เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 32 ครองร่างผู้โดดเดี่ยว
ประธานจ้าว “เสี่ยวฟาง ทำไมคุณถึงชะงักไปล่ะ? ยังพูดไม่จบใช่ไหม?”
ฟางหนิงกำลังจะตัดสินใจ แต่กลับได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบอีกครั้ง
ระบบแจ้งเตือน: ตอนนี้คุณอยู่ในขั้นตอนการเลือกช่วงต้นที่สำคัญ โปรดทำการเลือก
ตัวเลือกที่หนึ่ง: คุณโค้งคำนับ พร้อมพูดว่า “พ่อตาครับ โปรดรับไหว้จากลูกเขยคนนี้ด้วยเถอะครับ” จากนั้นคุณจึงเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวปีศาจงู และนับแต่นั้นมา คุณก็กลายเป็นพ่อครัวที่ทำงานเต็มเวลา และมีที่สำหรับหลบภัย ระบบยุติภารกิจครองร่าง แกนกลางระบบหยุดทำงาน แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็รู้ว่าคุณเป็นคนหลอกลวง แท้จริงแล้วคุณทำอาหารไม่เป็น ภายใต้การโน้มน้าวของประธานจ้าวและลูกสาว ในที่สุดคุณก็หนีออกจากตระกูลจ้าวด้วยความอับอาย ส่วนปีศาจงูที่คิดว่าตัวเองถูกหลอกนั้น ก็ส่งคนไปตามล่าคุณ…’
ตัวเลือกที่สอง: คุณตัดสินใจที่จะทำตามความปรารถนาของตนเองต่อไป คุณต้องการเก็บตัวอยู่บ้านไปตลอดชีวิต จึงตัดสินใจพึ่งพาตัวเอง ใช้ชีวิตคนเดียวอย่างอิสระ ดังนั้นจึงปฏิเสธความเมตตาของประธานจ้าว ส่วนปีศาจงูที่คิดว่าความเมตตาของพวกเขาถูกเหยียดหยามนั้น ก็ได้ไล่ฆ่าคุณแบบลับๆ อีกครั้ง ฝีมือของคุณอาจสูสีกับเธอ แต่ไม่สามารถตั้งหลักในเมืองฉีต่อไปได้ คุณทำได้เพียงละทิ้งอาชีพ และหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า…’
ตัวเลือกที่สาม: อาการผัดวันประกันพรุ่งที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ของคุณกำเริบกะทันหัน การตัดสินใจที่สำคัญแบบนี้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้จะดีกว่า วันนี้ไปสนุกกันต่อเถอะ… ดังนั้น คุณจึงหาเหตุผลในการเลื่อนเรื่องนี้ออกไปก่อน คุณตัดสินใจที่จะคิดเรื่องนี้อีกครั้งหลังจากระบบถึงเลเวล 100… หมายเหตุ ‘เหตุผลคือ เด็กสาวไม่ควรแต่งงานก่อนที่พลังแห่งสายเลือดจะถูกปลุกให้ตื่น ไม่เช่นนั้นจะทำให้สายเลือดของเธอไม่บริสุทธิ์’
ฟางหนิงน้ำตาไหลอาบแก้ม ‘ขอบคุณนิสัยผัดวันประกันพรุ่งที่อยู่ในขั้นรุนแรง! โอตาคุอย่างเราไม่เหมาะกับการที่จะต้องตัดสินใจฉับพลันแบบนี้จริงๆ’
ประธานจ้าวเอ่ยเรียกอีกรอบ “เสี่ยวฟาง ทำไมคุณชะงักไปอีกแล้วล่ะ? อาการของคุณยังไม่ดีขึ้นใช่ไหม?”
