เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 296
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 296 ทำลายหมากห้าก้าวของเป่ยเฉินอี้!
ทุกอย่างไม่เหมือนจากตอนเริ่มต้นที่เยี่ยเม่ยเป็นฝ่ายรอถูกกระทำ รวมถึงมีท่าทางไม่ยี่หระของนาง
ทว่าในเวลานี้ คล้ายนางมีพลังมุ่งมั่นเอาชนะกระแสหนึ่งแผ่พุ่งออกมา เขามองเห็นประกายคมกริบภายในดวงตาของเยี่ยเม่ย นางเริ่มส่งสัญญาณเตือนเขา ในฐานะขุนนางเขาก็ตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของนาง
เยี่ยเม่ยไม่มีอารมณ์ถกเรื่องนางเปลี่ยนไปหรือไม่กับเขา เพียงแต่เปลี่ยนสีหน้า จ้องเขาอย่างเย็นชา เอ่ยว่า “ข้าเพียงคิดว่า ในเมื่อท่านมีวิธีจัดการเรื่องได้ง่ายดาย ไฉนต้องมาลอบหยั่งเชิงความสามารถของข้าให้ได้ การร่วมมือ ไม่ใช่ทำกันเช่นนี้!”
ครั้นนางเอ่ยออกมาเช่นนี้ จิวมั่วเหอกลับคลี่ยิ้ม นัยน์ตาสีฟ้ามองนาง ถามว่า “เจ้ารู้ว่าข้ามีหนทางแก้ไข?”
“หากท่านคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าตนเองมีวิธีแก้ไข ข้าก็พร้อมแนะนำท่านโดยไม่ถือสา!” เยี่ยเม่ยตอบกลับเสียงนิ่ง น้ำเสียงหาได้อารมณ์ดีนัก
จิวมั่วเหอตบมือพร้อมกับหัวเราะออก “ดี! ฉลาดมาก! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ครั้งก่อนตอนที่ข้ามาหาเจ้าเพื่อให้เจ้าระวังการร่วมมือระหว่างเป่ยเฉินอี้กับราชาต้ามั่ว ไฉนเจ้าถึงไม่เสนอช่วยข้าแก้ปัญหา”
“เพราะข้ารู้ว่าท่านหยั่งเชิงข้า” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ สายตาเยี่ยเม่ยเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “เมื่อก่อนข้าไม่สนใจ อย่างไรเสียหลังจากจบสงครามที่ชายแดนนี้ ข้าก็ไม่มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เล่นเป็นเพื่อนพวกท่าน ประลองปัญญากับเป่ยเฉินอี้ ฝึกฝนตัวเองสักหน่อยก็ได้! แต่ว่า…”
สีหน้าเยี่ยเม่ยเปลี่ยนไปเคร่งขรึม “แต่ว่าข้ายังมีธุระอื่นต้องจัดการ ไม่อาจเสียเวลากับพวกท่านได้แล้ว! ท่านพูดมาคำเดียวว่าเป่ยเฉินอี้กับราชาต้ามั่วร่วมมือกัน ท่านจะช่วยทำลายพวกเขาหรือไม่”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงนางหนักแน่นขึ้น
ยามนี้จิวมั่วเหอเข้าใจแล้วว่า เขาไม่อาจชมละครสนุก นั่งหัวเราะได้อีกแล้ว เขามองสตรีเบื้องหน้า เอ่ยช้าๆ ว่า “แต่ว่าจะให้ข้าจัดการเรื่องนี้ ข้ายิ่งมีเรื่องให้ทำมากขึ้น การร่วมมือกันไม่ยุติธรรมแล้ว!”
“แต่ความจริงคือท่านจัดการเรื่องนี้จะทำได้ง่ายกว่ามาก!” เยี่ยเม่ยวิเคราะห์
นางย่อมรู้ว่าสำหรับการร่วมมือของคนทั้งสอง ไม่ว่าใครจัดการเรื่องนี้ คนผู้นั้นย่อมลงแรงมากกว่า ถึงขั้นเรียกได้ว่าเสียเปรียบด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้นางไม่กลัวตัวเองเสีบเปรียบ เพราะนางไม่ใช่ขุนนางการเมือง ทั้งนางไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์อันใด เพียงกำลังคิดพิสูจน์ความสูงต่ำกับเป่ยเฉินอี้เท่านั้น ทว่าเวลานี้นางไม่อาจเสียเวลาได้อีก!
