เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 295
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 295 เยี่ยเม่ย คนเรามีชีวิตเดียวเท่านั้น
ในระหว่างที่เยี่ยเม่ยกำลังเตรียมความระวังมากขึ้น โคมไฟบนโต๊ะภายในห้องพลันสว่างวาบ
เยี่ยเม่ยมองเห็นใบหน้าคุ้นเคย
ส่วนคนผู้นั้นก็กำลังมองนางเงียบๆ ความซึมเศร้าบนหน้าเขาไม่ด้อยไปกว่าเยี่ยเม่ยเลย ทั้งยังดูมีความเสียใจอยู่บ้าง ดวงตาแดง ท่าทางอยู่ในอารมณ์จมดิ่ง
เยี่ยเม่ยมุ่นคิ้ว ถามเสียงนิ่งว่า “ท่านเป็นอะไรแล้ว”
ระยะเวลาที่รู้จักเขาไม่นานมาก ทว่าก็ไม่นับว่าสั้นเกินไป อาจารย์ผู้นี้ของนาง ทุกคนที่ได้พบกันล้วนมีท่าทางตลกขบขัน เป็นครั้งแรกที่เห็นเขามีสีหน้าเสียใจเช่นนี้ นางแทบสงสัยว่าตัวเองจำคนผิดไปหรือเปล่า
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ฝืนยิ้มอกมา จ้องมองเยี่ยเม่ย “เจ้าจำเรื่องในอดีตได้แล้วใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง!” เยี่ยเม่ยตอบรับออกไป อารมณ์ดำดิ่งถึงขีดสุด ย้อนถามกลับไปว่า “หรือท่านเข้าใจสถานการณ์ของข้า ถึงได้เสียใจเพราะข้า”
คงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอกกระมัง
จากอายุรวมถึงการฝึกตนของผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่คงไม่เสียใจเพราะความรักของนางจนถึงขั้นนี้ อีกทั้งความสัมพันธ์ของนางกับเขาก็หาได้ล้ำลึกนัก
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ส่ายหน้าไปมา จากนั้นหันข้างหลบสายตาเยี่ยเม่ย ใช้ชายเสื้อซับน้ำตาที่หางตา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ศิษย์พี่สามของเจ้าหมิงอิ๋นเซี่ยว เขา…จากไปแล้ว”
เยี่ยเม่ยพลันตกตะลึง มองผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่เอ่ยประโยคนี้จบก็ปาดน้ำตาที่หางตาอีกครั้ง นางรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
ความจริง บนโลกนี้ใครก็มีชีวิตไม่ง่าย
คนอย่างผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ คล้ายไร้หัวจิตหัวใจ เอาแต่หยอกล้อเล่นสนุกไปวันๆ ก็มีเวลาเสียใจเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงนางเลย
ในขณะคิดอยู่นั้น ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่สะอื้น เอ่ยปากว่า “เจ้าเด็กโง่นั่น ปีนั้นข้าเคยบอกเขาแล้ว วิชาสุดท้ายของมังกรหลวงพิฆาตรุนแรงไม่อาจใช้ได้ เมื่อใช้ออกมาแล้วเส้นชีพจรขาดสะบั้นจนตาย ใช้ออกไปแล้วก็ไม่มีโอกาสย้อนคืนอีก ทั้งจะไม่มีชาติหน้าอีกด้วย ข้ายังทำกระทั่งปิดผนึกห้าธาตุเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะมีวันนี้ แต่เขาดันใช้มันเพื่อเชื่อสตรีที่รักจนได้ เจ้าว่าเจ้าเด็กบ้านี่โง่งมหรือไม่ ทำให้ข้าผู้เป็นอาจารย์…ต้องส่งคนผมดำ”
ครั้นเอ่ยจบแล้ว น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
