เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 316
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 316 จะฆ่านาง มีแค่ข้าเท่านั้นที่ทำได้
เมื่อสาวใช้ตอบออกมา เป่ยเฉินอี้ก็จ้องมองนาง ถามเสียงนิ่งว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นคนข้างกายของซือถูเฉียง ไฉนถึงกลายเป็นสาวใช้อยู่ชายแดนได้”
“ตอนนั้นแม่ทัพซือถูเฟิงพาท่านหญิงหนีกลับเมืองหลวง ภายหลังเหล่าทหารและสาวใช้ที่ติดตามท่านหญิงแอบลอบหนีกลับเมืองหลวง แม่ทัพหลี่เห็นว่าพวกเราเป็นแค่บ่าวไพร่ ก็ไม่สร้างความลำบากให้พวกเรา แต่ตอนนั้นข้าน้อยโมโหจนทนไม่ไหว จึงแอบกลับมาชายแดน แฝงตัวเข้ามาเป็นสาวใช้ในจวนเจ้าเมือง ก็เพื่อแก้แค้นให้เจ้านายข้า!”
ครั้นเอ่ยถึงตอนนี้ สาวใช้มองเป่ยเฉินอี้ด้วยความกล้า เอ่ยปากว่า “อี้อ๋อง ครั้งนี้ที่ข้าน้อยฆ่านางไม่ได้เพราะนางดวงแข็ง ขอเพียงท่านปล่อยข้าน้อย ข้าน้อยจะต้องหาโอกาส ช่วยท่านสังหารนางอีกครั้งให้จงได้ !”
เป่ยเฉินอี้ฟังจนพอใจแล้ว ก็หันไปมองชิงเกอ “ไปสืบมาว่าที่นางพูดเป็นความจริงหรือไม่”
“ขอรับ!” ชิงเกอรีบจากไปทันที
……
ผ่านไปไม่นาน ชิงเกอก็กลับมา รีบเข้าไปรายงานว่า “เตี้ยนเซี่ย คำพูดของนางเป็นความจริงทุกประการ เช้าวันนี้เยี่ยเม่ยเปิดโปงฐานะของนาง สั่งให้เจ้าเมืองหลินออกตามหานางไปทั่ว!”
สาวใช้นางนั้นรีบเอ่ย “อี้อ๋อง ขอเพียงท่านยอมปล่อยข้า ข้าน้อยรับประกันว่าจะช่วยกำจัดภัยร้ายนี้ไปเสีย!”
เมื่อนางเสนอ
เป่ยเฉินอี้ปรายตามองนาง ถามว่า “จากนั้นเจ้าก็จะโยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้า สารภาพว่าข้าเป็นคนสั่งการเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“นี่…” สาวใช้คิดไม่ถึงว่าเขาจะคาดเดาความในใจของนางออกมาได้ง่ายๆ ท่ามกลางสายตาที่คล้ายมองทะลุโลกหล้าของเขา นางไม่กล้าโกหก สายตากวาดซ้ายมองขวา ไม่กล้าส่งเสียง
เป่ยเฉินอี้หัวเราะเสียงเย็น เอ่ยว่า “คนโง่ไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือโง่เหมือนหมู แล้วยังฝันว่าคนอื่นหลงโง่งมไปด้วย คิดจะหลอกใช้ผู้อื่น ชิงเกอลากนางสาวใช้โง่งมผู้นี้ออกไป โบยให้ตาย!”
“อี้อ๋อง…” สาวใช้ตกใจยกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าอี้อ๋องกลับจัดการกับตนเช่นนี้
ชิงเกอเองก็ชะงักไปเล็กน้อย “ท่านอ๋อง หรือว่าส่งตัวนางให้เยี่ยเม่ย เพื่อเป็นน้ำใจ!”
