เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 306
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 306 เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วย
ฮ่องเต้เพิ่งได้สติหลังจากความตกใจ จากนั้นได้ฟังว่าเซี่ยโหวเฉินมีแผนการ เขาก็รีบตรัสว่า “เจ้ามีแผนอะไร ก็ว่ามา”
เซี่ยโหวเฉินเอ่ยปาก “เชื่อว่าฝ่าบาททรงรู้ว่า เป่ยเฉินอี้ปักใจต่อจงเจิ้งซีมาก เช่นนั้นอี้อ๋องเห็นเยี่ยเม่ยจะคิดอย่างไร ก็ยากบอกได้แล้ว”
ฮ่องเต้ทรงย่นพระขนง ไม่อาจสงบอารมณ์ได้เป็นเวลานาน ค่อยตรัสถามอีกครั้งว่า “ แต่เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าคนทั้งสองมีหน้าตาเหมือนกันอย่างไม่ผิด”
“หากรูปวาดที่กระหม่อมได้รับมาไม่ผิดพลาด เช่นนั้นอาจบอกได้ว่าพวกนางทั้งสองคนก็มีหน้าตาเหมือนกันจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาว่ามีหน้าตาเหมือนกันเท่านั้น
เมื่อเซี่ยโหวเฉินตอบ ยามนี้ฮ่องเต้พลันขวดพระขนงแน่น
จ้องเซี่ยโหวเฉิน “ดังนั้นเจ้าคิดว่า สามารถใช้สตรีนางนี้ทำให้พวกเขาต่อสู้กันจนต้องแตกหัก?”
“ฝ่าบาททรงปรีชา!” เซี่ยโหวเฉินเอ่ยออกมาทันทีพร้อมค้อมเอวลง
ฮ่องเต้ตรัส “เจ้าบอกรายละเอียดมา แผนการของเจ้าเป็นอย่างไร!”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
……
ชายแดน
เยี่ยเม่ยอยู่ในค่ายทหาร หลังจากหารือเรื่องการจัดเตรียมทหารกับคนทั้งหมดเสร็จสิ้น นางก็พาจิ่วหุนออกจากค่าย
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะก้าวออกประตูมาก็พบกับคนที่หลายวันนี้นางไม่อยากพบมากที่สุด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เขายืนอยู่ไม่ไกลออกไป มองนางนิ่งๆ ใบหน้าหล่อเหล่าเล่ห์ร้ายยังคงซีดขาว บนร่างเขายังคงแผ่ความสง่างามเหมือนเคย เมื่อเห็นเยี่ยเม่ยออกมา เรียวคิ้วของเขาก็ขยับ
ชุดต่วนสีฟ้าสลับขาวทำให้ความคมกริบบนร่างเขาลดลง ทว่าคล้ายกับสายลมมิอาจจับต้องได้
เยี่ยเม่ยความคิดหมุนคว้างไปหลายตลบ เสี้ยวนาทีที่นางเห็นเขาก็รู้สึกคลายใจ แต่นางไม่แสดงออกทางสีหน้า เดินผ่านร่างเขาไปราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ยามที่นางเดินผ่านข้างกายเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
น้ำเสียงน่าฟังพลันดังขึ้น น้ำเสียงยังแฝงความเย้ายวน “เยี่ยเม่ย เห็นเยี่ยนแล้วไม่คิดจะทักทายกันสักคำเชียวหรือ”
เยี่ยเม่ยชะงักงัน เบือนหน้ามองเขาทีหนึ่ง
เห็นเขามีท่าทางคล้ายไม่เป็นอะไร เหมือนกับว่าก่อนหน้านางไม่เคยเอ่ยวาจาตัดเยื่อใยกับเขามาก่อน สายตาที่มองนางนิ่งๆ ทำให้เยี่ยเม่ยจับความคิดของเขาไม่ถูก
เหล่าแม่ทัพเดินออกมาจากกระโจม เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต่างก็แยกย้ายจากไปอย่างรู้งาน จิ่วหุนเห็นเยี่ยเม่ยยืนตะลึงนิ่ง เขาใช้ความคิดแล้วก็ชิงเดินจากไปเช่นกัน
ในเมื่อเยี่ยเม่ยตัดสินใจปล่อยเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไปแล้ว เช่นนี้เขาก็ไม่ต้องมุ่งเป้าไปที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอีก
