เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 132 ฉันอยากนั่งบนบัลลังก์ราชารอพวกเขา
บทที่ 132 ฉันอยากนั่งบนบัลลังก์ราชารอพวกเขา
หลังจากเลือกหุบเขาลึกลับเป็นฟาร์มเพาะปลูกพืชปราณกำเนิด และจัดการให้ครอบครัวหนูภูเขาเป็นเจ้าหน้าที่แนะนำทางเทคนิค ฟางหนิงก็ปล่อยเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชปราณกำเนิดให้พวกประธานจ้าวดูแล
ในเมื่อมันเป็นงานระยะยาว ยังมองไม่เห็นความคืบหน้าในสิบวันหรือครึ่งปี เขาไม่มีความอดทนที่จะเฝ้าดูมันทุกวันหรอก
เขากับระบบทำงานประจำวันโดยการเปิดแผนที่ต่อไป แน่นอนว่าระบบเป็นฝ่ายทำงาน ส่วนเขาแค่ออกมาดูเป็นครั้งคราว…
นี่เป็นงานระยะยาวเช่นกัน การจะเปิดแผนที่ทั่วประเทศนั้นพูดง่ายแต่ทำยาก ถ้าไม่ใช่เพราะระบบมีความอดทนอันไร้ขีดจำกัด ขืนให้ฟางหนิงทำเองล่ะก็ ทำได้ไม่เกินสามวันแน่นอน
ดูสิ หลังจากทำฟาร์มแผนที่เมืองเถามาตั้งหลายวัน ผ่านไปหลายสัปดาห์ก็มาถึงขั้น “ความไว้ใจ” กลายเป็นแผนที่ระบบที่เปิดอย่างเป็นทางการแห่งที่สาม ซึ่งรวมเข้ากับแผนที่เมืองฉี
ฟางหนิงกำลังคิดหาวิธีเร่งความเร็วขั้นตอนนี้ และอยู่ๆ วันหนึ่งเจิ้งต้าวก็ส่งอีเมลหัวข้อ “จดหมายเชิญแข่งขันรายการอันดับมืด” มาขัดจังหวะความคิดของเขา
ฟางหนิงเปิดอีเมลและอ่านข้อความต่อไปนี้
“ท่านเทพมังกรที่เคารพ
ผมดีใจที่ได้ทราบว่าท่านชนะราชาอันดับมืดปีที่แล้ว การแข่งขันจัดอันดับมืดปีนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ท่านได้รับการแนะนำจากบุคคลสำคัญและจะเข้าสู่ตำแหน่งผู้ท้าทายระดับอาวุโสโดยอัตโนมัติ จึงขอเชิญท่านให้เกียรติเข้าร่วม
หากท่านประสงค์จะเข้าร่วม กรุณาตอบกลับอีเมลนี้ด้วย แล้วเราจะส่งเวลาและสถานที่ของการแข่งขันในปีนี้ไปให้คุณ
หมายเหตุ: รางวัลในแต่ละปีของการแข่งขันราชาอันดับมืดคือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งสิทธิ์ใช้เกาะสวรรค์หนึ่งปี รางวัลอื่นมีดังนี้… รางวัลอันดับสองถึงอันดับเก้าของอันดับมืดได้แก่…. รางวัลผู้ชนะแต่ละสนามมีดังนี้…”
ระบบ “รีบเข้าร่วมเลย”
ฟางหนิง “แกโง่จริงๆ สินะ นี่มันหลุมพรางชัดๆ ทำไมมันถึงมาเวลานี้ล่ะ มันมาหลังจากที่เราฆ่าแอนเดอร์สันแล้ว รอฉันสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ฟางหนิงเคยเห็นจากหลายกระดานสนทนามาก่อนแล้วว่าต่างประเทศมีการแข่งขันผู้วิเศษเชิงพาณิชย์มากมายแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เผยแพร่ อย่างน้อยการโฆษณา การเชิญคนดังมาโปรโมตย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะอิทธิพลของมันยังเทียบกับรายการแข่งขันกีฬาที่มีชื่อเสียงอย่างการชกมวยและฟุตบอลไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พลังพิเศษ สามารถดึงดูดเศรษฐีและคนมีชื่อเสียงจำนวนมากให้ไปชมงานได้
แต่เสินโจวกลับเข้มงวดมากกับเรื่องพวกนี้ ยังไม่มีใครจัดการแข่งขันผู้วิเศษเชิงพาณิชย์เช่นนี้ได้