เป่ยเฉินอี้แค่นเสียงเบาๆ ปรายตามองสาวใช้นางนั้น “ในเมื่อนางกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ก็เตรียมใจตายแล้ว เจ้ามอบนางให้เยี่ยเม่ย หากนางบอกเยี่ยเม่ยว่า ข้าเป็นคนสั่งให้นางทำ จากนั้นนางกัดลิ้นฆ่าตัวตายไป เรื่องนี้ข้าจะล้างมลทินอย่างไร ไม่สู้โบยให้ตาย มอบศพออกไปจะเข้าท่ากว่า”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ท่านอ๋องฉลาดนัก!” ชิงเกอรีบโบกมือ บ่าวเข้ามาลากนางออกไปทันที ชิงเกอสั่งการว่า “อุดปากไว้ อย่าให้นางส่งเสียงออกไปด้านนอก ทั้งอย่าให้นางรบกวนท่านอ๋อง!”
“ขอรับ!” บ่าวรีบเก็บเอาผ้าผืนนั้นขึ้นมา ยัดใส่ปากนางอีกครั้ง
ยามสาวใช้ถูกลากออกไปถึงประตู
เป่ยเฉินอี้กวาดสายตาเย็นเยียบมองนาง กล่าว “ต่อให้จะฆ่านาง ทั่วทั้งโลกนี้มีข้าคนเดียวที่ทำได้ คนอื่นล้วนไม่มีคุณสมบัตินั้น เข้าใจหรือยัง ที่เจ้ากับนายเจ้าต้องตกตายก็เพราะพวกเจ้ามีกำลังอันน้อยนิด ทั้งยังไม่รู้จักเจียมตัว”
สาวใช้นางนั้นพลันเบิกตากว้าง ไม่เข้าใจว่าเป่ยเฉินอี้พูดอะไร ท่านหญิงก็จะตายหรือ
ชิงเกอชะงักงัน “เตี้ยนเซี่ย ท่านเตรียมจะสังหารซือถูเฉียง…”
“เรื่องที่ข้าสืบได้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับเยี่ยเม่ยก็ต้องสืบได้ในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ต้องบอกว่าเยี่ยเม่ยจะปล่อยซือถูเฉียงหรือไม่ แค่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับจิ่วหุนก็ไม่ปล่อยนางแล้ว ยังมีที่ให้ข้าต้องใส่ใจอีกหรือ” เป่ยเฉินอี้เอ่ยเสียงเย็น
สิ้นเสียงเขา สาวใช้นางนั้นถูกลากออกไป เอ้อเฟิงสาวเท้าเข้ามา
เป่ยเฉินอี้ปรายตามองเขา ถาม “เรื่องที่ให้เจ้าไปบอกกับเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เจ้ากำชับเขาหรือยัง”
“บอกไปอย่างชัดเจนแล้ว!” เอ้อเฟิงตอบ จากนั้นรีบรายงาน “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่ข้าน้อยกลับมา ได้ยินว่า จิ่วหุนออกไปสังหารซือถูเฉียงแล้ว ไม่รู้เพราะอะไรเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเองก็ออกจากเมืองไปเช่นกัน!”
ครั้นเขารายงานออกมา สายตาเป่ยเฉินอี้สงบนิ่งลง เอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว!”
…
ห้องเยี่ยเม่ย
หลังจากซือหม่าหรุ่ยแจ้งความต้องการกับอวี้เหว่ยก็กลับมาห้องเยี่ยเม่ย ยามนี้นางยังไม่เข้าใจว่าเยี่ยเม่ยทำไปเพื่ออะไร
ในขณะที่กลัดกลุ้มนั้น
ชิงเกอนำศพสาวใช้เข้ามาในเรือนเยี่ยเม่ย จากนั้นกล่าวว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านอ๋องพบตัวคนร้ายแล้ว หลังจากพิสูจน์หลักฐาน พบว่าเป็นคนของซือถูเฉียง !”
