ฟางหนิงพยักหน้าพอใจมากหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าไอคิวของแกจะมีมากกว่าของฉันแล้วล่ะ…”
ระบบ “…”
…………
ฟางหนิงได้ยินคำรับปากที่ชัดเจนจากระบบแล้ว แรงจูงใจในการเล่นเกมของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าระบบจะขายอุปกรณ์ของเขาและที่สำคัญกว่านั้นคือเงินที่ได้มานั้นมันจะโอนออกไป…
เขาเล่นต่อจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น การแข่งขันรอบคัดเลือกทั้งหมดตรงกับนัดแรก ตำนานคนบ้าเกมเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงถือกำเนิดขึ้นในชื่อ ‘แย่งชิงการเป็นวีรบุรุษ’…
พ่อค้าสมบัติรายใหญ่ทั้งหมดได้เริ่มติดต่อกับคนบ้าคนนี้ โดยหวังว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะใช้ชื่อร้านของตนเองในการก่อตั้งสำนัก
เมื่อพวกเขาพบว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก่อตั้งสำนักที่เรียกว่า ‘พันธมิตรราชามังกร’ พวกเขาทั้งหมดจึงคิดว่าจะเพิ่มชื่อเสียงให้ร้านของตัวเองได้อย่างไรและจะเพิ่มเข้าไปอย่างไรให้ดูดีขึ้น…
ได้ยินมาว่าภูเขาทางตอนเหนือชื่อจื่อซานกวน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้คนเข้าไปสักการะมากมาย จนสำนักข่าวแพร่ข่าวออกมาทั่ววีแชทและเว่ยป๋อ…
…
ระบบ “วันลาพักร้อนหมดแล้ว กลับไปทำงานที่พื้นที่ระบบซะ…”
ฟางหนิงกดออกจากเกมท่าทางอิดออด แล้วเปลี่ยนร่างกลับสู่ระบบอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เฮ้อ…ถ้าเวลาผ่านไปได้ช้าเหมือนตอนที่ทำงานหรือเรียนหนังสือก็คงจะดี…
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟางหนิงก็เริ่มฝึก ‘คัมภีร์โพธิ์’ ฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีภาพประกอบที่ทันสมัยอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความจากเจิ้งต้าวก็ปรากฏขึ้นบน QQ
ฟางหนิงรีบวางหนังสือลง เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วเปิดข้อความ QQ ขึ้นอีกครั้ง เขาใช้โอกาสนี้แอบอู้เล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาง่วงมากเหลือเกิน…
เจิ้งต้าว “ท่านมังกรขาว ข้ามีเรื่องอยากจะขอให้ท่านบอกท่านเทพมังกร”
ฟางหนิงเอียงศีรษะเอนหลังพิงเก้าอี้คอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอน พลางพิมพ์อย่างเกียจคร้านว่า “โอ้ ค่อยๆ พูดมาเถอะ อย่าได้เกรงใจ”
เจิ้งต้าว “ข้าละอายใจจริงๆ ข้าอาจจะไม่สามารถรับใช้ท่านทั้งสองต่อไปได้แล้ว…”
ฟางหนิงยืดร่างกายของเขาทันที วิญญาณพลันสั่นรัวพร้อมกับนิ้วที่รีบพิมพ์ “มีอะไรหรือเปล่า? นายมีปัญหาอะไร? พูดตรงไปตรงมาได้เลย ฉันคนนี้พร้อมรับฟังเสมอ”
หลังจากฟางหนิงพิมพ์เสร็จ เขาก็รีบดูแผนที่ระบบและพบว่าอีกฝ่ายยังเป็นสีฟ้า แสดงว่าเขายังคงเป็นผู้ติดตามของตัวเอง
มีเพียงสถานที่ที่เจิ้งเต้าอยู่เท่านั้นที่มืดสนิท เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่รู้จัก
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
……………………………………………