จิวมั่วเหอพยักหน้า “เจ้าพูดก็ถูก!”
ก็ถูก ถ้าลงมือจากฝั่งของเขา เรื่องจะทำได้ง่ายมากขึ้น
เยี่ยเม่ยเอ่ยต่อ “อีกอย่างการศึกครั้งนี้ สำหรับท่านและข้าจะต้องชนะทั้งสองฝ่าย! ในเมื่อต่างบรรลุเป้าหมาย อย่างนั้น…ไฉนต้องใส่ใจผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ด้วยเล่า คนจะสำเร็จการใหญ่ ไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิม! ท่านน่าจะรู้ว่าโอกาสเช่นนี้ หากท่านพลาดไปแล้ว ภายหน้าก็ไม่มีอีก!”
พวกขุนนางการเมืองล้วนคิดคำนวณเก่งกาจ เยี่ยเม่ยรู้ดีว่าจิวมั่วเหออาจไม่ยินยอมเสียเปรียบ
ดังนั้น นางได้แต่ใช้คำพูดโน้มน้าวเขา!
จิวมั่วเหอฟังถึงตรงนี้ เขาใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ หลายครั้ง สุดท้ายก็คลี่ยิ้มตอบว่า “เยี่ยเม่ย ข้าต้องยอมรับว่า เจ้าเกลี้ยกล่อมข้าสำเร็จแล้ว!”
จากการคำนวณของเขา ข้อเสียเปรียบใหญ่แบบนี้ หากเยี่ยเม่ยไม่เสนอค่าตอบแทนชัดเจนออกมา เขาไม่มีทางตกลง
แต่ว่า…
นางไม่คิดจะจ่ายค่าตอบแทนออกมาเลยสักน้อย ส่วนเขาก็คิดจัดการเรื่องนี้แล้ว เพราะนางจับจุดสำคัญของเรื่องได้ นั่นก็คือ…
โอกาสครั้งนี้หาได้ยากยิ่ง หากพลาดไปแล้ว ภายหน้าก็ไม่แน่ว่าจะมีอีก
เขาจิวมั่วเหออดทนกล้ำกลืนอยู่ในวัดมานานหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบโอกาสเช่นนี้ เมื่อพลาดครั้งนี้ไป จะมีโอกาสอีกคงต้องรอหลายปี เขาย่อมไม่พลาด
อีกอย่างหนึ่ง
ก่อนอาจารย์จากไป ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรก็ตามได้สั่งการให้นางไปขอความช่วยเหลือจากกูเยว่อู๋เหิน เช่นนั้น…ในฐานะศิษย์พี่รองที่ไม่อาจแสดงฐานะของตนออกไปได้ ถอยให้นางสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียน้ำใจของศิษย์พี่น้องร่วมสำนักก็หายากยิ่ง ศิษย์น้องสามยังไม่ทันได้พบหน้าก็…
ใครจะรู้ว่าอีกไม่กี่วันข้าง อาจไม่มีโอกาสได้ดูแลศิษย์พี่ศิษย์น้องอีกแล้วก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ จิวมั่วเหอลุกขึ้น เอ่ยปากว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเร่งลงมือ ทำให้ความร่วมมือระหว่างราชาต้ามั่วกับเป่ยเฉินอี้พังทลายลง! ศัตรูของพวกเราคือเป่ยเฉินอี้ เจ้าเองก็ต้องระวังไว้ด้วย!”
“ข้าเข้าใจ!” เยี่ยเม่ยตอบรับทันควัน จากนั้นกล่าวนิ่งๆ “กรำศึกกับเป่ยเฉินอี้ ข้าไม่มีทางคลายความระวังแม้แต่วินาทีเดียว! เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ลอบจู่โจมสองครั้ง ครั้งแรกน่าแปลกมาก คล้ายกับเขาจงใจยอมแพ้ ตอนนั้นทุกคนต่างคิดว่าระหว่างทางต้องมีคนดักซุ่มโจมตีอยู่ ข้าสั่งให้คนติดตามไป ตอนนั้นข้ายังไม่เข้าใจเหตุผล แต่ก็สั่งให้คนไล่ตามแล้ว…”
เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ สายตาเยี่ยเม่ยเย็นวาบเอ่ยเสียงเบาลง “ความจริงมาจนถึงบัดนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้ ภายในต้องมีปัญหาอะไรแน่ ทั้งต้องเป็นฉากที่เป่ยเฉินอี้จัดไว้อย่างแน่นอน!”