เขาไม่ได้เข้าไปในห้องเยี่ยเม่ย เพียงแต่เอ่ยเสียงดังอยู่กลางเรือน
เยี่ยเม่ยกวาดตามองซือหม่าหรุ่ย อีกฝ่ายก็ตระหนักได้ เดินออกไปมองชิงเกอ “เป็นอย่างนั้นหรือ ใครจะรู้ว่าไม่ใช่เจ้านายเจ้าวางยาพิษ เพื่อปกปิดความผิดตัวเอง จึงฆ่าคนปิดปาก”
หลังจากครั้งก่อนที่ชิงเกอต่อปากต่อคำกับซือหม่าหรุ่ยบนกำแพงเมือง ก็ไม่ชอบนางกับซินเยว่เยี่ยนเป็นอย่างมาก
เขาแค่นเสียงเย็น ส่งสัญญาณให้บ่าววางศพลง จากนั้นจ้องซือหม่าหรุ่ย กล่าวว่า “สาวใช้นางนี้เป็นคนในจวนตระกูลซือถู ทำงานอยู่ในจวนเสนาบดีหลายปี หากคิดจะพิสูจน์ก็หาใช่เรื่องยาก ท่านอ๋องของข้าช่วยพวกเจ้าสืบเรื่อง พวกเจ้าไม่เพียงไม่ซาบซึ้ง ซ้ำยังแว้งกัดคน ไม่รับน้ำใจคน ถือว่าข้ามาเสียเที่ยวก็แล้วกัน!”
“เหอะ!” ซือหม่าหรุ่ยหัวเราะเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกฉลองปีใหม่กับไก่หรือเปล่า ไม่มีเจตนาดี! เชิญเจ้าไปเถอะ ไม่ส่ง!”
ชิงเกอโมโหจนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวเราะเสียงเย็นค่อยพาคนจากไป
ซือหม่าหรุ่ยมองศพอยู่ครู่หนึ่งก็เดินไปหน้าประตูเรือน เอ่ยปาก “ลากศพออกไป แล้วก็สืบดูด้วยว่า ใช่คนของจวนเสนาบดีหรือเปล่า”
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้คนหนึ่งลงมือทันที
ชิงเกอที่อยู่ห่างออกไปเห็นภาพนี้ ยามนี้ค่อยวางใจกลับไปรายงานเป่ยเฉินอี้
…
เมื่อดำเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้น
ซือหม่าหรุ่ยกลับไปที่ห้องเยี่ยเม่ย นางเอ่ยปากถามอย่างทนไม่ไหวอีก “เจ้าต้องบอกข้ามา ว่าทำไปเพื่ออะไรกันแน่”
เยี่ยเม่ยหัวเราะ ตอบว่า “เหตุผลง่ายมาก หากสาวใช้นางนั้นถูกพวกเราหาตัวพบไม่ว่าพวกเราจะแสดงได้สมจริงแค่ไหน เป่ยเฉินอี้ก็จะระแวงสงสัยว่าทุกอย่างเป็นหลุมพราง แต่เมื่อสาวใช้นางนี้ถูกเป่ยเฉินอี้พบตัว ทุกอย่างก็ต่างออกไปแล้ว เขาตรวจสอบผลออกมาด้วยตัวเอง เขายังจะระแวงสงสัยอีกหรือ”
“เจ้าหมายความว่า…” ซือหม่าหรุ่ยฟังแล้วก็เข้าใจ “ก็ถูก เขาหาตัวคนร้ายพบ ยังรู้ว่าใครวางยาพิษเจ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่มีทางสงสัยแผนการที่เจ้าถูกพิษ แต่เจ้าก็ยังไม่อาจวางใจ อาศัยความรอบคอบของเขา ไม่แน่ว่าจะมาตรวจสอบอีก!”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าเข้าใจ! ต่อไปพวกเราต้องกระทำอีกเรื่องหนึ่ง!”
ซือหม่าหรุ่ยมองนางทันที “เจ้าว่ามา!”
“ขอให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหาเหตุผลออกจากเมืองชั่วคราว” เสียงเยี่ยเม่ยเพิ่งเอ่ยจบ
จงรั่วปิงก็เข้ามาแล้ว หลังจากนั้นนางก็เอ่ยว่า “ข้าเพิ่งเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพาคนออกจากเมือง พวกเจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อนางกล่าว เยี่ยเม่ยก็ตะลึงไป เขาไปแล้วก็นับว่าลดเรื่องราวไปได้
แต่ทำไมเขาถึงจากไปเล่า