แต่แล้วคราวนี้จู่ๆ ก็มีคำเชิญเข้ามา บางทีอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของอัศวิน A โด่งดังมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขา หรือบางทีพวกอาจใช้โอกาสนี้เพื่อเปิดตลาดเศรษฐีเสินโจว แต่ฟางหนิงกลับรู้สึกว่าอาจมีใครบางคนกำลังวางแผนร้ายกับอัศวิน A เพราะมันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป
ในเมื่อเป็นการแข่งขันของต่างประเทศ อย่างนั้นแอนเดอร์สันที่อยู่ต่างประเทศตลอดคงพอทราบข่าวคราวบ้าง น่าจะไปลองถามอีกฝ่ายดู
ฟางหนิงมาถึงคุกของระบบ คราวนี้แน่นอนว่าเขาใช้ร่างมนุษย์ คราวที่แล้วมีเรื่อง ถ้าไม่มีเรื่องอะไรมันสบายกว่าที่จะใช้ร่างมนุษย์
เวลานี้คุกของระบบมีหน้าตาเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนมีเพียงไม่กี่ห้องขัง แต่ตอนนี้มีรูปแบบของเรือนจำ และมีคุณสมบัติพอที่จะเรียกว่า “เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์”…
กำแพงหินภูเขาไฟที่แข็งแกร่งหลายสีสันสูงตระหง่านล้อมรอบแยกสัดส่วนภายในกับภายนอก ปิดล้อมพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่ของระบบ
ประตูไม้สีเหลืองเข้มบนกำแพงนั้น มีเพียงฟางหนิงที่มีสิทธิ์เข้าถึงประตูไม้บานนี้ได้ ดูเผินๆ เหมือนทำลายได้ด้วยฝ่ามือเดียว แต่ฟางหนิงเคยลองดูแล้วกลับไม่มีทางทำเช่นนั้นได้เลย
หลังประตูไม้มีถนนสายหลักที่สว่างสดใสมุ่งสู่ด้านใน ”เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์”
สองข้างทางของถนนสายหลักในตอนนี้มีห้องขังเดี่ยวมืดสนิทฝั่งละเก้าห้อง รวมทั้งหมดเป็นสิบแปดห้อง
นอกจากติดถนนใหญ่แล้ว ยังมีทางเดินเล็กที่นำไปสู่ห้องอื่นๆ
ภายในพรั่งพร้อมไปด้วยห้องทำงานของนักโทษ ห้องสอบสวน ห้องลงโทษ ห้องเรียน โรงอาหาร… แต่โรงอาหารกลับว่างเปล่า เพราะไม่มีอะไรจะกินได้ ตอนนี้นักโทษพวกนี้จึงได้แต่อดทน…
ห้องสอบปากคำมีอุปกรณ์ครบครันที่สุดและยังมีห้องเรียนอีด้วย ทั้งสองห้องนี้ติดตั้งเครื่องมือทรมานวิญญาณ 18 ประเภทที่แอนเดอร์สันคิดค้นขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการทรมานวิญญาณ 18 ประเภท ตามที่ฟางหนิงกำชับ ทั้งหมดนั้นอัดแน่นด้วยความโกรธแค้น
ฟางหนิงอยากให้พวกคนชั่วเข้าใจความโกรธของญาติผู้ถูกทำร้ายเป็นอย่างดี จะได้รู้ว่าความผิดของตนเองหนักหนาสาหัสเพียงใด แอนเดอร์สันได้ยินแบบนั้นก็บอกว่าพัศดีฉลาดมาก…
ฟางหนิงมาถึงนอกห้องทำงานของพัศดีแต่ไม่เข้าไป
เพราะความสามารถในการทำงานของแอนเดอร์สัน เขาจึงถูกจัดให้อยู่ในห้องทำงานของพัศดีที่ใหญ่และกว้างกว่าซึ่งมีชั้นหนังสือหลายชั้น ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นแบบขยายใหญ่ของห้องขังเดี่ยว
แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อระบบ แต่ถึงอย่างไรฟางหนิงก็ไม่ไว้ใจอัจฉริยะที่ชั่วร้ายนี้เด็ดขาด จนกว่าฟางหนิงจะแข็งแกร่ง เขาไม่มีทางปล่อยให้นักโทษรายนี้ออกมาพบกับตัวเองตามลำพัง
อย่างไรก็ตาม ความคิดทางจิตของหมอนี่ไม่ได้ถูกระบบจำกัด มันยังคงใช้ความคิดทางจิตเพื่อทำงานจากระยะไกลได้ เหมือนกับความคิดทางจิตที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา
ส่วนห้องอื่นๆ ที่มีชื่อเรียกต่างกันไปนั้น ยังคงเป็นห้องขังเช่นเดิม เพียงแต่อุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในแตกต่างกัน จึงมีหน้าที่แตกต่างกันไปและถูกเรียกด้วยชื่อต่างกัน
“หัวหน้าเรือนจำ” แอนเดอร์สันเรียก “อ้อ ที่แท้ท่านพัศดีนั่นเอง วันนี้อยากฟังรายงานไหม”
ฟางหนิง “เล่ามาสิ”
แอนเดอร์สัน “ขณะนี้มีนักโทษรวม 18 คนใน “เรือนจำมังกรศักดิ์สิทธิ์” รวมถึงผู้แข็งแกร่งระดับสระน้ำหนึ่งคน ผู้เล่นระดับถังน้ำสองคน ผู้เล่นระดับช้อนส้อมแปดคน และผู้เล่นระดับถ้วยเจ็ดคน ปัจจุบันผู้ต้องขังทั้งหมดสภาพจิตอยู่ในเกณฑ์ดีและอารมณ์มั่นคง รายงานจบเท่านี้”
ฟางหนิงพยักหน้าหลังจากได้ฟังรายงาน หมอนี่ซื่อสัตย์มาก ไม่ใช่เพราะได้เลื่อนตำแหน่งจึงเลิกทำตัวเป็นนักโทษ ตอนนี้จำนวนคนเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย ต้องขอบคุณระบบที่ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน
ฟางหนิง “นายจัดการได้ดี อีกไม่นานพวกเขาจะมีประโยชน์มาก”
ใช่แล้ว ตอนนี้พวกคนบาปยังว่างอยู่ เพราะวัตถุดิบปราณกำเนิดราคาถูกยังไม่ปล่อยออกมา เพื่อให้พวกวิญญาณทำกิจกรรมที่มีความแข็งแกร่งสูงอย่างการเก็บเหรียญทองในเกม การสูญเสียนั้นเร็วเกินไป และการใช้ปราณกำเนิดก็เสียมากกว่า ฟางหนิงจึงไม่ย้ายคนพวกนี้ไปเก็บเหรียญทอง
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ว่างเสียทีเดียว เมื่อใดก็ตามที่ระบบทำแผนที่ความโกรธได้น้อย ฟางหนิงจะขอให้แอนเดอร์สันหาข้ออ้างที่จะให้เครื่องมือทรมานวิญญาณแก่พวกคนบาป จากนั้นความโกรธก็จะ “พลุ่งพล่าน” ทันที …
แอนเดอร์สัน “ขอบคุณที่ท่านชม”
ฟางหนิง “จริงสิ แอนเดอร์สัน ถามอะไรหน่อย นายรู้เรื่องการแข่งขันอันดับมืดไหม”
แอนเดอร์สันพูดสบายๆ “อ๋อ ผมรู้จักแน่นอน ปีที่แล้วขาดเงินทุนทดลองและยังสปอนเซอร์แย่อีก ของบประมาณเพิ่มเติมเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติสักที ฉันพาคนไปที่นั่นเพื่อหาเงินก้อนหนึ่ง เงินรางวัลไม่น้อยแต่สิทธิ์ใช้เกาะพาราไดซ์ฉันให้คนประมูลไป สิทธิ์ใช้เกาะหนึ่งปีขายได้ 800 ล้านดอลลาร์ มากกว่าเงินรางวัลตั้งหลายเท่า”
ฟางหนิงได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง แอนเดอร์สันเป็นราชาแห่งอันดับมืดปีที่แล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าทุกสาขาอาชีพขอแค่ไปถึงจุดสูงสุดได้ ความสามารถในการสูบเงินก็เกินกว่าจะจินตนาการได้
ฟางหนิง “ที่นั่นอันตรายไหม มันเป็นยังไงบ้าง”
แอนเดอร์สัน “ไม่มีอันตรายอะไร มันเป็นการแข่งขันผู้วิเศษโลกมืดที่องค์กรนานาชาติใหญ่หกแห่งร่วมกันจัดขึ้น จัดขึ้นปีละครั้งตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี ผู้เล่นมาจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงสถาบันทางการของแต่ละประเทศก็จะส่งคนเข้าร่วมอย่างลับๆ เพื่อออกไปดูโลกกว้าง
“พูดถึงในแง่ของความตื่นตาตื่นใจ มันเหนือกว่าการแข่งขันทั่วไปมาก แต่มันถูกจำกัดโดยสำนักงานสหพันธ์นานาชาติอย่างลับๆ จึงเปิดเผยไม่ได้ เฉพาะมหาเศรษฐีระดับสูงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้ไปชมเกม อีกอย่างขนาดของเงินทุนยังไม่มากพอ