“เรื่องนี้ข้าเองก็สงสัยเช่นกัน!” จิวมั่วเหอพูดไป พลางเอ่ยต่อว่า “ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่หนีกลับมา เดิมทีข้าคิดมาปรึกษาเจ้า แต่ได้ข่าวว่าเจ้าออกจากเมืองไปอย่างไร้สาเหตุจึงไม่ได้หารือกับเจ้า ข้าเองก็คิดเหมือนเจ้า ไม่แน่เรื่องนี้อาจเป็นหนึ่งในแผนการของเป่ยเฉินอี้! ก่อนหน้านี้เขาเคยเอ่ยแล้วว่าจะกำจัดเจ้าภายในหมากห้าก้าว”
“หมากของเขาสับสนแล้ว!” เยี่ยเม่ยแค่นเสียงเบาๆ เอ่ยเสริมต่อ “หากเขาคิดกำจัดข้า มีแต่ต้องวางหมากใหม่เท่านั้น เขาได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารข้าและกำจัดจิ่วหุนไปแล้ว”
จิวมั่วเหอมองเยี่ยเม่ยด้วยความสงสัย “อธิบายได้หรือไม่”
“ก้าวแรก คำนวณเวลาที่จิ่วหุนพิษกำเริบ ทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องพักฟื้นฟูพลังหลังช่วยรักษาจิ่วหุน จากนั้นส่งคนไล่สังหารจิ่วหุน ก้าวที่สอง เปิดโปงฐานะของจิ่วหุน ทำให้เหล่าแม่ทัพที่ชายแดนไม่ช่วยเขา ทั้งยังบีบให้ข้ามอบตัวเขาออกไป ก้าวที่สาม แสร้งทำตัวเป็นคนดี แสร้งกลัวว่าข้าจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วยจึงมาเตือนข้า ทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนช่วยแบกความผิดแทนจิ่วหุน”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ สายตาเยี่ยเม่ยเผยความชื่นชม เอ่ยต่อ “เดิมทีหมากที่เขาเตรียมไว้ก้าวที่สี่ น่าจะเป็นร่วมมือกับราชาต้ามั่ว ค่อยๆ เริ่มสร้างฐานะสายลับของต้ามั่วให้กับข้า ทั้งยังฉวยโอกาสเรื่องที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแบกรับความผิดแทนจิ่วหุน บอกว่าเขาถูกข้าล่อลวง จากนั้นปลุกปั่นให้เหล่าแม่ทัพทหารลงมือจัดการข้าโดยไม่สนใจเป่ยเฉินเสียเยี่ยน”
เอ่ยถึงตอนนี้เยี่ยเม่ยหันกลับมองจิวมั่วเหอ หัวเราะเสียงเย็นชา “อย่างนั้นก้าวที่ห้าของเขาก็คือ ให้ข้าไปขอยาที่หมู่ตึกกูเยว่ ระหว่างทางกลับ ก็ทำเหมือนกับว่าช่วยซือถูเฟิงสังหารจิ่วหุนเช่นนั้น ช่วยทุกคนสร้างโอกาสสังหารข้า กระทั่งเขาลงมือกำจัดข้าเองก็ยังได้ เขาคำนวณได้ว่าข้าต้องปกป้องยาพวกนั้นไว้ด้วยชีวิต อย่างนั้นโอกาสสังหารข้าย่อมสูงขึ้นไปด้วย เช่นนี้ไม่เพียงข้าตายเท่านั้น ซ้ำยังตายหลังจากสูญเสียความเชื่อใจของกองทัพชายแดนไปแล้วด้วย แม่ทัพทั้งหลายย่อมยินดีกับความตายของข้า ต่อให้ข้ามีชีวิตรอดกลับมา เพราะฐานะสายลับของข้า ก็จะสูญเสียความเชื่อใจของทหารไป”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ จิวมั่วเหอสูดลมหายใจลึก “เป่ยเฉินอี้ คาดคำนวณได้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ไฉนเขาถึงเปลี่ยนแผนการแล้วเล่า”