เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 79 ห้ามกินและเอากลับมา ให้คนอื่นได้กินด้วย
บทที่ 79 ห้ามกินและเอากลับมา ให้คนอื่นได้กินด้วย!
ไห่หลานได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็พลันซีดเผือด
เฉียวจื่อเจียงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ
เฉียวจื่อซาน และพนักงานอีกสองคนเหลือบมองกันและกัน แล้วลุกขึ้นเงียบๆ พึมพึมว่าพวกเขาต้องไปจัดการอะไรบางอย่าง
พวกเขาจำบทเรียนนี้ได้อย่างลึกซึ้ง หากในอนาคตจะเชิญแขกมาทานอาหารค่ำ พวกเขาจะไม่ร่วมโต๊ะกับอัศวิน A แน่นอน เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ และไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องมารยาทเหล่านั้นเลย
ตอนนี้หากเฉียวอันผิงจะคัดค้านไม่ให้อีกฝ่ายกินต่อก็ย่อมได้ แต่ด้วยบุคลิกและสไตล์ของเขาแล้ว หากให้เขาพูดว่าไม่ให้แขกกินต่อนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกให้เขาลาออกจากตำแหน่งรองประธาน และเขาไม่มีทางทำแน่นอน…
ไห่หลานขอความช่วยเหลือจากเฉียวจื่อเจียง อีกฝ่ายคือหนึ่งในสตรีจูเก๋อ เมื่อประสบความยากลำบาก ก็ยังมีทางออกให้เธอเสมอ หันมองเวลาอีกครั้งก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว และสมาชิกหลายคนก็เป็นผู้อาวุโส
หลังจากที่พวกเธอกระซิบกระซาบกันเล็กน้อยแล้ว ดวงตาของไห่หลานก็เปล่งประกาย
ไห่หลานเดินช้าๆ เข้าไปใกล้ๆ เฉียวอันผิง ก้มศีรษะลงแล้วพูด “ประธานเฉียว คุณพูดก่อนงานเลี้ยงว่าจะมีของขวัญชดเชยให้แก่สมาชิก ตอนนี้ดึกมากแล้ว และสุขภาพของพวกเขาอาจจะสู้ไม่ไหว คุณลองดูสิว่าตอนนี้เป็นเวลาสมควรแก่การกล่าวอะไรอีกสักหน่อยไหม จากนั้นก็ให้พวกเขากลับไปพักผ่อน? ”
เธอไม่ได้บอกว่า “ฟางหนิง” เป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย จากที่เธอคิด การให้ของขวัญชดเชยนั้น เธอจะเรียกให้ “ฟางหนิง” ออกมาเป็นคนมอบ หากกล่าวอะไรนอกเหนือจากนั้นคงจะใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง การกินอาการก็จะโดนขัดจังหวะ และงานเลี้ยงก็จะสิ้นสุดลง
เธอจะวางแผนอย่างรอบคอบ เป้าหมายเล็กๆ เพื่อปกป้องทรัพยากของวิทยาลัย ส่วนเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นคือเธอรู้ลักษณะนิสัยของเฉียวผิงอันดี ถ้ามีคนถามเรื่องนี้ในที่ประชุม เขาจะต้องยืนยันหนักแน่นว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้หักจากบัญส่วนตัวของเขาอย่างแน่นอน
แม้ว่าตระกูลเฉียวจะมีทรัพย์สินจำนวนมาก แต่มีพนักงานที่ขึ้นตรงต่อตระกูลเพียงไม่กี่คน แม้จะมีแม่บ้านที่มีความสามารถในการจัดการธุรกิจของครอบครัว แต่คงไม่สามารถทำเรื่องนี้ซ้ำๆ ต่อไปได้แน่นอน
เฉียวอันผิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขาเพิ่งจะทักทายอัศวิน A แต่เขาก็เกือบลืมเรื่องนี้ไป
ในตอนนั้นเอง เขาก็เอ่ยปากและกล่าวขอโทษไปทางอัศวิน A “อัศวิน ท่านอยู่ท่ามกลางโลก ร่างกายควบคุมตนเองไม่ได้ เฉียวโม่วต้องแยกออกมาสักพัก”
อัศวิน A ตอบกลับ “คุณไม่จำเป็นต้องมาดูแลผม แค่ปล่อยให้พ่อครัวฟางหนิงทำอาหารให้ก็พอแล้ว ปกติแล้วพ่อครัวคนนั้นจะขี้เกียจมากที่จะต้องมาทำอาหาร และผมไม่เคยบังคับคนอื่นให้กินเลย แต่ครั้งนี้เขาติดหนี้ผม ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ผมได้กินอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวล ผมรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ อดหลับอดนอนสองสามคืน ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้หรอก”
เมื่อเฉียวอันผิงได้ยินแบบนั้น ก็พยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “แบบนั้นก็ดีสิ หลังจากนี้ผมจะส่งคนไปให้เขา”
เฉียวอันผิงยืนขึ้นและเดินไปที่แท่น ขณะที่เดิน ก็คิดในใจว่า ด้วยพลังของอัศวิน ฟางหนิง หัวหน้าพ่อครัวคนนั้น ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้แน่นอน ถ้าเขาโกรธอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าคงไม่สามารถเปิดร้านได้อีกต่อไปแน่
แต่อัศวิน A ไม่เคยบังคับอีกฝ่ายให้ทำอาหารให้เขา เขาคือชายผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาไม่แสดงอำนาจต่อผู้อ่อนแอและไร้เดียงสา แต่จะตั้งรับเฉพาะคนชั่วเท่านั้น เฉียวอันผิงจึงตัดสินใจที่จะเป็นมิตรกับชายคนนี้
ไห่หลานได้ยินก็ตกตะลึง อีกฝ่ายอยากจะกินไปอีกกี่วัน?
เธอเจ็บปวดใจ รู้สึกอับจนหนทาง สุดท้ายจึงมองไปที่เฉียวจื่อเจียง และเดินกลับมาอีกครั้ง เอ่ยถามแผ่วเบา “มีวิธีอื่นอีกไหม?”
เฉียวจื่อเจียงยักไหล่ท่าทางไม่ยี่หระ ตอบเบาๆ “อัศวิน A คนนี้พูดถูกแล้ว ก่อนหน้านั้นหนูและพี่ชายเคยไปที่เมืองฉีเฉิง อยากจะจ่ายเงินสามล้านให้กับพ่อครัวคนนั้นเพื่อให้ทำอาหารให้ แต่ผู้หญิงคนนั้น ผู้จัดการร้านน่ะ ไม่แม้แต่จะแจ้งให้เขาทราบ เธอพูดเพียงแค่ว่าโดยปกติแล้ว เจ้านายของเธอไม่ได้ทำอาหาร แต่พี่ชายเป็นคนเกลี้ยกล่อมหนู ไม่อย่างนั้นหนูจะไปหาเขาเป็นการส่วนตัว
ด้วยบุคลิกของอัศวิน A เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายกดดันเขาแน่นอน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่ติดค้างกันในอดีต ที่ต้องเอาคืนกลับมาสักครั้ง วัตถุดิบที่เก็บไว้ในวิทยาลัยของเรานั้นอร่อยด้วยฝีมือของพ่อครัวธรรมดา แต่ฝีมือของฟางหนิง รสชาติอาหารต้องออกมาดีกว่าแน่นอน ป้าหลาน ป้าก็กินไปตั้งเยอะแล้ว และอัศวิน A ต้องกินให้พอเช่นกัน”