ฟางหนิง “เปล่าครับ ผมรู้สึกขอบคุณความเอาใจใส่และความหวังดีของประธานจ้าวที่มีต่อผมอย่างมาก เพียงแต่ผมได้ยินมา ว่ากันว่าไม่ควรแต่งงานก่อนที่พลังแห่งสายเลือดจะถูกปลุกขึ้น ไม่อย่างนั้นจะทำให้ความบริสุทธิ์ของสายเลือดลดลง หลังจากนั้นความแข็งแกร่งก็จะลดลงตามไปด้วย ผมไม่สามารถเก็บซ่อนข้อมูลนี้เอาไว้ได้ เพราะมันไม่ยุติธรรมกับครอบครัวของท่าน”
ประธานจ้าวตะลึง “โอ้ ผมเข้าใจแล้วล่ะ คุณเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้กับผม ผมจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับภรรยาในภายหลัง”
…
อาหารมื้อเดียวใช้เวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น
ณ ห้องรับแขกพิเศษ ประธานจ้าวได้คุยเรื่องนี้กับภรรยาซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่บนโซฟาชั่วคราวหลังจากที่เธอกินอิ่ม
หลังจากคุณนายจ้าวได้ยินก็ผุดยิ้มมุมปากทันที “ฮ่าๆ ที่รัก ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านด่านสุดท้ายแล้ว ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยเรื่องนี้กันตอนเหยาเหยาปลุกพลังแห่งสายเลือดขึ้นมากันเถอะ”
ประธานจ้าวพยักหน้า แต่เมื่อนึกถึงมารยาทบนโต๊ะอาหารของภรรยาตัวเองเมื่อครู่ ก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย จึงถามขึ้นว่า “ที่รัก ถึงแม้ว่าเสี่ยวฟางจะเป็นเด็กดี แต่เขาทั้งขี้เกียจและเห็นแก่เล่น มีแค่พลังพิเศษที่สามารถเพิ่มทักษะในการทำอาหารเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ดูมีค่าอะไรมากมาย อีกอย่างผู้ชายมากความสามารถก็มีอีกเยอะ แต่ทำไมคุณถึงเลือกเขาล่ะ? คุณไม่ได้เห็นแก่กินจนจะขายลูกสาวของเราใช่ไหม?”
“บัดซบ กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉัน” คุณนายจ้าวกระโดดขึ้นและดึงหูของประธานจ้าว
“โอ๊ยเจ็บ ที่รัก ผมไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว” ประธานจ้าวรีบอ้อนวอนขอความเมตตา
“หึ ถ้าพูดไม่ชัดเจน กลัวว่าคุณจะไม่พอใจ และทำลายแผนการของฉัน ฉันจะบอกให้นะ ความทรงจำในพลังแห่งสายเลือดที่ฉันปลุกขึ้นมาบอกฉันว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีการสืบทอดสายเลือดเกิดขึ้น ในบรรดาผู้ได้รับเลือกนั้น เฉพาะผู้ที่มีทักษะการทำอาหารขั้นสูงเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับ ซึ่งระดับที่จะได้รับการสืบทอดนั้นไม่สูง และไม่มีอาวุธเทพล้ำค่าใดๆ แต่มีบางสิ่งที่จะมีประโยชน์กับคนธรรมดามากที่สุด นั่นก็คือจะได้รับยาอายุวัฒนะที่ยืดอายุได้มากกว่าร้อยปี ซึ่งสามารถใช้กับมนุษย์ได้โดยตรง
“หลายสิบปีมานี้ฉันหลิ่วหรูจือกินอาหารมาทั่วเฉินโจว มีรสชาติอะไรที่ฉันยังไม่เคยลิ้มลองอีก และอาหารในร้านอาหารที่คุณเปิดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ กลับอร่อยกว่าอาหารทั้งหมดที่ฉันเคยกิน ฉันถึงได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของฟางหนิง แถมวันนี้ฉันได้ลองชิมอาหารที่เขาทำด้วยตัวเอง ในที่สุดฉันก็มั่นใจว่า มีความเป็นไปได้ที่ฟางหนิงจะได้รับการสืบทอดสายเลือดนี้มากที่สุด
“ทั้งฉันและเสี่ยวเหยาต่างสามารถปลุกพลังแห่งสายเลือดให้ตื่นได้ อย่างน้อยๆ เราก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้สองร้อยปีโดยไม่ต้องกินยา คุณเป็นแค่ตาแก่คนหนึ่งที่ไร้คุณสมบัติ ไม่สามารถฝึกฝนได้ และไม่มีความสามารถในการปลุกพลังพิเศษ คุณจะปล่อยให้เราแม่ลูกต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่หรือ?”
