เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 211 ตัวละครระดับสูงจัดการปีศาจระดับต่ำ ก็คือประสิทธิภาพ
- Home
- เมื่อผมโดนระบบครองร่าง
- บทที่ 211 ตัวละครระดับสูงจัดการปีศาจระดับต่ำ ก็คือประสิทธิภาพ
บทที่ 211 ตัวละครระดับสูงจัดการปีศาจระดับต่ำ ก็คือประสิทธิภาพ!
วิลล่าฟาร์มของอัศวิน A ณ เมืองฉี
ฟางหนิงมองฟาร์มอันกว้างใหญ่ เหล่าคนงานกำลังเตรียมพื้นที่สำหรับการหว่านในฤดูใบไม้ผลิ เขาถึงฉุกคิดได้ว่าลี่ชุนหรือวันเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิได้ผ่านไปอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงเดือนมีนาคม แสงแดดของฤดูใบไม้ผลิสาดส่องลงมาบนร่างชวนให้รู้สึกอบอุ่น
เวลานี้ของปีก่อนตัวเองกำลังทำอะไรอยู่นะ ยังไม่เจอกับระบบ กำลังปั่นงาน หาเงินล่วงเวลา โอ้ จำผิดแล้ว ไม่มีค่าล่วงเวลา…แต่ทำเพราะไม่ให้ถูกหักเงินเพราะทำงานตามคำสั่งไม่เสร็จ
ตอนนี้กลับสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ พอนึกถึงตรงนี้เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ ก็ไม่อยากกลับไปพื้นที่ของระบบ แต่เลือกที่จะเดินเล่นในฟาร์มแทน ทักทายพูดคุยกับเหล่าคนงานที่กำลังง่วนอยู่กับงาน
พูดไปแล้ว ถึงแม้เวลาออกโรงจะสั้นไปบ้าง แต่ก็ทำให้ฟางหนิงได้เปิดโลกจริงๆ ที่แท้ต่อสู้กับคนชั่วก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น…
ตัวเองแค่คลุม ‘เกราะเต่าฟ้า’ ในตำนานไว้ ก็ทำให้พวกยอดฝีมือระดับบ่อน้ำในสายตาผู้คนทำอะไรไม่ได้แล้ว
และแค่หนังสือเกมที่รักจิ๊กทรัพยากรของระบบมาสักนิดหน่อยก็ทำลายล้างศัตรูได้ในคราเดียว…จนผู้คนตื่นตะลึง
แบบนี้ ต่อไปก็สามารถลองลงมือให้มากขึ้นหน่อยก็ได้ ถึงอย่างไรตัวเองก็ชื่นชอบเกมต่อสู้อยู่แล้ว
(ระบบกำลังคิด…)
(ระบบกำลังคิด…)
(ระบบตัดสินใจจะไปผดุงคุณธรรม…)
ฟางหนิงยังไม่ทันรู้ตัว ก็รู้สึกว่าร่างกายปลิวหวือไปนั่งบนกระบี่บินเหินขึ้นฟ้าไปแล้ว
ยามนี้เหล่าคนงานในฟาร์มที่อายุน้อยบางคนได้วางงานหนักในมือลงก่อนแหงนมองไปบนฟ้า แววตาฉายความอิจฉา ใครไม่เคยมีความฝันอยากเหาะเหินเดินอากาศได้บ้างล่ะ
อิจฉาบ้าอะไรล่ะ ระบบยึดร่างไปอีกแล้ว…
ณ เมืองทางใต้เมืองหนึ่งในเสินโจว ถนนคนเดินที่คึกคักแห่งหนึ่ง ผู้คนเนืองแน่น การรักษาความมั่นคงเป็นปัญหาอยู่ตลอดเวลา มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่ว่าที่ไหนก็มีคนที่วันๆ ขี้เกียจสันหลังยาวเอาแต่กินกับนอน ได้ยินว่าหลายวัน มีหัวขโมยออกอาละวาดหนัก…
ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าระบบจะไม่มีปีศาจให้จับ ต่างกันก็แค่ปีศาจตัวเล็กหรือตัวใหญ่เท่านั้น
เวลานี้ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ใบหน้าดูซื่อๆ สวมเสื้อแจ็กเก็ตและกางเกงยีน กำลังเบียดเสียดอยู่ในกลุ่มคนที่เดินเล่นกันอยู่ และยื่นมือล้วงกระเป๋าคนข้างๆ เป็นบางคราว
