เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 309
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 309 ข้าไม่ถือสาหากจะแสดงให้เป็นจริง
“อืม!” เยี่ยเม่ยเองก็ไม่ลังเล ก้าวเท้ากว้างๆ เข้าไปในห้องกูเยว่อู๋เหิน
ยามนี้เขากำลังนั่งลิ้มรสชา เมื่อเห็นเยี่ยเม่ย เขาก็ยกมือขึ้น เป็นสัญญาณให้เยี่ยเม่ยนั่งลง ไม่ถามสาเหตุการมาของนาง รอให้เยี่ยเม่ยเอ่ยปากเอง
เยี่ยเม่ยเองก็ไม่เกรงใจ เดินตรงเข้าไปนั่งตรงข้ามเขา รินชาให้ตัวเอง
จากนั้น นางก็เอาของที่ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่มอบให้วางไว้บนโต๊ะของกูเยว่อู๋เหิน เอ่ยปากว่า “ศิษย์พี่ใหญ่!”
กูเยว่อู๋เหินกลับตะลึงไปเล็กน้อย
ดวงตาเขากวาดมองของบนโต๊ะหลายที เดิมทีเขารู้ว่าแต่ว่าซินเยว่เยี่ยนเอาเคล็ดวิชาเสี่ยวเถียนไช่มอบให้เยี่ยเม่ย แต่ไม่รู้ว่านางติดต่อกับอาจารย์ด้วย
เขายังคงไม่เอ่ยปาก เยี่ยเม่ยก็ดื่มชาไปอึกหนึ่งจ้องกูเยว่อู๋เหิน “ข้าเรียกท่านว่าศิษย์พี่ใหญ่คำหนึ่ง สมควรมีค่าตอบแทนนะ!”
ยามนี้กูเยว่อู๋เหินก็เข้าใจแล้ว ที่มาเพราะมีเรื่องขอร้อง
เขาก็ไม่นำพา น้ำเสียงราบเรียบเอ่ย “เจ้าว่ามา”
เยี่ยเม่ยก็ไม่เกรงใจ บอกความต้องการออกไป “ข้าอยากให้ท่านช่วยแสดงละครกับข้าสักฉากหนึ่ง! ข้าตัดสัมพันธ์กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว แต่ว่าเขาไม่ยอมปล่อยมือ ดังนั้นข้าอยากแสร้งว่าตัวเองรักคนอื่น ชอบท่านไปแล้ว ท่านก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ขอเพียงยามที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่ทำเป็นสนิทสนมกับข้าก็พอแล้ว”
เมื่อเสนอออกมา ความจริงในใจเยี่ยเม่ยก็ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง อย่างไรเสียนางก็เป็นแม่นางคนหนึ่ง วิ่งมาเอ่ยวาจาขอเช่นนี้กับกูเยว่อู๋เหิน…ความจริงก็ไม่มีอะไร แต่ที่สำคัญคือ ก่อนหน้านี้กูเยว่อู๋เหินมอบของหมั้นหมายให้กับนาง ดังนั้นเรื่องนี้จึงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
เยี่ยเม่ยอธิบายมาแล้ว ดวงตาของกูเยว่อู๋เหินกลับลุ่มลึกจ้องมาเยี่ยเม่ย ถามเสียงเรียบว่า “แกล้งทำเป็นสนิทสนม?”
“อือ…ถูกต้อง!” เดิมทีเยี่ยเม่ยก็กระอักกระอ่วนจะแย่ เมื่อเขาถามย้ำขึ้นมา นางยิ่งทวีความกระอักกระอ่วนไปใหญ่
เยี่ยเม่ยผลักของที่อยู่บนโต๊ะไปด้านหน้า “ถือว่าเห็นแก่หน้าอาจารย์ ท่านช่วยข้าสักครั้งได้หรือเปล่า อีกอย่างเรื่องนี้ฝ่ายบุรุษก็ไม่เสียหายเลย ท่านมีอะไรให้ถือสากัน!”