ประธานจ้าวซาบซึ้งใจอย่างมาก เขาตื้นตันที่ภรรยามองการณ์ไกล แต่เขากลับไม่รับความหวังดีของภรรยา เขาส่ายหน้าและพูดว่า
“แต่ก็ไม่ควรแลกกับความสุขของลูกหรือไม่? ก่อนหน้านี้คุณได้บอกข้อดีหลายข้อของเสี่ยวฟางและให้ผมช่วยเกลี้ยกล่อมลูก ผมเห็นด้วย เพราะอย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าลูกชายคนรวยพวกนั้นหลายร้อยเท่า และกลัวว่าลูกจะไร้เดียงสาเกินไปจนถูกใครหลอกเข้า จึงช่วยคุณเกลี้ยกล่อมลูกเสมอมา แต่ฟังจากที่คุณพูดตอนนี้ คุณกลับต้องการขายลูกสาวสุดที่รักของเราเพื่อยาเม็ดเดียว ผมไม่ยอมหรอก ผมจะไม่บังคับลูกเด็ดขาด เพราะมันขึ้นอยู่กับการเข้ากันได้ของทั้งสอง ถ้าลูกไม่เต็มใจ ผมก็จะไม่เกลี้ยกล่อมลูกอีก”
“ไร้สาระ ดูตอนที่เธอแย่งอาหารกับฉันสิ จะไม่เต็มใจได้อย่างไร?” คุณนายจ้าวรู้จักลูกสาวของเธอดีที่สุด
ทว่าตาแก่จ้าวกลับส่ายหน้า “มันคนละเรื่องกัน เรื่องของความรู้สึกไม่ง่ายขนาดนั้น อีกเรื่องที่รัก ผมรู้สึกว่า ถึงแม้คุณจะอายุน้อยกว่าผมสิบกว่าปี แต่ทำไมถึงมีแนวคิดในระบบศักดินาที่พ่อแม่เป็นคนกำหนดแบบนั้นเสมอ ไม่คิดถึงความรู้สึกของเหยาเหยาเลย และคิดว่าตัวเองตัดสินใจแทนเธอได้ทุกเรื่อง”
คุณนายจ้าวตะลึง เธอบิดหูสามีอีกครั้ง “เก่งจริงๆ นะ จ้าวเสียงเหวิน คุณพูดเหมือนว่าฉันเป็นยายแก่ในสังคมศักดินาเลยนะ คุณจะเห็นด้วยกับฉันใช่ไหม?”
“ที่รัก ถึงคุณจะบิดหูผมอีกสักกี่ครั้ง เรื่องนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยกับคุณเด็ดขาด เราแลกความสุขของลูกไม่ได้นะ ก็ดีถ้าผมมีชีวิตอยู่ได้อีกร้อยปี แต่ถ้าลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปอีก 200 ปีล่ะก็ ผมยอมตายก่อน” ตาแก่จ้าวส่ายหัว
สีหน้าของคุณนายจ้าวเริ่มซับซ้อนมากขึ้น เธอมองสามีของตัวเอง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะกลัวเธอ แต่แววตาของเขากลับหนักแน่นเป็นที่สุด
นั่นมันอายุร้อยปีเชียวนะ เมื่อเธอหวนนึกถึงความทรงจำในสถานที่ที่สายเลือดของเธอได้ถือกำเนิดขึ้น นับประสาอะไรกับการบังคับลูกสาวให้แต่งงาน การขายลูกสาวก็เป็นเรื่องธรรมดา การฆ่าลูกสาวก็เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่……
หลังจากหวนนึกถึงภาพเหล่านั้น ดวงตาของคุณนายจ้าวก็เย็นชาลง ‘ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นใครมาจากไหน ต้องการมาทำอะไรที่นี่ ถ้ากล้าทำลายความสุขของครอบครัวของฉันล่ะก็ ฉันจะไม่ปล่อยพวกคุณไปแน่ๆ จะตามล่าพวกคุณจนสุดปลายโลก…’
ประธานจ้าวรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที ในใจพลันเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามออกไป“เอ๊ะ ทำไมจู่ๆ ผมก็รู้สึกหนาวขึ้นมาล่ะ ลืมตั้งสวิตช์เครื่องปรับอากาศหรือเปล่านะ”