นาทีถัดมา ในที่สุดเขาก็เจอของดี ได้ไอโฟนมาเครื่องหนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะแอบส่งมือถือไปให้พรรคพวกที่อยู่ไม่ไกลออกไป ปราณแท้สายหนึ่งพลันพุ่งลงมาจากฟ้าดึงเขาลอยขึ้นไปกลางอากาศ…
เวลานี้ แสงแฟลชจากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ ในมือผู้คนสว่างวาบไม่หยุด มีคนส่งเสียงร้อง “อัศวินมังกรแห่งจิตวิญญาณมาผดุงคุณธรรมถึงเมืองเราแล้ว รีบส่งต่อเร็วๆ เรื่องนี้ไม่ถูกลบเร็วแน่”
ตอนนี้อัศวิน A ไม่ฆ่าคนโฉดเองอีกแล้ว จับโยนใส่เรือนจำพลังมังกรค่อยจัดการต่อ ฟางหนิงคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสำนักงานสัจธรรม นักโทษหายจัดการง่ายกว่าถูกคนผดุงคุณธรรมเยอะ การจัดการคนหายเป็นปัญหาใหญ่ของก่อนยุคใหม่
ฟางหนิงมองระบบโยนหัวขโมยสามคนที่ยังสลบไสลไปใกล้ๆ หน้าประตูหน่วยงานรักษาความมั่นคง ทุกอย่างทำกลางอากาศอย่างรวดเร็วฉับไว เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ทั้งจับกุม เคลื่อนย้าย โยนทิ้ง เรียบง่ายและชัดเจนราวกับคีบตุ๊กตา…
ช่างเถอะ กลับไปทำงานฝึกฝนในพื้นที่ของระบบ เลิกงานแล้วไปเล่นเกมต่อดีกว่า
(ระบบตีหัวขโมยXX,XXX,XX สลบ
ระบบได้รับค่าประสบการณ์ 30 คะแนน 50 คะแนนและ 80 คะแนน
ระบบได้รับค่าพลังปราณและชื่อเสียงอัศวินเล็กน้อย)
พอฟางหนิงได้เห็นก็นับถือสุดๆ “ท่านเทพ ตอนนี้ในมือแกมีค่าประสบการณ์สี่พันสี่ร้อยล้าน แล้วยังต้องขี่กระบี่บินมาตั้งไกลเพื่อจับพวกโจรกระจอกไม่กี่คนอย่างยากลำบากอีก… สุดยอด”
ระบบ “คุณไม่ได้เคยพูดว่านักเขียนชื่อก้องหลู่ซวิ่นกล่าว ‘ยิ่งไม่ยอมเกียจคร้าน ยิ่งมีเงิน’ ฉันก็ทำแบบนี้มาตลอด เดี๋ยวคุณก็รู้ว่าเองว่าฉันมีเงินได้ยังไง”
ฟางหนิงยอมใจอย่างรวดเร็ว ระบบเหาะไปเหาะมา ได้เปิดใช้ระบบแผนที่เดินทางในเมืองในทุกๆ ที่แล้ว ความเร็วและประสิทธิภาพสูงกว่าตอนวิ่งเมื่อก่อนเยอะ
ตอนนี้กระบี่บินของระบบทำความเร็วพื้นฐานได้ยี่สิบกิโลเมตรต่อวินาที บินจากเหนือไปใต้และตะวันออกไปตะวันตกใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
ความสามารถการควบคุมและการคำนวณของระบบที่ไม่ใช่มนุษย์ อีกทั้งยังมีฝีมือที่มีอานุภาพเพิ่มขึ้นอีก ความสามารถขี่กระบี่บินแกร่งกว่าเซวียเฟิงไปอย่างไม่ทิ้งรอย กล้าซิ่งกระบี่แม้กระทั่งในเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงหนาแน่น…
หนึ่งวันผ่านไป ฟางหนิงคำนวณอย่างถี่ถ้วน อย่าได้เห็นว่านักโทษส่วนมากเป็นแค่คนธรรมดา แต่กระบี่บินก็อยู่ใต้เท้าระบบ ประสิทธิภาพสูงมาก หนึ่งชั่วโมงได้ค่าประสบการณ์ไม่น้อยเลย สามารถสะสมได้ถึงหลักหมื่น หากบังเอิญเจอพวกที่พอมีฝีมือริงๆ ก็ได้สักหลายพันอยู่
ทั้งระบบยังเก็บกวาดปีศาจตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีก รับประกันได้เลยว่าขั้นต่ำสามแสน ถ้าหนึ่งเดือนก็เท่ากับจัดการระดับบ่อน้ำเก่งๆ ไปได้คนหนึ่ง จะเห็นได้ว่าไม่มีกฎลดค่าประสบการณ์บ้าๆ ของเกมออนไลน์พวกนั้น ตัวละครระดับสูงจัดการปีศาจระดับต่ำ ก็คือประสิทธิภาพไง…