เยี่ยเม่ยระบายลมหายใจออกมา มองอีกฝ่ายเอ่ยนิ่งๆ ว่า “เดิมทีข้าคิดว่า ภายหน้าท่านจะไม่พูดคุยกับข้าอีกแล้ว ข้ารู้สึกว่า หากท่านยังพอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ก็ไม่สมควรสนทนากับข้าอีก…”
นางยังไม่ทันเอ่ยจบ จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกแรงดึงนางเข้าไปกอด
เยี่ยเม่ยชักมีดสั้นออกจากแขนเสื้อทันที แววตาอำมหิต ทว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคว้ามือที่จับมีดสั้นของนางเอาไว้ทันที จากนั้นจ่อมาที่อกเขา ค่อยๆ เอ่ยว่า “คิดจะลงมือกับเยี่ยนอีกหรือ มา แทงลงไปที่ตรงนี้แรงๆ ไม่ต้องลังเล อย่างไรเสียคำพูดของเจ้าก็แหลมคมมากกว่าคมมีดนี้มาก กับแค่มีดแทงเยี่ยนไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด!”
เขาเอ่ยไปพลางออกแรงดึงข้อมือเยี่ยเม่ยช่วยแทงมีดใส่ตน
ครั้นเห็นมีดแทงถึงหน้าอกเขา ไม่ช้าเลือดไหลออกมาจากสาบเสื้อบริเวณหน้าอกเขาอีกครั้ง ทว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังจับข้อมือนางไว้ ออกแรงแทงเข้าไปตรงหัวใจ เยี่ยเม่ยในยามนี้เริ่มลนลานแล้ว
นางรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
หากนางยังไม่หยุดมือ เขาคงแทงมีดสั้นเล่มนี้ทะลุหัวใจตัวเองจริงๆ เยี่ยเม่ยออกแรงดึงข้อมือออกจากฝ่ามือเขา จ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยแววตาเย็นเยียบ แผดเสียงดัง “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านจะเอาอย่างไรกันแน่ ท่านก็รู้เป้าหมายของข้าแล้ว ต่อให้ท่านจะเป็นศัตรูกับข้าก็ดี แต่อย่าได้พัวพันรบเร้าไม่เลิกอีกได้ไหม”
ถูกแล้ว ต่อให้คนทั้งสองกลายเป็นศัตรูกัน ก็ยังดีกว่าทำเช่นนี้
ดีกว่าการรบเร้าพัวพันครั้งแล้วครั้งเล่า รังแต่ทำให้ต่างฝ่ายต่างถลำลึกไป นางกลัวว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงไม่อาจหนีออกมาได้อีก
“เป็นศัตรู?” เขาพลันยิ้มออก จ้องสตรีเบื้องหน้า มือโอบเอวนางไว้ เอ่ยออกมาช้าๆ ทีละคำ “เยี่ยนไม่ใช่ไม่เคยคิดมาก่อน! เยี่ยนเคยคิดจะทำให้เจ้าไม่อาจเข้าสู่ราชสำนักได้ ทำให้เจ้าต้องลำบาก บีบให้เจ้าต้องยอมสยบ กลับมาอยู่ข้างกายข้า…”
ยิ่งเขาเอ่ยคำพูดเหล่านี้ เยี่ยเม่ยยิ่งตื่นเต้น
ไม่ว่าอย่างไร นางรู้จักอิทธิพลของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่มีต่อราชสำนักเป่ยเฉินดี ขอเพียงเขาดึงดันไม่ยอมให้นางเข้าสู่ราชสำนัก เชื่อว่าใครก็ไม่กล้าขวาง อย่างนั้นเรื่องที่นางต้องการทำก็ยิ่งยากแล้ว
จากนั้น
น้ำเสียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันขรึมลงหลายส่วน เขากล่าวต่อ “แต่ว่าข้าทำไม่ได้ เยี่ยเม่ย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่ จะเป็นศัตรูกับเจ้าก็ต้องทำให้เจ้าไม่อาจสมหวัง ต่อให้บอกว่าเจ้าทำไปเพราะหลอกใช้ แต่ข้าก็ไม่ยินยอมปล่อยให้เจ้าทุกข์ใจแม้แต่น้อย!”