เยี่ยเม่ยมองท่าทางเสียอกเสียใจของเขา ชั่วขณะแรกไม่รู้จะปลอบอย่างไร ทว่าก็อดไม่ไหวปลอบว่า “ศิษย์พี่สามเขาเป็นผู้มีความรักอย่างลึกซึ้งผู้หนึ่ง”
“ถูกต้อง!” ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่พยักหน้า กระบอกตาแดงเรื่อมองเยี่ยเม่ย “ศิษย์เอ๋ย อาจารย์ขอเตือนเจ้าไว้ ยามคนเรามีชีวิตอยู่โอกาสคว้าไว้ได้ก็ต้องคว้าเอาไว้ มิเช่นนั้นเมื่อตายแล้วทุกอย่างก็สายเกินไป หากข้ามองไม่ผิด เป่ยเฉินเสียเยี่ยน…ก็เป็นคนมั่นรักลึกซึ้งผู้หนึ่ง”
เยี่ยเม่ยอึ้งไป ไม่เข้าใจความหมายของอาจารย์ในทันที “อาจารย์ ความหมายของท่านคือ…”
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ลุกขึ้น เตรียมจากไป “ข้าต้องไปเซ่นไหว้ศิษย์พี่สามที่ผืนแผ่นดินอีกแผ่นหนึ่ง จึงต้องจากไปช่วงหนึ่ง หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็เอาป้ายหยกนี้ไปให้กูเยว่อู๋เหินศิษย์พี่ใหญ่เจ้าช่วย เขาต้องเห็นแก่หน้าข้า สิ่งที่ช่วยได้ก็จะช่วยเจ้าเอง”
เมื่อเอ่ยแล้ว ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ก็วางป้ายหยกไว้บนโต๊ะ
เมื่อเห็นเยี่ยเม่ยจ้องตน ซ้ำยังรอให้ตนตอบคำถามออกไปเขาจึงเอ่ยว่า “ส่วนความหมายของข้าคืออะไรนั้น เจ้าต้องค่อยๆ ตระหนักรู้เอาเอง รอเจ้าตระหนักได้แล้ว เจ้าก็รู้ว่าควรทำอย่างไร เยี่ยเม่ย ชีวิตคนเรามีเรื่องเกินความสามารถมากมาย แต่ว่าชีวิตมีเพียงครั้งเดียว เจ้าหนีพ้นจากความตายได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็สมควรรู้ว่ายากเย็นเพียงไหน ยิ่งสมควรถนอมมันไว้ เจ้าจงจำไว้ ชีวิตของเจ้ากับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
เขาเน้นย้ำว่า ชีวิตของนางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีแค่ครั้งเดียวอีกครั้งหนึ่งก็จากไปแล้ว
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่อยู่ในอารมณ์ตกต่ำสุดขีด จึงไม่ทันสังเกตเห็นขลุ่ยหยกโลหิตที่กูเยว่อู๋เหินมอบให้ตรงเอวนาง ต่อให้พบเห็นแล้วเขาก็มิมีความคิดจะเยาะเย้ยหรือหยอกเย้า เขาดูคล้ายแก่ลงไปอีกหลายปี เดินไหล่ตกจากไป
เยี่ยเม่ยเหม่อมองแผ่นหลังของผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ไม่ได้สติอยู่นาน นางคิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างอาจารย์นาง ยามเมื่อเสียใจแล้วจะเป็นถึงขั้นนี้
บนโลกนี้มีคนดูแล้วเหมือนไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่ปกติทว่ากลับเป็นคนมีคุณธรรมน้ำใจมากผู้หนึ่ง
นางหลับตาลง ค่อยๆ ถอนหายใจ จากนั้นลืมตาขึ้น ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ออกไปแล้ว เยี่ยเม่ยมองเงาหลังของเขา เอ่ยเบาๆ “อาจารย์ รอมีเวลาว่าง ข้าจะไปเซ่นไหว้ศิษย์สามด้วยเช่นกัน!”
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ชะงักฝีเท้า ปาดน้ำตาพยักหน้า “ดี! เด็กอย่างพวกเจ้า แต่ละคนล้วนเป็นพวกทึ่ม เยี่ยเม่ย เจ้าต้องใคร่ครวญคำพูดของอาจารย์ให้ดี ต้องทำให้ได้!”