อีกทั้งยุคใหม่ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น ปีศาจพวกนั้นก็แข็งแกร่งขึ้น ค่าประสบการณ์ไม่มีทางได้น้อยแน่
…
หลายวันต่อมา ณ ฐานบัญชาการสำนักงานใหญ่เสินโจวของสำนักงานสัจธรรม ผู้อาวุโสทั้งหกกำลังประชุมกัน รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมฟัง
เวลานี้เหรินรั่วเฟิงสีหน้าจนปัญญา มือเท้าคาง “ทุกคนไม่ต้องเก็บเงียบ พูดออกมาได้เต็มที่เลย ถึงฉันจะเป็นผู้นำคณะที่ปรึกษา แต่ยังไงก็อายุน้อย เรื่องใหญ่แบบนี้ยังคงต้องฟังผู้อาวุโสทุกท่าน”
หงอวิ๋นเจียวที่อยู่ข้างๆ ทำท่าจะอ้วก
เหรินรั่วเฟิงปรายตามองเธอ “มีสหายหญิงบางคนไม่ค่อยสบาย จะขอลากลับไปก่อนก็ได้นะ เรื่องนี้สถานการณ์ก็ไม่เร่งรีบเท่าไร ก็แค่ซับซ้อน”
หงอวิ๋นเจียวกำลังจะระเบิดอารมณ์ ผู้อาวุโสสวี่ก็เอ่ยขึ้น
เขาดันแว่นสายตายาว พูดด้วยความสุขุม “สายกำเนิดของกุ่ยฟางกับเสินโจวของเราลึกซึ้งมาก ร้อยปีก่อนยังอยู่ในเสินโจว ตอนนี้ราชาผีเป่าลี่เต้าบอกว่าราชครูผู้ปราดเปรื่องที่เป็นภัยต่อกุ่ยฟางถูกฆ่าไปแล้ว เขายินดีที่จะกลับประเทศเป็นผู้นำเผ่าขอสวามิภักดิ์กับเสินโจว ขอเพียงตำแหน่งทางการเท่านั้น
“เพียงแต่คนคนนี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ตอนไหนไม่พูด ต้องมาเลือกพูดเวลานี้ เริ่มด้วยมังกรแห่งจิตวิญญาณฆ่าราชครูในกระบวนท่าเดียว แล้วยังถูกหนอนเทพระดับทะเลสาบผู้นั้นไล่จับ เกรงว่าเขาคงรู้สึกว่าคงไม่มีวันสงบสุขได้อีกแล้ว ถึงได้คิดสละตำแหน่งใหญ่มาหลอกเรา”
ผู้อาวุโสไห่เอ่ยเรียบๆ “ตาสวี่พูดได้ถูกต้อง น่าจะเป็นแบบนั้น สวามิภักดิ์ง่ายดายอย่างนั้นเสียที่ไหน แม้ประชากรของกุ่ยฟางจะเบาบาง แต่พื้นที่ใหญ่โต ด้านหลังยังมีหลัวซา เขาก็แค่ราชาผีระดับอ่างน้ำ จะทำการใหญ่แบบนี้ไหวที่ไหน
“สุดท้ายไม่แน่พวกเราอาจจะยังต้องชนกับประเทศหลัวซาสักตั้งก่อน พวกเขาก็มีประวัติศาสตร์มาเนิ่นนานเหมือนกัน ประชากรไม่มาก แต่ผู้วิเศษกลับไม่น้อย อีกทั้งพื้นที่กว้างขวาง แม้พื้นที่ส่วนมากจะหนาวเหน็บจนไร้ผู้คน แต่ไม่มีผลกระทบอันใดต่อผู้วิเศษ ได้ยินมาว่าผู้วิเศษข้างนอกหลายคนเริ่มหมายตาพื้นที่กว้างตรงนั้นกันมากขึ้น กำลังสร้างฐานทัพกันอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้เสินโจวเพิ่งจะเริ่มมั่นคง พวกเรามีเวลาทำการใหญ่ที่ไหนกัน ตอนนี้ถ้าตกเข้าไปก็คือบ่อโคลน”
เหรินรั่วเฟิงเงียบ เขามีความเห็นต่างกับเพื่อนผู้รอบคอบทั้งสองนี้
เขากำลังคิดว่าจะทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้หรือไม่ หากทำสำเร็จได้จริง ด้วยผลงานบวกกับความเหนื่อยยาก ต้องได้ตำแหน่งงามๆ อย่างแน่นอน
เขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับการฝึกวิถีแห่งเซียนเท่าไรนัก เพราะรู้ข้อมูลลับมามาก ด้วยสติปัญญาของเขาสามารถสรุปได้เลยว่ามันยากลำบากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่แข็งแกร่งอย่างมังกรแท้และเทวาบนสวรรค์ที่ทยอยลงมาเกิด เห็นได้ชัดว่าเส้นทางการฝึกวิถีแห่งเซียนนั้นไม่ง่ายเลย
