เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 121 คำอธิบายการต่อสู้แบบผลัดกันเล่นและเพื่อนร่วมทีมของพระเจ้า
- Home
- เมื่อผมโดนระบบครองร่าง
- บทที่ 121 คำอธิบายการต่อสู้แบบผลัดกันเล่นและเพื่อนร่วมทีมของพระเจ้า
บทที่ 121 คำอธิบายการต่อสู้แบบผลัดกันเล่นและเพื่อนร่วมทีมของพระเจ้า
เมื่อโล่สีดำปรากฏขึ้นและขัดขวางไฟเหล่านั้น เสียงของแอนเดอร์สันก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“แกเห็นจุดอ่อนของฉันได้เร็วจริงๆ”
แต่เขาก็เผยให้เห็นความผิดหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากป้องกันจุดอ่อนแล้ว ก็กลับมาโจมตี!
ตอนนั้นเอง มังกรเพลิงก็วาบผ่านเข้ามา และคราบเลือดก็ปรากฏขึ้นจางๆ จากเกล็ดบนศีรษะของมัน
“ไวเสียจริง! นี่เป็นครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตสามารถหลบหนีจากดวงตาเทพเจ้าของฉันได้… คุณต้องติดตั้งชิพ AI ขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการต่อสู้ ด้วยความเร็วปฏิกิริยาที่จำกัดของสิ่งมีชีวิต มันสายเกินไปแล้วที่จะหลบ ในท้ายที่สุด มันคือร่างของมังกรตัวจริงที่มีสายเลือดที่แข็งแกร่งและสามารถเข้ากันได้กับทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้สืบทอดทั่วไปจะติดตั้งชิป AI เหล่านี้ในร่างกายของพวกมันได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงการที่ให้พวกมันควบคุมร่างกายของตัวเอง เพื่อตอบโต้การต่อสู้ที่รุนแรง”
ฟางหนิงตกใจเมื่อได้ยิน ผู้ชายคนนี้ที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่? …
ระบบนั้นเดิมเป็นโปรแกรมเกมแบบเบ็ดเสร็จ และการต่อสู้ AIนั้นก็ถูกติดตั้งไว้ภายในแล้ว และหลังจากการเปลี่ยนแปลง ระบบก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้มนุษยธรรมโดยสิ้นเชิง
มังกรเพลิงวาบผ่าอีกครั้ง และระเบิดไฟอีกลูกก็พุ่งเข้าใส่โล่สีดำ
ในเวลาเดียวกัน พายุก็พลันปรากฏขึ้น กวาดพัดเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนและเผาโล่สีดำทั้งอัน
ภาพที่ปรากฎทั้งหมดนี้ ดูเหมือนเป็นเผาเตาขนาดใหญ่ที่กำลังคว่ำลง
หลังจากมันพ่นไฟ ร่างของมังกรเพลิงก็แตกสลายและฟื้นคืนขึ้นใหม่ทันที
เสียงของแอนเดอร์สันดังขึ้นอีกครั้ง
“นี่คือวิชาอะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าร่างได้แตกสลายไปแล้ว แต่ยังสามารถกลับมารวมร่างได้ในทันที? ฉันจำได้แค่ว่าเคยเห็นความสามารถประเภทนี้ จากในเรื่อง ‘วันพีซ’ เท่านั้น แกสามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวจากตัวการ์ตูนในแอนิเมชั่นเหรอ! มังกรตัวจริงของแกมีข้อได้เปรียบมากมายขนาดนี้เชียวหรือ?”