ไห่หลานได้ยินเรื่องนี้ก็กลอกตา เธอกินเข้าไปเยอะทีเดียว ไม่คิดว่าจื่อเจียงจะสังเกตเห็น ช่างขายหน้าจริงๆ โชคดีที่เฉียวอันผิงมัวแต่ดูแลอัศวิน A เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ด้วย
ไห่หลานตอบอย่างไม่เต็มใจว่า “มิน่าล่ะที่เขาปรากฏตัวโดยบังเอิญ ฉันสงสัยมากว่าเขาเลือกที่จะปรากฏตัวก่อนงานเลี้ยงเพราะเขารู้ว่าพ่อครัวกำลังทำอาหารอยู่ พ่อครัวก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเองก็รู้สึกได้ เขาเลยยืมสถานที่และวัตถุดิบของเรามาทำอาหาร ช่างมันเถอะ ใครใช้ให้พวกเราติดหนี้บุญคุณคนกินเยอะแบบนี้ล่ะ เราไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ตามนั้นแหละ ฉันจะคอยดูว่าอัศวิน A คนนี้จะสามารถกินวัตถุดิบทั้งหมดในโกดังของเราได้ไหม”
จากนั้นเธอก็กระซิบ “อีกสักพักเธอลองชวนคุณลุงเธอสิ ถ้ามีคนถามเรื่องค่าใช้จ่าย จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบคนเดียว เพราะคนที่เป็นหนี้บุญคุณอัศวิน A จริงๆ แล้วคือวิทยาลัยของพวกเรา”
เฉียวจื่อเจียงโบกมือปัดแล้วพูดว่า “แทนที่จะขอให้หนูเกลี้ยกล่อม ให้หนูพิจารณาก่อนว่าอัศวิน A จะกินอาหารมื้อนี้มากแค่ไหน และครั้งต่อไปค่อยไปเจรจากับปู่ เพื่อหาวิธีใหม่ในการหาเงินเพื่อชดเชยการขาดทุนในครั้งนี้ ในงานเลี้ยงครั้งก่อน คนรวยเหล่านั้นพูดเกี่ยวกับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เยอะมาก พวกเรามีเทคโนโลยี พวกเขามีเงินทุนและกำลังคน ถ้าร่วมมือกัน เราก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่สามารถทำเงินได้”
เมื่อไห่หลานได้ยินเรื่องนี้ ก็รู้สึกยินดีไม่น้อย “โชคดีที่ตระกูลเฉียวยังมีจื่อเจียง ไม่รู้เลยว่าในอนาคตใครกันที่จะเป็นสามีผู้โชคดีคนนั้น”
ใบหน้าของเฉียวจื่อเจียงแดงก่ำ โต้กลับทันที “อย่างน้อยหนูก็รู้ว่าป้าหลานอยากจะแต่งงานกับอารอง แต่คุณไม่สามารถทำให้เป็นแบบนั้นได้ เพราะในใจของคุณอารองมีแต่เพื่อน เรื่องของบริษัท เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนั้นเลย…”
เอาคืนสำเร็จ! ถึงคราวที่ใบหน้าของไห่หลานแดงก่ำ
ใครก็ตามที่มีแรงจูงใจและสถานะที่สามารถกีดกันอัศวิน A จากการกิน เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ คนเดียวที่สามารถขัดขวางการกินของอัศวิน A ได้นั้น ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ?