คำพูดของเยี่ยเม่ยกล่าวออกมา สายตาเรียบเฉยของกูเยว่อู๋เหินจ้องอยู่บนร่างนางหลายวินาที น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยว่า “ใครบอกกันว่าบุรุษไม่เสียหาย ความบริสุทธิ์ของบุรุษไม่นับเป็นความบริสุทธิ์หรอกหรือ”
“คือ…” ก็ได้ เยี่ยเม่ยหน้ามุ่ย นางหลงคิดว่าในสมัยโบราณ ไม่น่ามีบุรุษที่ใส่ใจเรื่องความบริสุทธิ์เหล่านี้
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็ถอนหายใจออกมาอีก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านไม่สะดวกก็ช่างเถอะ!”
“แต่ข้าไม่ถือสา” เขาเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมาอีก
เยี่ยเม่ยอึ้งไปเล็กน้อย “อ้อ?”
พูดตามจริงแล้ว นางคิดว่าการสื่อสารกับกูเยว่อู๋เหินเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง เพราะบุรุษผู้นี้หวงคำพูดประดุจทองคำ พูดได้สั้นเท่าไหร่ก็สั้นเท่านั้น ดังนั้นดังประโยคที่เขาเอ่ยมักมีประธานกริยากรรมไม่สมบูรณ์ สาเหตุผลลัพธ์ทั้งหลายก็ไม่อธิบายชัดเจน บางครั้งทำให้เยี่ยเม่ยสงสัยว่าความเข้าใจของตนมีปัญหาหรือเปล่า
เห็นนางไม่เข้าใจ กูเยว่อู๋เหินกลับมีความอดทนอย่างหาได้ยาก อธิบายว่า “ข้าบอกว่า ถึงเป็นบุรุษก็มีความบริสุทธิ์ ก็เสียเปรียบได้ แต่ว่าข้าไม่ถือสาถ้าจะเสียเปรียบ”
ครั้นเอ่ยเช่นนี้ เขาก็มองเยี่ยเม่ย “และข้าก็ไม่ถือสาถ้าการแสดงจะเป็นเรื่องจริง”
เยี่ยเม่ย “…”
นางรู้สึกว่า บุรุษที่เฉยชาสันโดษผู้หนึ่ง เมื่อเอ่ยคำพูดหยอกเย้าเช่นนี้ออกมาให้ความรู้สึกขัดกับภาพลักษณ์ แต่ว่าไม่เพียงไม่ทำให้รู้สึกว่าไม่เหมาะ แต่ว่ากลับทำให้คนรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ช่างหยอกสตรีเก่งนัก
เยี่ยเม่ยไอแก้เก้อคำหนึ่ง ปรับสีหน้าให้ดูจริงจัง เอ่ยปากว่า “ทำให้การแสดงเป็นจริงอะไรพวกนั้นช่างเถอะ ขอเพียงท่านช่วยข้าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก็พอแล้ว! ภายหน้าข้าจะเคารพเลื่อมใสท่านอย่างแน่นอน ศิษย์พี่!”
เยี่ยเม่ยตั้งใจเน้นย้ำคำว่าศิษย์พี่เป็นพิเศษ
ความจริงนางทำเพื่อแสดงออกว่าตนมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาเท่านั้น หาได้มาเพื่อเล่นหูเล่นตาใส่เขาสักหน่อย
กูเยว่อู๋เหินก็ไม่เอามาใส่ใจ เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า “ข้าจะร่วมมือกับเจ้าแน่ ยามที่เจ้าต้องการข้าก็บอกมาได้”
“ดี!” ยามนี้เยี่ยเม่ยค่อยวางใจ
ก่อนหน้านางเคยกังวลว่ากูเยว่อู๋เหินจะไม่รับปาก บุรุษผู้นี้ดูเป็นคนสันโดษ ทำให้เขารับปากเรื่องไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้น่าจะยากพอสมควร คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับรับปากได้อย่างตรงไปตรงมานัก
กระทั่งไม่ถามว่าเพราะอะไรนางถึงเลิกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน รวมถึงไม่ถามเรื่องอื่นด้วย
การอยู่ร่วมกับคนมีนิสัยเรียบเฉยเช่นนี้ ความจริงก็สบายมาก เขาไม่มีชวนทะเลาะจนถึงขีดสุด ทั้งไม่ทำให้นางอึดอัดเกินไป
ในขณะใช้ความคิดอยู่
กูเยว่อู๋เหินเอ่ยปากว่า “ในเมื่อเลิกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้วก็ไม่เป็นไรหากเจ้าจะทำให้ละครฉากนี้เป็นจริง เรื่องที่ข้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็พร้อมจะช่วยทุกเรื่อง”
เพียงแค่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นองค์ชาย เรื่องราวในราชสำนัก หากให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจัดการก็ง่ายดายกว่าเขา แต่เรื่องที่กูเยว่อู๋เหินคิดลงมือทำ ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จ เพียงแค่ยุ่งยากนิดหน่อยก็เท่านั้น
เยี่ยเม่ยปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ข้ายังไม่อยากเอ่ยเรื่องพวกนี้ชั่วคราว!”