“โชคดีที่สำนักงานสหพันธ์นานาชาติกำลังค่อยๆ คลายข้อจำกัด และในอนาคตจะเชิญมหาเศรษฐีให้เข้ามาชมเกมมากขึ้น คิดว่ามันคงเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น”
ฟางหนิงครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง งั้นปีที่แล้วนายชนะที่หนึ่งมาได้ยังไง”
แอนเดอร์สัน “ความสำเร็จเล็กน้อยไม่ควรค่าที่จะเอ่ยต่อหน้ามังกรแท้ ถึงตอนนี้คู่ต่อสู้จะเป็นเพียงเด็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรกับความคิดทางจิตของผมได้ ไม่มีใครทำได้เหมือนท่าน มีเพียงต้องสู้จนตัวตายเท่านั้น”
“ผมจำได้ว่าคนที่ต้านได้นานที่สุดทำได้ต่อเนื่อง 18 ครั้ง ถ้าพิธีกรไม่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้เสียก่อน ดาบสุดท้ายของผมคงจะหั่นครึ่งมัน เดิมทีปีนี้ผมอยากจะไปโกยเงินมหาศาลที่นั่น แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องมาอยู่ที่นี่”
ฟางหนิง “อ้อ นายอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ ฉันไปก่อนล่ะ”
แอนเดอร์สัน “ท่าน ท่าน ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย ถ้าท่านสนใจการแข่งขันนั่น ผมสามารถออกไปช่วยท่านต่อสู้ในสังเวียนได้ เราแบ่งส่วนแบ่งเก้าต่อหนึ่งก็ได้ ท่านเก้า ผมหนึ่ง เดี๋ยวก่อน ท่านพัศดี ช้าก่อน ผมไม่เอาส่วนแบ่ง ขอแค่ให้ผมออกไปเดินเล่นก็ได้…”
ฟางหนิงสงวนท่าทีสง่างามเอาไว้ แล้วเดินจากไป
ทันทีที่ฟางหนิงเดินออกจากพื้นที่คุกของระบบ ระบบก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ไปเถอะ รีบไป แอนเดอร์สันคว้าที่หนึ่งได้มาง่ายๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันแน่นอน จากนี้ไปฉันจะนั่งบนบัลลังก์ราชารอคอยพวกเขาทุกปี”
ฟางหนิงพูดไม่ออก “อย่า อย่าโม้ให้มันมากนัก แน่ใจได้ไงว่าจะไม่พลาด แอนเดอร์สันเป็นที่หนึ่งได้เพราะวิธีตัดความคิดทางจิตของเขา ในสภาพการแข่งขันอย่างนั้น ควบคุมคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่ได้ง่ายมาก
“แต่แกไม่มีความเร็วการโจมตีเท่าเขา ถ้าเจอคู่ต่อสู้เก่งๆ สู้ไม่ชนะหนีก็ไม่พ้น จะทำยังไง”
ระบบ “ฮ่าฮ่าฮ่า โฮสต์โง่จริงๆ… ตอนนี้ถ้าระบบเจอคู่ต่อสู้ที่สู้ไม่ได้ ก็หนีได้สบายๆ แน่นอน”
ฟางหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ “แกเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ในการต่อสู้ มิน่าทำไมแกถึงให้คุณค่ากับทักษะในตำนาน “ช่วยเหลือพันลี้” มากขนาดนั้น และยังเน้นย้ำถึงประโยชน์ของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง
“ทักษะไพ่ตายระดับกลยุทธ์ “ช่วยเหลือพันลี้” ที่จริงแล้วเปลี่ยนเป็น “หลบหนีพันลี้” ได้ ตราบใดที่ก่อนต่อสู้ทุกครั้ง เตรียมหมาดำไป๋หลี่ให้อัญเชิญมังกรก่อนการต่อสู้ให้พร้อมทุกครั้ง …
ระบบ “เอ๊ะ โฮสต์การรับรู้ของคุณในด้านการต่อสู้กำลังจะตามระบบทันแล้ว…”
ฟางหนิง “ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องไหนที่ฉันต้องการเรียนรู้ ก็ไม่มีอะไรที่ฉันเรียนไม่ได้”