ฟางหนิงซึ่งอยู่ในพื้นที่ของระบบได้มีประสบการณ์กับการต่อสู้ต่างๆ มากมาย เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงตอบกลับ
“เขากำลังถ่วงเวลา”
ระบบพูด “เพิ่มความโกรธ…”
ฟางหนิงตอบกลับ “เข้าใจแล้ว”
ฟางหนิงจะไม่มีวันเมินเฉยต่อเรื่องสำคัญ ไม่ว่าเทพเจ้าในสงครามจะพูดอะไร เขาก็จะทำตาม
คำแนะนำของระบบ โฮสต์เข้าสู่สถานะ ‘โกรธสุดขีด’ และมาตรวัดความโกรธทั้งหมดจะถูกเติมโดยอัตโนมัติหลังจากการบริโภค
เมื่อเข้าสู่สงครามที่ยืดเยื้อแล้ว ก็ไม่มีทางจบลงได้ภายในเวลาอันสั้น
ด้วยประสบการณ์หลายปีของฟางหนิงจากนวนิยายและเกม เขาสามารถเข้าใจกระบวนการต่อสู้ได้ดี
เมื่อรวมกับภูมิหลังของเขาในฐานะโปรแกรมเมอร์แล้ว ก็สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการต่อสู้ได้เข้าสู่ระบบผลัดกันเล่น สรุปโดยย่อมีดังนี้
ระบบ ‘โจมตี’
แอนเดอร์สัน ‘ต่อต้าน ฆ่า’
ระบบ ‘สะท้อนกลับ’
แอนเดอร์สัน ‘ฉันจะอธิบาย…’
ระบบ ‘ไม่ฟัง ถือโอกาสโจมตีเพิ่ม’
…………
กระบวนการต่อสู้นั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่ฟางหนิงเข้าใจถึงอันตรายที่เกี่ยวข้อง ท่าโจมตีไร้เสียงของแอนเดอร์สันนั้นโหดเหี้ยมและรวดเร็วมาก
เขาไม่กลัวที่จะโจมตีไปที่อื่นๆ มีการป้องกันแบบสัมบูรณ์ระดับต่ำ เขาสามารถถอดชิ้นส่วนของร่างกายเพื่อโจมตีและเข้าสู่พื้นที่รักษาความสดใหม่ของพื้นที่ระบบได้ ส่งผลให้การโจมตีเป็นโมฆะ
แต่หลายครั้งที่มังกรเพลิงถูกโจมตี ระบบก็ได้รับอันตรายไปด้วย
หากมันถูกแทนที่ด้วยสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งทุกประเภทแล้ว และหากไม่มีระบบ ความเร็วในการตอบสนองการต่อสู้ของคอมพิวเตอร์ AI ก็จะเร็วกว่ามาก ยกเว้นแรงต้าน เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะหลบมันได้
หลังจากพยายามอีกหลายครั้ง การโจมตีทั้งหมดของแอนเดอร์สันก็โดนหัวมังกรเพลิงอย่างจัง
แต่ด้วยการทำงานสุดแม่นยำของเทพแห่งระบบ มันสามารถสะท้อนกลับได้หนึ่งครั้ง และตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มีความสามารถพิเศษ มันก็สามารถสะท้อนกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หัวของมังกรนั้นเล็กกว่าตัวของมังกรมาก การหลบหลีกรวดเร็วกว่า และการยิงที่หัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน แต่น่าแปลกที่ทั้งสองไม่เลือกที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวเพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลง พวกเขายังคงต่อสู้แบบผลัดกันเล่นเช่นเดิม
ฟางหนิงมองการต่อสู้อยู่ ก็รู้สึกว่าหากต่อสู้ไปอย่างนี้ ตนจะมีโอกาสชนะ เพราะพวกเขาต่างไม่คิดที่จะทำลายสมดุลในการต่อสู้เลย
ฟางหนิงเริ่มกังวล ไม่มีใครรู้เลยว่าแอนเดอร์สันจะมาไม้ไหน
…………
ในห้องที่ผู้เฒ่าไป๋อยู่ ผู้ชมอีกสองคนกำลังแสดงความเห็นเกี่ยวกับการต่อสู้ที่หาดูได้ยาก
ไป๋ซื่อซินดูการต่อสู้อย่างจริงจัง ราวกับว่าจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแม้แต้ภาพเดียว
ปรมาจารย์แห่งตระกูลไป๋ “ซื่อซิน เมื่อก่อนตอนที่เจ้ายังแข็งแกร่ง เจ้าคิดว่าการที่จะต้านทานแอนเดอร์สันได้นั้น ต้องใช้ความพยายามกี่ครั้ง?”
