เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 307
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 307 ความรักทำให้คนตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เหตุใด?
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเองก็ไม่รู้ แต่เขาวางไม่ลง แล้วจะให้ทำอย่างไรได้
เยี่ยเม่ยเสียงแหบพร่าเอ่ยออกไปเบาๆ “ข้ามีคนที่ชอบแล้ว หวังว่าท่านจะไม่รบเร้าข้าอีก ข้าไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ!”
เมื่อเยี่ยเม่ยตอบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสั่นสะท้าน
ก้มหน้ามองนางคล้ายไม่เชื่อ ฝ่ายเยี่ยเม่ยก็รีบผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว
มองเขาด้วยสีหน้าเย็นเยือก “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านน่าจะรู้ว่าความรัก นอกจากการติดพันแล้ว ยังมีการสนับสนุน ข้าหวังว่าท่านจะสนับสนุนข้า ไม่ทำอะไรไม่ดีกับเขา ไม่เช่นนั้นบางทีข้าอาจจะต้องตายเท่านั้น”
นัยน์ตาเล่ห์ร้ายของเขากลอกมองนางด้วยความสงสัย เห็นสีหน้าจริงจังของเยี่ยเม่ยเหมือนกับคำพูดเป็นความจริง มือของเขาก็ค่อยๆ กำแน่น
เขาฝืนฉีกยิ้มออก เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะระวัง! ไม่ทำ…ไม่ทำให้เขาเข้าใจผิด!”
ที่แท้นางชอบคนอื่นแล้วหรือ
“ท่าน…” เยี่ยเม่ยจนคำพูด นางไม่อยากทรมานเขา นางปวดใจที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้จริงๆ เยี่ยเม่ยเอ่ยเสียงเย็นชา “หรือว่าท่านมองไม่ออก เพื่อหลอกใช้ท่าน ข้าจึงแสร้งชอบท่าน ยามนี้คนที่ข้าชอบจริงๆ ปรากกฏตัวแล้ว ถึงได้สลัดท่านทิ้ง ท่านทำเช่นนี้เพื่อสตรีอย่างข้าคุ้มค่าแล้วอย่างนั้นหรือ”
นางไม่เข้าใจจริงๆ เพราะอะไรเขาถึงดึงดันนัก
เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยก็ก้าวเท้าจากไป ยังหันกลับมาเตือนว่า “อย่าได้ฉุดรั้งกันไปมาแบบนี้อีก ท่านพูดเองว่าจะไม่ทำให้เขาเข้าใจผิด!”
พูดจบ เยี่ยเม่ยก็จ้ำพรวดจากไป
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังไม่ขยับ เขามองส่งนางจากไป สักพักหนึ่งเขายิ้มขมขื่น ถอนใจเบาๆ “ความรักทำให้คนตกต่ำได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
……
เยี่ยเม่ยเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา ในใจนางทนรับแทบไม่ไหว ทว่าเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องหาหนทางทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนวางมือให้ได้
เขารักนางปานนี้ หากนางไม่อาจทำให้เขาปล่อยมือได้แต่เนิ่นๆ ยิ่งจะทำให้เขาถลำลึกลงไป
……
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ได้รับคำเตือนจากเป่ยเฉินอี้ ยามนี้ก็อึ้งไปเล็กน้อย
เป่ยเฉินอี้บอกให้เขาระวังหรือ
จะให้ระวังอย่างไร จิวมั่วเหอจะลงมืออย่างไร เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่คิดแล้วคิดอีก ส่ายหน้าอย่างไม่ยี่หระ ไม่ว่าอย่างไร อาศัยที่เขายอมสละแม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านาย เชื่อว่าราชาต้ามั่วจะไม่สงสัยเขาเพราะการยุแยงของจิวมั่วเหอแน่
เมื่อคิดเช่นนี้ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ก็ไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอีก
ขณะที่เขาเตรียมกลับเข้ากระโจม เขากลับเห็นสตรีนางหนึ่งร้องไห้อยู่ไม่ไกลออกไป เขามุ่นคิ้ว เดินเข้าไปมองเห็นลู่หวานหว่าน
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับลู่หวานหว่าน เขารู้กระจ่างชัด เวลานี้เขาจึงไม่อยากสนทนากับอีกฝ่าย เพียงคิดจากไปในบัดดล
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากลู่หวานหว่านเห็นเขา เอ่ยปากทั้งๆ ที่ร้องไห้ “แม่ทัพเฮ่อเหลียน!”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ฝีเท้าชะงักแข็งค้างไป ทั้งไม่อาจแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น จึงได้แต่หยุด มองไปทางลู่หวานหว่าน ถามว่า “ฮูหยินมีเรื่องอันใดหรือ”
ลู่หวานหว่านมองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ วินาทีนั้นน้ำตาไหลพรั่งพรู เอ่ยว่า “แม่ทัพเฮ่อเหลียน ข้าเคยได้ยินท่านแม่ทัพบ้านข้ายามมีชีวิตเคยพูดว่า พวกท่านเป็นสหายสนิทกัน”
“นี่…ถูกต้อง!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ตอบพลางถอนใจ ตระกูลเขากับเยียลี่ว์ซั่นมีการคบหากัน เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก แม้กระทั่งศึกแรกในชีวิต พวกเขาทั้งสองก็ออกรบพร้อมกัน เพียงแต่ภายหลังเขาอารักขาองค์ราชา แขนไม่อาจใช้งานได้หลายปี ดังนั้นโอกาสออกรบจึงลดลง ได้แต่มองพี่น้องที่แสนดีต่อสู้อยู่ในสนามรบเท่านั้น
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า เยียลี่ว์ซั่นจะจบชีวิตลงในเงื้อมมือของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน! ต่อให้ในสนามรบยากกำหนดความเป็นตาย แต่ว่าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ยังเสียใจเพราะเรื่องนี้อยู่นาน
ลู่หวานหว่านเห็นสีหน้าหวั่นไหวของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ก็ร้องไห้ “อย่างนั้นท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียนเห็นแก่แม่ทัพเยียลี่ว์ซั่น ช่วยรับเราสองแม่ลูกไว้ด้วย!”