ในพื้นที่ระบบ
ระบบ “โฮสต์ คำแนะนำก่อนหน้านี้ของคุณดีมาก พวกเราปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสม และครั้งนี้เราได้รับมากกว่า 1.2 พันล้าน ระบบเพิ่งเฝึกอบรมเสร็จและต้องการอาหารเสริมอย่างเร่งด่วน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ตอนนี้ ค่าอาหารจำนวนมากที่ต้องประหยัด ก็ไม่อาจะเทียบได้ ประเด็นสำคัญคือส่วนผสมและสมุนไพรที่จัดเตรียมที่นี่นั้นไม่ธรรมดา หลังจากรับประทานอาหารมื้อนี้แล้ว คาดว่าจะเพิ่มคะแนนแอตทริบิวต์ฟรีสองหรือสามแต้ม ซึ่งไม่สามารถซื้อด้วยเงินในตลาดนอกได้ โฮสต์เล่นต่อไปเถอะ ระบบจะไปกินต่อ”
ฟางหนิงไม่เงยหน้าและไม่ตอบกลับ สายตาจดจ่ออยู่แค่เกมออนไลน์ “ปังปัง” และเหลือบมองนิยายที่อัพโหลดตอนใหม่เป็นครั้งคราว
หากเทียบกับเวลาภายนอกแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปได้เพียงครึ่งวันเท่านั้น สำหรับเขา เป็นเวลากว่าครึ่งปีที่เข้าถูกตัดขาดจากโลกอินเทอร์เน็ต สำหรับเด็กเนิร์ดแบบเขา การที่ตัดขาดจากโลกอินเทอร์เน็ตเป็นเวลาครึ่งปี สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากได้กลับเข้ามาเล่นอีกครั้งนั่นก็คือ เล่นให้เต็มที่
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจอารมณ์ของเทพแห่งระบบแล้ว เขาต้องมีส่วนร่วมเพื่อให้เล่นได้อย่างสบายใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตัดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ต
ดังนั้น หลังจากที่เขารู้จากตัวแทนว่าคฤหาสน์กำลังจะจัดงานเลี้ยง เขาจึงปล่อยให้เทพแห่งระบบทำตาม
ระหว่างการเล่นเกมบนอินเทอร์เน็ตกับการเพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหาร เขาเลือกอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างแรกแน่นอน ดังนั้นฟางหนิงจึงทิ้งงานกินให้เทพแห่งระบบจัดการ ปรากฎว่าประสิทธิภาพการกินของเทพแห่งระบบนั้นเร็วกว่าเขามาก เขาให้เทคนิคการกินแบบสายน้ำแทนที่การกินแบบคนปกติ นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้…
ด้วยการสนับสนุนดังกล่าว ฟางหนิงตั้งใจที่จะไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเทพแห่งระบบ เขาเพียงแค่เล่นเกมออนไลน์ของเขาต่อไป
…………
หลังจากเล่นเป็นเวลานาน ฟางหนิงก็สามารถดึงระดับตัวละครในเกมออนไลน์กลับมาได้ เมื่อมองดูเวลา นี่ก็ผ่านไปสองวันสองคืนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ครั้งนี้เทพแห่งระบบควรจะมีช่วงเวลาในการกินที่ดีและมีความสุข เขาก็ใช้โอกาสนี้เพื่อให้มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน
แน่นอนว่ายังต้องฝึกฝน ฝึกฝนเสร็จแล้ว ทั้งคืนก็ไม่เหนื่อย!
ฟางหนิงถอนหายใจ หลังจากหยุดเล่นเกมเขาก็อ่านนิยายต่ออีกสักพัก ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในเวลานี้ภายในระบบนอกจากเสียงคอมพิวเตอร์แล้ว ก็ยังมีเสียงตีเหล็ก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าภายในระบบจะมีอะไรบางอย่างเข้ามาเป็นระยะๆ มันคืออะไรกัน?
ใช่แล้ว หลังจากที่เขาฝึกฝน “วิชาการแปลงร่างมังกร” สู่อาณาจักรแห่งการเป็นมังกรแล้ว ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก และความรู้สึกของพื้นที่ทั้งหมดในระบบก็อ่อนไหวมากขึ้น
ฟางหนิงคิดแล้วคิดอีก แม้จะรู้ว่าระบบดเหมือนจะมีประสบการณ์มากมาย แต่หากไม่ได้รับการดูแลจากเขาแล้ว คงไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน
ครั้งนี้เขาเล่นเกมออนไลน์คนเดียว ทิ้งมันไว้ให้กินคนเดียวถึงสองวัน แม้จะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นโดยตรง แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องอื่นตามมา
เขามองไปรอบๆ และในที่สุดก็พบปัญหา
มีอาหารจำนวนมากอยู่ในพื้นที่เก็บของสดของระบบซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้มันกองพะเนินไปด้วยจานที่เต็มไปด้วยสีสัน และมีกลิ่นหอม
“นี่มันอะไรกัน?” ฟางหนิงตระหนก ทักษะการทำอาหารของหุ่นตัวแทนยังไม่ได้รับการอัปเกรด จะทำอาหารเรืองแสงได้อย่างไร?