เพียงแต่ความคิดเห็นของสหายทั้งสองค่อนไปทางมั่นคงและอยู่บนความจริง เขาย่อมไม่อาจพูดความคิดที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้
ในเมื่อสำนักงานสัจธรรมก็มีพลังไม่ถึงจริงๆ เสินโจวมีประวัติศาสตร์มาช้านานและประชากรมาก ผู้วิเศษที่ตื่นรู้ก็ประหลาดพิลึกแถมยังโผล่มาไม่รู้จักจบ ยังมีผู้จุติเหล่านั้นที่ทยอยกันปรากฏออกมา อีกทั้งไม่มุทะลุเหมือนก่อน แต่ละคนเก็บงำกันอย่างดี ไม่สามารถขุดออกมาได้ง่ายๆ เหมือนเคยอีกแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าคนธรรมดาที่เดินอยู่บนถนน ในหัวมีใครอีกคนแอบอยู่หรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่เครือข่ายเทียนหลัวสัมผัสไม่ได้
อาชญากรจำนวนมากก็มาจากพลังจิตผู้จุติทั้งนั้น จัดการแต่ละทียุ่งยากสุดๆ
โชคดีที่มีใครบางคนอยู่ รวมๆ แล้วครึ่งปีมานี้ หน่วยกิจการพิเศษท้องที่ในเมืองฉี แม้กระทั่งหน่วยงานรักษาความมั่นคงทั่วไปก็แทบจะกลายเป็นวัตถุจัดแสดงไปแล้ว ถูกดึงกำลังคนไปไม่น้อย ช่างน่ากลัวจริงๆ…
เหรินรั่วเฟิงหยุดความคิด กวาดตามองก็พบว่าส่วนมากมีสายตาเห็นด้วย มีเพียงเฉียวอันผิงที่กินยาเก้าโคจรคืนฟื้นฟูวิญญาณของท่านเทพ อาการบาดเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง แถมยังก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นที่รู้สึกตื่นเต้นอยากลอง เช่นนั้นตอนนี้ก็สี่ต่อสอง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำไม่ได้
เขาตัดสินใจพักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโสสวี่ ผู้อาวุโสไห่กล่าวได้รอบคอบนัก เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ปล่อยไปก่อนเถอะ ถึงอย่างไรเราก็รู้เส้นสนกลในของสมาคมราชาผีนั่นพอสมควรแล้ว พวกเขาจับราชาผีได้ก็ไม่ฆ่าอยู่ดี ยังมีโอกาสอีกถมเถ ตอนนี้พวกเรามาคุยเรื่องอื่นกันต่อ เอาเรื่องหนอนเทพตัวนั้นก่อนละกัน ตอนนี้มันเป็นเป้าหมายจับตามองที่สำคัญ เสี่ยวจาง รายงานมาหน่อยสิ”
เวลานี้เลขาจาง สมาชิกคณะที่ปรึกษา ลุกขึ้นกล่าว “หัวหน้าทุกท่าน ตามรายงานที่เรารวบรวมได้มาในตอนนี้ หนอนเทพตัวนี้มีชื่อเต็มว่าหนอนเขียวยักษ์ นางพญาแมลงเป็นผู้ตั้งชื่อให้ มีฐานะเป็นหัวหน้าตระกูลวิญญาณแมลงที่เกิดใหม่ ดูจากลมปราณที่ปลดปล่อยออกมา จัดอยู่ในผู้แข็งแกร่งสูงสุดของระดับทะเลสาบ
“แต่ดูจากการต่อสู้ของมันกับราชาผีเป่าลี่เต้าเมื่อวานนี้ ระดับพลังที่ปล่อยออกมา เครือข่ายเทียนหลัววัดได้เพียงระดับบ่อน้ำ ไม่ใช่ระดับทะเลสาบอย่างที่ว่าไว้ มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งมันอำพราง สองมันตั้งใจควบคุมพลัง แต่เรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ความสามารถการต่อสู้ของมันแย่สุดๆ ทั้งๆ ที่มีพลัดบดขยี้คู่ต่อสู้ แต่กลับให้ราชาผีระดับ B สูงสุดหนีรอดไปได้ จับได้แค่พวกลิ่วล้อไม่กี่คน…”