คุณนายจ้าวสูดลมหายใจเข้าลึก และนวดหูที่ถูกบิดจนแดงไปมา พร้อมกับเป่าลมอุ่นออกจากปาก แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร นายจ้าววันนี้คุณทำได้ดีมาก ถือว่าเราสองแม่ลูกมองคนไม่ผิดจริงๆ เอาเถอะ ให้เหยาเหยาเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างเองแล้วกัน อย่างมากสุด ฉันก็แค่ถ่ายทอดวิธีฝึกฝนคนเดียวให้เจ้าเด็กนั่น ถึงเวลานั้น เขาจะสามารถมีอายุยืนด้วยการฝึกฝนได้ เขาก็จะไม่เสียดายยาอายุวัฒนะที่สามารถยืดอายุได้ร้อยปี
“ฉันเองก็มองออกว่า ถึงแม้เขาจะเป็นคนขี้เกียจ แต่ก็เป็นคนกตัญญู แต่เด็กคนนี้ขี้เกียจมากจริงๆ รวยขนาดนี้แล้ว ยังเอาแต่นอนแช่อยู่ที่บ้าน เล่นแต่เกม ถึงเวลาคงต้องพึ่งพาคุณคอยกระตุ้นให้เด็กคนนี้ฝึกฝน”
ตาแก่จ้าวประทับใจมาก และกำลังจะตอบตกลง แต่กลับได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของภรรยาพร้อมกับเสียงพูดต่อว่า “แน่นอนว่า ถ้าคุณบังเอิญเจอตอนที่เขากำลังทำอาหารพอดี ก็อย่าลืมโทรบอกฉันก่อนล่ะ จริงด้วย แต่คุณไม่ต้องบอกลูกสาวสุดที่รักของคุณนะ ดูปริมาณที่เธอกินในวันนี้สิ เขาไม่กล้าเก็บเงินเธอแน่ๆ ครั้งเดียวยังพอทน แต่ถ้าบ่อยเกินไปก็คงไม่ดีเท่าไรใช่ไหม?”
เมื่อตาแก่จ้าวได้ยินก็พลันคิดในใจว่า ‘ที่รัก คุณคิดว่าตัวเองกินน้อยหรือ ดูเหมือนคุณจะคิดว่าอาหารในงานเลี้ยงวันนี้ถูกลูกสาวเราแย่งกินหมดสินะ’
แต่เขาไม่กล้าพูดออกไป เพราะเขาไม่อยากหูแดงแล้วจริงๆ อีกอย่างเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เขาต่อต้านความคิดของภรรยา นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
…
ขณะนี้ ฟางหนิงและหลิ่วเหยานั่งอยู่ด้วยกันเพียงสองคนบนระเบียงร้านอาหาร กำลังชมดาวข้างนอก
ฟางหนิงนั่งห่างจากเธอสามเมตร เขานั่งตัวตรง สายตามองตรง คราวนี้เขาไม่ได้เหลือบมองจริงๆ
ไม่จำเป็นต้องเปิดมุมมอง ไร้สาระ เขารู้ดีว่าแม่ของหลิ่วเหยาคือปีศาจงูที่ทรงพลัง นอกเสียจากเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ไม่อย่างนั้น เธอก็ต้องเป็นปีศาจงูในอนาคตแน่นอน เขารู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่ข้าราชการระดับสูงสวี่เซียน หญิงงามเพียงใด เขาก็ไม่มีความกล้า…
ในบรรดาสัตว์ทั้งหมด เขากลัวงูมากที่สุด แค่เห็นภาพก็ขนลุกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนได้เห็นร่างจริงเมื่อครู่เลย
ทั้งสองเงียบกันมาพักใหญ่แล้ว
สาวน้อยหลิ่วเหยาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน “ขอโทษนะคะ คุณดูประหม่านิดหน่อย มารยาทบนโต๊ะอาหารของแม่ฉันในวันนี้ทำให้คุณกลัวใช่ไหม”
ฟางหนิงคิดในใจ ‘ก็ใช่น่ะสิ แม่เธอจะไล่ฆ่าฉันในตัวเลือกระบบถึงสี่ข้อ ฉันจะไม่รู้สึกกลัวได้ยังไงล่ะ?’