“อืม!” เยี่ยเม่ยพยักหน้า
นางเชื่อว่าอาจารย์ของตนมีชีวิตมานานขนาดนี้ สิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่เขาพบเจอ ประสบการณ์ของเขาต้องมากกว่านางแน่ นางจะต้องใคร่ครวญความหมายของคำพูดของอาจารย์ที่ว่านางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีชีวิตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่จากไปแล้ว
เยี่ยเม่ยนั่งเงียบๆ อยู่สักพัก บนหลังคาก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เมื่อฟังจังหวะเสียงฝีเท้านั้น เยี่ยเม่ยก็รู้ได้ว่าผู้มาคือใคร
นางนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ไม่ช้า จิวมั่วเหอก็ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้า
จิวมั่วเหอมาถึงก็นั่งลงเบื้องหน้าเยี่ยเม่ยอย่างไม่เกรงใจ รินน้ำชาให้ตัวเองจอกหนึ่ง เอ่ยปากว่า “อยากพบเจ้าสักครั้ง ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
เยี่ยเม่ยฟังแล้วก็ไม่เอ่ยอะไร
สายตาของเขาจับจ้องป้ายหยกบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ถามว่า ”นี่คือป้ายหยกของอะ…ของ ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่หรือ”
เขาไม่ลืมว่า อาจารย์ตัวแสบของตนสั่งมิให้เขาบอกเยี่ยเม่ยว่า เขาก็เป็นศิษย์เช่นกัน จึงได้แต่แก้คำเรียกขาน
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ไม่ปิดบัง “ใช่ เขาจะออกไปจากดินแดนแห่งนี้สักระยะหนึ่ง เห็นบอกว่าศิษย์พี่สามของข้าตายแล้ว เขาจะไปเซ่นไหว้ด้วยตัวเอง”
จิวมั่วเหอฟังแล้ว ก็พูดไม่ออก “ทำไมถึง…”
ถึงเขาไม่เคยพบศิษย์น้องสามมาก่อน แต่ว่าได้ยินจากปากอาจารย์มาตลอด ซ้ำยังมีความรู้สึกแปลกใจในตัวศิษย์ผู้นี้ รวมถึงเกิดความรู้สึกดีๆ ด้วยไม่น้อย ในใจเขาเฝ้ารอว่าเมื่อจบเรื่องอำนาจของต้ามั่วเมื่อไหร่ บางทีหากมีเวลาว่างจะไปหาศิษย์น้องผู้นี้เพื่อทดสอบฝีมือบ้าง
อยู่ดีๆ ไฉนถึงได้…
“อาจารย์บอกว่าเจ้าคือศิษย์ของศิษย์พี่อาจารย์ ดังนั้นเรื่องนี้บอกท่านไปก็ไม่เป็นไร อาจารย์กลัวหลังจากจากไปแล้ว ข้าจะไม่มีคนช่วยเหลือ จึงทิ้งป้ายหยกอันนี้ไว้ให้ข้า บอกให้ข้าไปให้กูเยว่อู๋เหินช่วยเหลือ” เยี่ยเม่ยเอ่ยอย่างรวดเร็ว
ระหว่างเอ่ยนั้นดวงตานางแดงขึ้น “เห็นอาจารย์ที่ดูไม่อินังขังขอบ เสียใจเพราะเรื่องของศิษย์พี่สาม ข้าเองรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง!”
จิวมั่วเหอสงบอารมณ์ตัวเอง ในใจเขาก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน ถึงเอ่ยปากถาม เยี่ยเม่ยว่า “ได้ยินว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสลบไป เจ้ากับเขาหมั้นหมายกัน ระหว่างเจ้ากับเขา…”
“เป็นเรื่องในอดีตแล้ว!” เยี่ยเม่ยตัดบท ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก จ้องตาจิวมั่วเหอ เอ่ย “ข้าคิดว่าท่านคงไม่ได้จะมาหาข้าเพราะเรื่องซุบซิบนินทาหรอกกระมัง จิวมั่วเหอ ท่านสมควรลงมือทำอะไรบ้างแล้ว!”
เมื่อนางเอ่ยออกมา จิวมั่วเหอเงยหน้ามอง “ความหมายของเจ้าคือ”
ทำไมเขารู้สึกว่า เยี่ยเม่ยเปลี่ยนไป