ไป๋ซื่อซินตอบโดยไม่ลังเล “ผมไม่สามารถต้านทานได้สักครั้งเลย ดวงตาเทพเจ้าของเขาแข็งแกร่งมาก มันเป็นการโจมตีที่เร็วและโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ความเร็วของขีปนาวุธและจรวดที่ปะทะต่อหน้าเขา ต่างกลายเป็นเหมือนเด็กชั้นประถม มีท่าไม้ตายเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาได้เป็นถึงรองประธานสมาคมดุลอำนาจแห่งชาติ นี่น่ากลัวจริงๆ”
ผู้เฒ่าตระกูลไป๋ตอบรับ “อืม มองขาดมาก หากต้องการต่อสู้กับดวงตาเทพเจ้า ต้องต่อสู้อย่างหนักด้วยเนื้อหนังและเลือดบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามความคิดที่ว่าแอนเดอร์สันต่อสู้เพื่อถ่วงเวลา เป็นการยืนยันการคาดเดาก่อนหน้าของเจ้าเกี่ยวกับอัศวิน A ได้”
ไป๋ซื่อซิน “อืม แอนเดอร์สันมาจากอเมริกา เป็นประเทศที่ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้รับการพัฒนาอย่างมาก เขาไม่คุ้นเคยกับ AI การต่อสู้แน่นอน และเขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับมันก่อน ดังนั้นผมเลยมั่นใจ”
ผู้เฒ่าไป๋ถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ความสามารถระดับสูงในสายคอมพิวเตอร์มีน้อยและหายากเกินไป คนที่เรากำลังจับตามองทั้งหมดจะถูกดึงเข้าไปในระบบของพวกเขาโดยสำนักสัจธรรม ตอนนี้พวกเขาอาจจะยุ่งอยู่กับโครงการใหญ่ลึกลับมากมาย และพวกเขายังต้องศึกษาเทคโนโลยีขั้นสูงของการรวม AI การต่อสู้เข้ากับผู้ปฏิบัติงาน เราไม่มีพื้นฐานในการทำวิจัยประเภทนี้เลย”
ไป๋ซื่อซิน “ท่านอาจารย์กังวลอะไร เทคโนโลยีนี้จะว่าดีก็ดี แต่ก็มีข้อเสียไม่ใช่เหรอ?”
ผู้เฒ่าไป๋ยิ้มเล็กน้อย “ย่อมมีข้อเสีย ทุกสิ่งบนโลกจะมีแต่ข้อดีได้อย่างไร? หลังจากติดตั้งวัตถุแปลกปลอมทางเทคโนโลยีเหล่านี้แล้ว หากต้องการฝึกฝนและก้าวหน้าในอนาคต ก็เทียบเท่ากับการปีนภูเขาอีกลูกบนหลังของตน”
ไป่ซื่อซินพยักหน้าเห็นด้วย เขาชี้ไปที่หน้าจออีกหน้าจอหนึ่งพลางกล่าว “ในที่สุดคนของสำนักสัจธรรมก็มาถึงแล้ว”
เห็นดังนั้น ผู้เฒ่าไป๋ก็ยิ้มเหยียดออกมา “การเข้าไปในการประลอง ก็ถือเป็นจุดจบของพวกเขาเท่านั้น”
…………
หมาดำนำทางฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ไปที่ทางเดิน มันได้กลิ่นเปลวไฟมาแต่ไกลแล้ว แต่เพราะนายท่านได้กำชับไว้ มันจึงไม่เข้ามา
“นายท่านอยู่ข้างในนั้น ศัตรูที่อยู่ข้างในก็แข็งแกร่งมาก นายท่านบอกให้ฉันไปซ่อนให้ไกลที่สุด จากที่นี่ไปยังห้องโถงมีระยะทางเพียงสามเมตร แต่ฉันเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้ และถ้าพวกคุณเข้าไปใกล้กว่านี้ อาจเป้นอันตราย”
“ต้องทำยังไงดี? ฉันต้องเตือนพวกคุณว่า ฉันเข้าใจถึงความรุนแรงของสนามรบข้างหน้า ฉันกลัวว่าหลังจากที่พวกคุณเข้าไปแล้ว คุณจะไม่สามารถรับมือไหว อย่าคิดว่าฉันอ่อนแอเลย แต่ฉันได้ข้อมูลมาแบบนี้จริงๆ”
เฉียวจื่อซานตอบกลับ “ฉันเพิ่งส่งข่าวกรองไปใหม่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะฝ่าฟันขั้นตอนที่สำคัญที่สุดไปได้แล้ว อาจต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายมาก เริ่มการเตรียมการการจู่โจมทันที”
ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของไห่หลานก็ฉายแสงประกายสีฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนพลันเพิ่มชั้นน้ำแข็งให้เป็นเกราะหนากว่าเดิม
ติงเซียงประสานมือของเธอเข้าด้วยกัน จากนั้นแสงสีเขียวหลายชั้นก็ส่องมาที่ทุกคน
เฉียวจื่อเจียงพูด “จากภาพตอนที่หลงฟานทิ้งไว้ก่อนสิ้นใจนั้น ศัตรูนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และเขาเก่งวิธีการโจมตีด้วยประสาทสัมผัสทางวิญญาณแบบฆ่าเราในฉับพลัน เรามีบันทึกที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปควรใช้โหมดโจมตีระยะไกล”
เฉียวจื่อซานพยักหน้า “เอาล่ะโม่ซิ่ง คุณจัดหาพลังเวทให้ไห่เฉิงก่อน จากนั้นไห่เฉิงจะใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของคุณโจมตีในครั้งนี้ มีเพียงดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของคุณเท่านั้นที่สามารถโจมตีได้ไกลพอและมีกำลังเพียงพอที่จะสนับสนุนของผู้อื่น ส่วนคนอื่นๆ รอคอยที่จะเติมพลังเวทให้ไห่เฉิงแทน”
หมาเหลืองสงสัยว่าทางเดินใต้ดินที่นี่คดเคี้ยวมากและไม่สามารถมองเห็นสนามรบในห้องโถงจากที่นี่ได้ มนุษย์เหล่านี้จะใช้วิธีการโจมตีระยะไกลแบบใด?