ลู่หวานหว่านเอ่ยออกมา พลางร้องไห้จนหน้าตาดูไม่ได้อีก
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่กลับชะงักไป มองนางด้วยความไม่เข้าใจ “ไม่ทราบว่าเรื่องมีต้นเหตุมาจากไหน เหตุใดอาซ้อถึงอยากให้ข้ารับท่านไว้”
เขาย่อมรู้ว่าก่อนหน้าท่านข่านมีประสงค์จะรับสตรีนางนี้ไว้ แต่ว่าเพราะพ่ายศึกครั้งก่อน ตอนนี้ท่านข่านจึงไม่อยากเห็นหน้านางอีก ทว่าต่อให้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านข่าน ยามเยียลี่ว์ซั่นมีชีวิตอยู่ก็ทิ้งสมบัติเอาไว้ไม่น้อย ทำไมลู่หวานหว่านถึงต้องการให้เขารับนางไว้ด้วย
ลู่หวานหว่านร้องไห้ออกมาทันที “เพราะข้าเป็นคนภาคกลาง ทั้งยังเป็นเพียงอนุ ในเมืองหวังข้าถูกดูแคลน ดีที่มีท่านแม่ทัพปกป้อง ข้าถึงมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ทว่ายามนี้ท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว หากข้ากลับไปยังเมืองหวังก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย! กอปรกับความริษยาของฮูหยินท่านแม่ทัพ นางเกลียดข้าเข้ากระดูกมาตลอด รอข้ากลับไป นางได้พบบุตรชายข้า เกรงว่าคงจะเอาชีวิตของข้ากับบุตรแน่!”
ระหว่างเล่าไปลู่หวานหว่านก็ปาดน้ำตา “ในเมื่อเอ่ยเช่นนี้แล้ว ข้าก็ไม่ขอปิดบังท่านแม่ทัพอีก เชื่อว่าท่านแม่ทัพคงรู้ ก่อนหน้านี้ข้ายอมท่านข่าน ความจริงก็เพื่อให้บุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป สตรีตัวคนเดียวอย่างข้าอยู่ต้ามั่วไร้ที่พึ่งพา หากไม่มีคนให้พึ่งพิง เช่นนั้นก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัยแล้ว!”
เอ่ยไปนางก็คล้ายกับยิ่งเสียใจมาก “สตรีชาวภาคกลางอย่างพวกเราต่างกับชาวต้ามั่ว สตรีภาคกลางต่อให้สามีตายไป แล้วก็ไม่อาจแต่งงานอีก เดิมที่ข้ายอมถวายตัวให้ท่านข่าน ก็เพื่อให้ลูกข้ามีทางรอดเท่านั้น ไม่ทราบว่าความรักที่มีต่อบุตรชายนี้ ท่านแม่ทัพจะเข้าใจหรือไม่”
“ย่อมเข้าใจ!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เห็นนางเช่นนี้ หัวใจก็เริ่มสั่นคลอน
กระทั่งเขาคิดถึงเรื่องในอดีต บิดาของเขาจบชีวิตในสนามรบตั้งแต่หนุ่ม ท่านแม่เลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ ในตระกูลเฮ่อเหลียนอันใหญ่โต พวกเขาสองแม่ลูกรับความลำบากถูกลบหลู่มาไม่น้อย ยังดีที่เขามีความสามารถโดดเด่น ถึงได้แก้ปัญหาเรื่องสถานะได้
ท่านแม่เขาก็เป็นชาวต้ามั่วอยู่ในตระกูลยังเป็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับลู่หวานหว่านที่เป็นเพียงชาวภาคกลางคนหนึ่ง
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็เกิดความเห็นใจลู่หวานหว่านไม่น้อย
ลู่หวานหว่านยังร้องไห้เอ่ยต่อว่า “ข้าก็เคยคิดจะกลับบ้านเกิด แต่หลายวันก่อนข้าได้ฟังความจากชาวภาคกลาง ถึงรู้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ถูกจับตัวเพราะเรื่องของหลานชายข้าไปแล้ว ซ้ำทุกวันยังต้องท่องตำราสามอักษร ตัวพวกเขายังยากรักษา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องช่วยเหลือข้า ชะตาชีวิตช่างอาภัพนัก ขอเพียงท่านแม่ทัพยอมรับตัวข้ากับบุตรชายไว้ ข้ายินยอมเป็นวัวเป็นม้า รับใช้ท่านแม่ทัพ…”
“ไม่! ทำเช่นนี้ไม่ได้ อาซ้อเป็นสตรีในดวงใจของท่านพี่เยียลี่ว์ ลูกชายท่านคือหลานข้า ข้าจะให้ท่านรับใช้ข้าได้อย่างไร!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ปฏิเสธ พลางเอ่ยว่า “ไม่เช่นนั้นเอาเช่นนี้เถอะ ข้าให้คนจัดหาที่พำนักให้ท่านก่อน ท่านกับบุตรชายก็มาพักเป็นแขกที่บ้านข้า ถือว่าข้าทำเพื่อท่านพี่เยียลี่ว์!”
ลู่หวานหว่านชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่จะเป็นวิญญูชนถึงขั้นนี้ ไม่หวังในตัวนาง ยินดีทำความดี
นางรีบพยักหน้า ทว่าสะกดความโหดเ**้ยมในดวงตาไว้ “ขอบคุณท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียน!”