ระบบ “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นโฮสต์ก็เรียน “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” เล่มนั้นละกัน เจ้าหมาเหลือเซวียปาเรียนรู้แล้วพอดี ส่วนเจิ้งต้าวก็กำลังจะเรียนพื้นฐาน มีแต่โฮสต์กับหมาดำไป๋หลี่ที่ผัดวันประกันพรุ่ง เริ่มเรียนรู้ด้วยกันตอนนี้เลย มี “ช่วยเหลือพันลี้” แล้ว แต่ระบบก็ยังต้องการสล็อตพลังปราณอีก”
ฟางหนิง “…เรียนก็เรียน ฉันเทียบกับหมาไม่ได้เลยรึไง”
…………
ณ เทียนฮุ่ยวิลล่าในเขตชานเมืองแห่งหนึ่งของเมืองจี้ วันสิ้นปีผ่านไปแล้วและปีใหม่มาถึง ในสถาบันฝึกอบรมพิเศษของสำนักสัจธรรมก็เช่นกัน นี่เป็นการสอบครั้งแรกของปีใหม่และเป็นบทสรุปของปีที่แล้ว
พี่น้องเฉียวจื่อซาน ผู้ฝึกสอนไห่หลาน และยังมีน้องชายของเธอไห่เฉิงต่างก็นั่งในที่นั่งผู้ชมเฝ้าดูการแข่งขันของเยาวชนรุ่นใหม่บนเวที
เหล่าเยาวชนรุ่นใหม่ล้วนกล้าหาญสง่างาม ทั้งหมดอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ มีกำลังวังชาแข็งแกร่งกำยำ
พวกเขาได้รับการศึกษาและทำงานร่วมมือกัน เคารพกฎระเบียบไม่มีใครหาเรื่องทะเลาะต่อยตีกัน
การแข่งขันมีทั้งน่าเบื่อและน่าตื่นเต้น แต่ไม่ว่าเรียกใครออกมาก็ตาม ในสายตาของผู้ชมพวกเขาจะสามารถบดขยี้ทหารไร้สังกัดมากมายที่อยู่ข้างนอกได้แน่ แต่แน่นอนว่าไม่รวมถึงยอดฝีมือบางคน
พวกเขาเป็นอนาคตของสำนักสัจธรรม เป็นแกนหลักอย่างแท้จริง ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบที่หนักหนาที่สุดในอนาคตด้วย
ไม่เพียงแต่กฎทหารเท่านั้นที่จำกัดพวกเขา แต่ยังเป็นการจำกัดทางจิตวิญญาณที่ทุกคนยอมรับโดยสมัครใจ แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ยอมรับจะเก็บไว้ไม่ได้ ได้แต่ส่งไปเป็นสมาชิกกลุ่มพื้นฐานเท่านั้น
เฉียวจื่อซานดูอยู่พักหนึ่งก็พอใจมาก พวกเขามีความสามารถสูงและยังขยันขันแข็งมาก ยังมีวิธีการฝึกอบรมที่เป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในความเห็นของเขา มีหัวกะทิไม่กี่คนที่ความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าเขาแล้ว
เขาหันไปถามไห่เฉิง “อาเฉิง ในความคิดของอา พวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนเหรอ”
ไห่เฉิงกวาดตาดูแล้วพยักหน้า “คนพวกนี้เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วเสินโจว คุณสมบัติการฝึกฝนปราณชีวิตของพวกเขาอย่างน้อยก็ระดับ C คู่ ในเวลานี้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลายคนถึงระดับ C แล้ว มีสามคนน่าจะไม่ด้อยกว่าเธอแล้ว ถ้าไม่นับดวงตาศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าอาอีกมาก”
“แค่พวกเขายังขาดประสบการณ์การต่อสู้จริงๆ เท่านั้น ถ้าพวกเขาออกไปต่อสู้ตอนนี้ ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับคนอย่างแอนเดอร์สัน เกรงว่าคงจะพ่ายแพ้ยับเยิน ถ้าไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ของเรา เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะพุ่งเข้าสนามรบทันที และนั่นจะเป็นการส่งคนไปตายอย่างไร้ค่า”
……………………………………………………………….