แต่แล้วไม่นานมันก็เข้าใจ
มันเห็นเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ ยังคงประจำการอยู่ที่เดิม พวกเขาไม่ได้เข้าไปในห้องโถงเลย
เฉียวจื่อเจียงเรียกตัวลิ่นซึ่งกำลังเดินตามทิศทางไปที่ห้องโถงพอดีให้เข้ามา…
แม้ว่าถ้ำที่นี่จะทำจากหินที่ลึกลงไปในพื้นดิน แต่เมื่อมีตัวลิ่นเหล่านี้ ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
ตัวลิ่นพวกนี้มีประสิทธิภาพมาก เพราะผ่านไปเพียงสิบนาที โพรงหินที่แคบตรงก็เริ่มปรากฏขึ้นแล้ว
เฉียวจื่อเจียงพูด “พวกตัวลิ่นขุดเข้าไปในห้องโถงของสนามรบแล้ว”
เฉียวจื่อซานโบกมือกลับ หลังจากได้ยินเรื่องนี้ไห่เฉิงก็ก้าวไปข้างหน้าทันที
เขายืนอยู่หน้ารูแคบๆ นั้น
ไม่นาน เนตรสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วของเขา คราวนี้ มันไม่ใช่แสงสีฟ้าอีกต่อไป แต่เป็นแสงสีแดง มันปรากฏขึ้นในแวบแรกและโจมตีโล่สีดำในห้องโถงทันที
โม่ซิ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา วางมือบนแผ่นหลังของกันและกัน
…………
หลังจากที่เห็นภาพล่าสุดบนหน้าจอ ผู้เฒ่าตระกูลไป๋ก็หน้าซีดเผือด ด้านไป๋ซื่อซินพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ภายในห้องโถงของสนามรบ เมื่อเฉียวจื่อซานและคนอื่นๆ เข้ามาแล้วชัยชนะจึงเริ่มเอนเอียงไปทางเทพแห่งระบบ
เวลานี้ฟางหนิงกำลังเอาใจช่วยอยู่ในพื้นที่ระบบ “เร็วเข้าๆ พลังงานเริ่ไม่เสถียรแล้ว!”
ผ่านไปสักพัก “เอาล่ะ ไฟสีแดงนี้กลับมาแรงขึ้นแล้ว งานนี้มีลุ้น!”
“หึ ผู้เฒ่าเฟิงไม่น่ายอมให้พวกมันเลย ไม่งั้นคนของสำนักสัจธรรมคงเข้ามาไม่ได้”
มังกรเพลิงพ่นไฟครั้งสุดท้ายออกมา
“นี่เราแล้วสินะ? ครั้งหน้าคงไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้ว”
น้ำเสียงของแอนเดอร์สันแปลกมาก เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะล้มเหลว น้ำเสียงของเขากลับมีความผิดหวังเพียงน้อยนิดเท่านั้น เขาไม่เหมือนศัตรูคนก่อนๆ ที่เอาแต่พูดว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ “ฉันจะตายได้ยังไง”
“อืม…ที่หลบซ่อนอยู่นอกระยะการโจมตีของฉัน ตามที่สำนักสัจธรรมเสินโจวคาดไว้”
“แต่ฉันกำลังจะระเบิด…”
………………………………………………………….