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ย เยี่ยเม่ยพลันนิ่งลง ในใจเจ็บปวดขึ้นมาเป็นระลอกๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ทั้งไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าเขาอย่างไรดี ทว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเสียจนน่ากลัว ทั้งๆ ที่อยากกอดเขามาก แต่นางกลับไม่กล้า
ไม่กล้า
ไม่กล้าดึงเขาตกสู่ขุมนรก จมดิ่งถลำลึกลงไปด้วยกัน
เห็นนางนิ่งเงียบไม่พูดจา สุดท้ายสีหน้าเย็นชาก็หวั่นไหวอยู่บ้าง เขายิ่งกระชับวงแขนกอดนางเข้าสู่อ้อมอก ฝ่ามือใหญ่กดหัวนางจมลงไปที่อกเขา
น้ำเสียงน่าฟังของเขาค่อยๆ กล่าว “เยี่ยเม่ย พวกเราทำเหมือนเรื่องเมื่อคืนไม่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า ต่อไปไม่ว่าเจ้าจะพูดจาเสียดแทงใจอย่างไร เยี่ยนจะทำเป็นเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อน เจ้าคิดว่าเยี่ยนไร้ยางอายก็ดี สรุปแล้วข้าไม่ปล่อยมือแน่”
เยี่ยเม่ยเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทว่ายังตวาดเสียงเย็น “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านอย่าบีบบังคับข้า!”
เขาถอนหายใจเบาๆ เดาได้แต่แรกว่านางต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ น้ำเสียงเขาอ่อนลงบ้าง “ข้ามิได้บีบบังคับเจ้า ภายหน้าหากเจ้าต้องการข้าก็ใช้งานมาได้เต็มที่ ยามเจ้าไม่อยากพบข้า ก็ให้ข้าไสหัวไป ข้าจะไม่ปฏิเสธความต้องการของเจ้า ทั้งไม่ทำให้เจ้าไม่สบายใจ ให้ข้าติดตามเจ้าเช่นนี้ ดีหรือไม่”
เยี่ยเม่ยที่ซุกอยู่ในอกเขา กระบอกตาเต็มไปด้วยน้ำตา ทว่าไม่กล้าส่งเสียง กลัวว่าคำพูดตัวเองปนน้ำเสียงสะอื้น
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของนาง เขาก็นิ่งไป ดวงตาก็แดงรื้นขึ้นเช่นกัน กล่าวช้าๆ “เยี่ยเม่ย ข้ารู้ว่าตัวเองเป็นเช่นนี้ไม่ได้เรื่องเลย ข้าก็รู้ว่าเจ้าจะดูแคลนข้า ความจริง…ข้าเองก็ดูแคลนตนเองเช่นกัน แต่ว่าข้ายังจะทำอะไรได้เล่า ลืมเจ้าข้าก็ทำไม่ได้ ฆ่าเจ้าข้าก็ทำไม่ลง เยี่ยเม่ย เจ้าเชื่อไหม เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เป็นแค่คนไร้ความสามารถคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
ชั่วชีวิตเขาดูแคลนคนไร้ความสามารถมากที่สุด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับนาง เป็นครั้งแรกที่เขากลับคิดว่าตนเองก็เป็นคนอ่อนแอ เมื่ออยู่ต่อหน้านางที่เย็นชาไร้หัวใจ เขาไร้เรี่ยวแรงจะต่อกร
เยี่ยเม่ยหลับตา สะกดอารมณ์ไว้ “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วย”