นอกจากเหรินรั่วเฟิงกับหงอวิ๋นเจียวที่ทราบเรื่องราวอยู่ก่อนแล้ว คนอื่นๆ ที่ได้ฟังต่างเบาใจกันไปเปลาะหนึ่ง
พวกเขารู้ว่า หนอนเทพตัวนั้นโดนมังกรแห่งจิตวิญญาณสยบไว้ชั่วคราว ไม่แน่ว่ามันจะยอมจำนน แต่หากปราบมันไปเลย ไม่รู้ว่าต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ตอนนี้รู้เส้นสนกลในของมันชัดเจนแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับทะเลสาบที่ต่อสู้ไม่ได้เรื่อง กับผู้แข็งแกร่งระดับทะเลสาบที่ต่อสู้เก่ง นั่นมันเป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อเลขาจางรายงานจบ เหรินรั่วเฟิงพูดหลังจากครุ่นคิดนิดหนึ่งว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ดูเหมือนระดับการคุกคามของมันจะลดลงหนึ่งขั้น ผู้ที่สามารถสยบมันได้ในตอนนี้ก็คือท่านเทพ เสี่ยวจางรายงานสถานการณ์ท่านเทพผู้นี้มาหน่อยสิ”
เลขาจาง “ท่านเทพเพิ่งแข่งขันการจัดอันดับมืดจบก็กลับไปวุ่นอยู่กับการผดุงคุณธรรมเป็นประจำเหมือนก่อน… สองวันนี้จากหน่วยกิจการพิเศษตามท้องที่ต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตเรียลไทม์รายงานเข้ามา พวกเราพบว่าเขามักจะปรากฏตัวขึ้นตรงนี้สามนาทีก่อน อีกสามนาทีให้หลังก็ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองข้างๆ
“ด้วยเหตุนี้ปริมาณงานของหน่วยกิจการพิเศษหลายแห่งในสองวันนี้จึงลดไปอย่างมาก ลดไปประมาณหนึ่งในสามจากเมื่อก่อน เบื้องต้นคาดว่าหลังจากท่านเทพมีกระบี่บิน ระดับความเร็วก็เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างก้าวกระโดด ทำความเร็วได้ราวยี่สิบกิโลเมตรต่อวินาที อยู่ในระดับ S แล้ว”
เมื่อเลขาจางรายงานข้อมูลเหล่านี้จบ เหรินรั่วเฟิงที่ทราบเรื่องราวเหล่านี้อยู่ก่อนแล้วก็บรรลุเป้าหมายที่แท้จริง จึงยกมือขึ้นบอกเป็นนัยให้เลขาจางหยุดรายงานชั่วคราว
เขาพูดขึ้นต่อว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันคิดว่าส่งหนังสือขึ้นไปให้พวกหัวหน้าลดเงินเดือนหน่วยกิจการพิเศษลงสักครึ่งหนึ่ง ฉันยังมีอีกโครงการใหญ่ที่ต้องการใช้เงินพอดี”
ผู้อาวุโสสวี่ส่ายหน้า “พวกเขาก็ลำบากเหมือนกัน เป็นกองหนุนที่เสียสละกันมามาก เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว เดี๋ยวจะทำลายความสามัคคีกันเสียเปล่า”
เหรินรั่วเฟิงค่อนข้างผิดหวังแต่ก็ไม่แสดงออก กลับยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ดูท่าเราให้วัตถุดิบกระบี่บินไปถูกคนแล้ว เมื่อก่อนพื้นที่ไล่จับไม่ได้กินพื้นที่กว้างขนาดนี้ น่าเสียดาย คงไม่มีผู้แข็งแกร่งที่ระดับสูงเหมือนเขาจะยอมวางฐานะมาช่วยพวกเรารักษาความสงบไปทั่วแบบนี้อีกเป็นคนที่สองแล้ว บางครั้งก็มีผู้ที่มีจิตใจผดุงคุณธรรม แต่ก็จนปัญญาที่จะมีตาทิพย์อย่างเขา มักจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หวังดีแต่ทำผิดพลาด ต้องไปรับการอบรมใหม่อย่างช่วยไม่ได้”
……………………………………….