หลิ่วเหยากล่าวต่อ “ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอได้เห็นอาหารเหล่านั้น ก็เหมือนตัวเองเปลี่ยนไป”
ฟางหนิงคิดในใจ ‘ไม่ ไม่ เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด นั่นเพราะเธอกำลังจะกลายร่างต่างหาก…’
หลิ่วเหยายังคงพูดต่อ “ฉันต้องขอโทษแทนพ่อกับแม่ของฉันด้วยค่ะ หลายวันมานี้สร้างปัญหาให้คุณไม่น้อยเลย พ่อแม่ของฉันมักจะหวังดีกับฉันเสมอ พวกท่านกลัวว่าฉันจะถูกคนไม่ดีหลอก จึงคิดอยากจะให้ฉันแต่งงานกับใครสักคน”
ฟางหนิงคิด ‘ไม่ ไม่ เธอควรกังวลกับคนเลวที่หลอกเธอต่างหาก…’
หลิ่วเหยากล่าวว่า “วันนี้แม่ฉันกินเยอะไปหน่อย ทำให้คุณต้องปิดร้านนานเลย และต้องขาดทุนไม่น้อย พ่อบอกว่าผู้หญิงไม่ควรเอาเปรียบคนอื่น ฉันจะโอนเงินเหล่านั้นคืนให้คุณเอง”
ตอนนั้นเองระบบก็สวนกลับทันที “โอ้ รอประโยคนี้มาหนึ่งวันแล้ว บัญชีวีแชทของฉันคือ XXXXXXXXXXX รวมยอดบริการและค่าวัตถุดิบอยู่ที่ 1,233,244 หยวน 7 เจี่ยว 6 เฟิน ปัดเศษส่วนออก คุณโอนแค่ 1,233,244 หยวนก็พอ”
ฟางหนิง “…”
หลิ่วเหยา “ได้ค่ะ ฉันจะโอนให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
ในพื้นที่ระบบ
ฟางหนิงโอดครวญ “เฮ้ ไอระบบ แกจะทำเกินไปแล้ว ทำไมจู่ๆ ก็มาครองร่างฉันและพูดออกไปแบบนั้นล่ะ เรากำลังตอบแทนบุญคุณอยู่นะ แต่แกกลับมาเรียกร้องเงินจากเธอ ทำฉันขายหน้าจริงๆ!”
ระบบตอบกลับ “ใบหน้าของโฮสต์ไม่มีค่าอะไร แต่ที่กินไปวันนี้ทั้งหมดคือวัตถุดิบหลักแสน และต้องตระเตรียมล่วงหน้าด้วย ไม่ต้องพูดถึงที่ระบบต้องทำงานหนักทั้งวัน เดิมทีระบบคิดว่าจะตอบแทนแค่มื้อเดียว แต่พวกเธอกลับกินลากยาวตั้งแต่เช้ายันเย็น กินซะเป็นบุฟเฟ่ต์เลย ยังจะไม่คิดเงินอีกเหรอ เป็นเงินของระบบทั้งนั้น และโฮสต์ก็ไม่มีเงินมาคืนระบบหรอก อย่าใช้เงินระบบทำใจใหญ่ใจโตสิ”
ฟางหนิงอ้าปากค้าง โต้กลับทันที “ท่านเทพแห่งระบบ ภายใต้การยึดครองร่างของท่าน ผมไม่ต้องรอจนระบบถึงเลเวล 100 แล้วล่ะ จากนี้ไปผมจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแน่นอน…”
แจ้งเตือนระบบ ‘หมายเลขบัญชีวีแชท XXXXXXXXXX บนโทรศัพท์มือถือของท่านได้รับเงินเข้าเป็นจำนวน 1,233,244 หยวนจากผู้ใช้พิเศษ XX
ระบบ “โอ้ เป็นเด็กที่ไร้เดียงสาจริงๆ ไม่เกินแม้แต่หยวนเดียว…”
ฟางหนิงเบะปาก “หุบปากของแกไปเถอะ แกไม่อาย แต่ฉันไม่มีหน้าจะพูดอะไรต่อแล้ว”
ระบบตอบกลับอีกรอบ “โฮสต์ก็ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ได้แต่คิดในใจ มนุษย์อย่างโฮสต์ล้วนปากไม่ตรงกับใจทั้งนั้น ให้ระบบช่วยบอกเธอตอนนี้ให้ไหม? ความคิดของโฮสต์เมื่อครู่ดังเกินไป ระบบได้ยินหมดแล้ว”
ฟางหนิงแยกเขี้ยว “แกไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นอย่ามาพูดแทนไปหน่อยเลย…”
ทั้งสองนั่งดูดาวกันเงียบๆ อีกพักหนึ่ง สุดท้ายครอบครัวของประธานจ้าวก็ขอลากลับ คราวนี้ฟางหนิงเพียงแต่โบกมือลาหน้าประตูร้าน แล้วเฝ้าดูพวกเขาขึ้นรถและขับออกไป
……………………………………………………………..