เพิ่งเลิกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ภายหลังพวกเขาสองคนใครจะรักคนอื่น มีคู่รักใหม่ ยามนี้ใครก็บอกไม่ได้ทั้งนั้น แต่อย่างน้อย ณ ตอนนี้ยามนี้ เยี่ยเม่ยยังไม่มีความคิดเรื่องเหล่านี้ บางทีนางอาจไม่คิดเรื่องนี้ไปอีกนาน
กูเยว่อู๋เหินไม่เอ่ยมากความอีก สีหน้าเฉยชาเหมือนเคย
แต่บรรยากาศเริ่มอึดอัด ดังนั้นเยี่ยเม่ยจึงลองเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิ ท่านคือศิษย์พี่ใหญ่ของข้า ส่วนศิษย์พี่สามก็คือหมิงอิ๋นเซี่ยว อย่างนั้นศิษย์พี่รองคือใครกัน”
กูเยว่อู๋เหินมองนางทีหนึ่ง ตอบไปตามตรงโดยไม่คิดมาก “จิวมั่วเหอ”
“หา?!” เยี่ยเม่ยเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ จ้องกูเยว่อู๋เหินถามว่า “ท่านพูดจริงหรือ เป็นไปได้อย่างไร”
จะเป็นจิวมั่วเหอได้อย่างไร
หากเป็นจิวมั่วเหอจริงๆ ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ยังมาบอกกับนางว่าเขาขายลูกศิษย์ของพี่น้อง วุ่นวายอยู่ตั้งนานก็คือ…
กูเยว่อู๋เหินมองท่าทางตะลึงงันของนาง เขาไม่เข้าใจเรื่องราวภายใน เพียงถามว่า “เขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ”
เขารู้ว่าจิวมั่วเหอร่วมมือกับเยี่ยเม่ยแล้ว ทั้งเยี่ยเม่ยยังใช้ลูกไม้พิสดารทำลายชื่อเสียงแม่ทัพไร้พ่ายของจิวมั่วเหอบนสนามรบ แต่เขาคิดไม่ถึงว่า จิวมั่วเหอจะไม่บอกนาง อาจารย์ก็ไม่บอกนางด้วย
“ไม่มีอะไร!” สีหน้าเยี่ยเม่ยแปลกพิกลมาก เข้าใจในบัดดลว่าเพราะอะไร ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ถึงเอายากันพิษร้อยชนิดให้นาง บอกว่าให้จิวมั่วเหอได้ครึ่งหนึ่ง ที่แท้เป็นศิษย์ร่วมสำนักนี่เอง!
ช่างเถอะ จิวมั่วเหอไม่บอกนาง แต่ก็ไม่ฉวยทำเรื่องผิดต่อนาง ทั้งไม่ได้วางกับดักใส่นาง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อย
เมื่อนางบรรลุเป้าหมายก็ลุกขึ้น “เช่นนั้นก็ลำบากท่านแล้ว ต่อไปท่านก็ย้ายไปอยู่ในเมืองเถอะ ครั้นจะแสดงละครก็ต้องเล่นให้สมบทบาท!”
นางเอ่ยจบ ยังกังวลว่า กูเยว่อู๋เหินจะปฏิเสธ เมื่อเขาย้ายเข้าไปแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอาจเล่นงานเขาได้
คิดไม่ถึงว่า…