เป็นไปได้ไหมว่าเทพแห่งระบบกินมากเกินไป อาหารที่เขาทำเองที่สำนักสัจธรรม จึงเป็นเอฟเฟกต์พิเศษที่ทำโดยการปรุงอาหารระดับปรมาจารย์อย่างนั้นเหรอ?
เรื่องนี้ไม่ดีแน่ จะไม่เป็นการเปิดเผยตัวตนเหรอ?
ฟางหนิงคำราม “อย่าเพิ่งกิน ทำไมพื้นที่เก็บของสดถึงเรืองแสงออกมาได้? แกทำให้มันเป็นแบบนั้นรึเปล่า?”
ระบบตอบกลับ “ไม่ใช่”
ในที่สุด ฟางหนิงก็โล่งใจ ตอนนี้อัศวิน A เล่นใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเขาเปิดเผยตัวตนจริงๆ การพัฒนาขั้นต่ำของเขาจะล้มเหลว จะมีปัญหามากขึ้นในอนาคต และในที่สุดรากฐานที่เขาวางไว้จะพังลงไม่เป็นท่า
ฟางหนิงถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ระบบตอบ “อ้อ วันนี้ตอนเที่ยงระบบกินมาอิ่มนิดหน่อย ระบบอยากจะหยุด แต่รองประธานที่ชื่อ เฉียวอันผิง เห็นว่าระบบกำลังเรอ และอาหารทุกจานก็ถูกเสิร์ฟอีกครั้ง เขาจึงพูดว่า ไม่เป็นไร ถ้าหากกินไม่ไหวแล้วจะได้นำอาหารกลับ มันเกิดขึ้นตอนที่ระบบเห็นว่ามีอาหารมากมายที่สามารถเพิ่มพลังลมปราณและเลือดได้ ระบบจึงกินมันต่อไป เมื่อกินอาหารที่สามารถเพิ่มพลังปราณและเลือด มันจึงเรืองแสงออกมา”
ฟางหนิงแทบกระอักเลือด “ให้ตายสิ! ดูเหมือนว่าแกได้กินวัตถุดิบที่เลวร้ายในคลังของพวกเขาหมดแล้ว และเฉียวอันผิงก็อยากจะรักษาหน้า ดังนั้นเขาพอรู้สึกไม่ดีก็เลยตัดสินใจออกไปซื้อวัตถุดิบธรรมดาอย่างรวดเร็วเพื่อมาตบตาพวกเรา”
ระบบตอบกลับ “อืม เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดูเหมือนว่าระบบจะต้องกินต่อไป”
ฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็คุกเข่าลง “ท่านเทพแห่งระบบ แกจะกินแบบนี้ไม่ได้ ให้คนอื่นเขาได้กินด้วยเถอะ! ครั้งหน้าหากพวกเราช่วยเขาอีก เขายังจะให้เราเข้าไปอีกไหม? อย่างมากที่สุดจะถูกดึงลงมาหลังจากส่งรางวัลใหญ่ห้าสิบล้าน คงไม่มีใครเชิญไปกินแล้ว”
ระบบครุ่นคิด แล้วตอบตกลง “โฮสต์ต้องคิดระยะยาว เรื่องนี้เป็นการวางแผนระยะยาว พวกเราไม่สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองได้ ระบบได้ยินที่ผู้หญิงสองคนกระซิบว่า ของเหล่านี้หาซื้อไม่ได้จากตลาดข้างนอก และราคาที่ซื้อได้ไม่ใช่สิบเท่าหรือร้อยเท่า”
ฟางหนิงพูด “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็กินให้มันพอเหมาะหน่อย ท้ายที่สุด พวกเขาก็ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สามารถให้พวกเราจัดการกับพวกสัตว์ประหลาด”
………………………………………………………………….