เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 318
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 318 เคยรักเขาคนเดียวเท่านั้น!
ซือหม่าหรุ่ยฟังคำพูดเยี่ยเม่ย นางรู้สึกเสียใจมาก
สุดท้ายทำได้แต่เอ่ยด้วยน้ำตาคลอเบ้า “เยี่ยเม่ย เจ้าอยากร้องก็ร้องเถอะ ขอเพียงเจ้ายังร้องไห้ไหว เจ้าก็ร้องออกให้สาแก่ใจสักเที่ยวหนึ่ง ข้ากลัวจริงๆ ว่าหากเจ้ายังเก็บกดเช่นนี้ต่อไปจะเกิดเรื่องเอาได้!”
นับตั้งแต่รู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกจากชายแดน เยี่ยเม่ยก็ใจหวิวมาตลอด ถึงนางจะสั่งเรื่องที่สมควรทำให้คนไปจัดการจนหมดแล้ว นางขอให้ซินเยว่เยี่ยนส่งลูกดอกไปให้จิวมั่วเหอที่ต้ามั่ว จากนั้นสั่งงานเซียวเยว่ชิง และหลูเซียงฮั่ว
แต่ว่าซือหม่าหรุ่ยดูออกว่าเยี่ยเม่ยเสียใจเป็นอย่างยิ่ง นางอยากให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปล่อยมือขนาดนั้น ทว่าก็ทนไม่ได้ที่เขาปล่อยมือ
นางรู้ว่าคนที่ยิ่งดูเย็นชาไร้หัวใจกลับเป็นคนที่รักษาคุณธรรมน้ำมิตรยิ่งกว่าใครทั้งนั้น
เยี่ยเม่ยร้องไห้ออกมาจริงๆ ซือหม่าหรุ่ยกอดนาง ตบหลังเพื่อปลอบโยนอีกฝ่ายไม่หยุด
เยี่ยเม่ยเอ่ยเสียงต่ำว่า “ข้าจะร้องไห้ครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย…”
“อืม!” ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้ารัวๆ ถามเยี่ยเม่ยเบาๆ “เยี่ยเม่ย เจ้าเคยสำนึกเสียใจหรือไม่”
เยี่ยเม่ยสะอึกไปเล็กน้อย
ในที่สุดก็หลับตาแรงๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม เอ่ยว่า “อาหรุ่ย ข้าไม่เคยสำนึกเสียใจ! เจ้ารู้ไหม ข้าไม่เสียใจเลยสักน้อย ข้าแค่ปวดใจอยู่บ้าง ไม่ช้าข้าก็จะดีขึ้นเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง…”
ซือหม่าหรุ่ยถอนใจเบาๆ ปวดใจอยู่บ้างเท่านั้นหรือ
คนเย็นชาอย่างเยี่ยเม่ยร้องไห้ถึงขั้นนี้ จะเรียกว่าปวดใจอยู่บ้างได้อย่างไร แต่ในเวลานี้ นางไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น กลัวว่าเอ่ยออกไปจะยิ่งทำให้เยี่ยเม่ยเจ็บใจ
เยี่ยเม่ยปาดน้ำตาบนใบหน้า
นางปวดใจ แต่นางไม่อาจเสียใจในสิ่งที่ทำไป ทั้งไม่กล้าเสียใจอีกด้วย นางต้องไม่ผิดต่อดวงวิญญาณของเสด็จพ่อเสด็จแม่ ไม่ผิดต่อชาวบ้านที่ตายเพราะความโง่เขลาของตัวเองในปีนั้น รวมถึงน้องชายผู้บริสุทธิ์ของนางที่ตายอย่างอนาถด้วย
อารมณ์ของเยี่ยเม่ยค่อยๆ สงบลงแล้ว เอ่ยว่า “ข้าคงจะรู้สึกว่า ข้าเป็นคนไร้หัวจิตหัวใจอย่างถึงที่สุด ข้าเองก็แปลกใจ ว่าไฉนข้ามีน้ำใจต่อญาติพี่น้อง ต่อประชาชนของข้าได้เช่นนี้ แต่ดันไร้หัวใจกับเขา ไร้หัวใจกับตัวเองได้ถึงที่สุด…”
ซือหม่าหรุ่ยฟังแล้ว หัวใจยิ่งรู้สึกบอกไม่ถูก เอ่ยว่า “เยี่ยเม่ย ไม่อย่างนั้น…เจ้าลองถามเขาเถอะ ไม่แน่ว่าเขาอาจยินยอมรั้งอยู่ข้างกายเจ้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยอมช่วยเจ้าทำลายราชสำนักเป่ยเฉิน”
ซือหม่าหรุ่ยรู้ดีกว่าใครทั้งหมด การได้รักใครคนหนึ่งมีรสชาติอย่างไร การที่ต้องพรากจากคนรักทั้งเป็นนั้นมีรสชาติอย่างไร ดังนั้นนางจึงทนไม่ไหวเอ่ยประโยคนี้ออกมา ถึงนางรู้ว่าทำเช่นนี้อันตรายมาก หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ยืนอยู่ฝั่งเยี่ยเม่ย…
หลังจากเยี่ยเม่ยบอกเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ภายหน้าเยี่ยเม่ยจะอันตรายมาก ไม่เพียงแต่จะทำการไม่สำเร็จ บางทีอาจต้องสูญเสียชีวิตไป
แต่เมื่อเห็นเยี่ยเม่ยเจ็บปวดปานนี้ นางก็อดพูดประโยคนี้ออกมาไม่ได้
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว กลับสงบนิ่งมาก นิ่งจนแปลกพิกล น้ำเสียงของนางทั้งเบาทั้งเย็นชา “อาหรุ่ย เขาก็แซ่เป่ยเฉิน…”
ซือหม่าหรุ่ยตระหนักได้ทันที
จริงด้วย ความแค้นล้มล้างตระกูล เยี่ยเม่ยจะไม่เคียดแค้นคนตระกูลเป่ยเฉินทุกคนได้อย่างไร ต่อให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยินยอมช่วยเยี่ยเม่ย แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่เขาเป็นองค์ชายของเป่ยเฉิน
เยี่ยเม่ยเอ่ยเบาๆ “ตระกูลข้ากับตระกูลของเขา เป็นตัวกำหนดว่าชาตินี้เรื่องของพวกเราคงเป็นไปไม่ได้”
นางค่อยๆ สงบลง ซือหม่าหรุ่ยกลับมานั่งที่ตนเอง มองเยี่ยเม่ย ไม่รู้สมควรพูดอะไรออกไปดี ร้องเรียกว่า “เยี่ยเม่ย…”
เยี่ยเม่ยหัวเราะเบาๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าไปหมดสิ้น จ้องมองซือหม่าหรุ่ย “เจ้าดู ชีวิตคนช่างน่าขันเช่นนี้ คนที่เจ้าไม่อยากทำร้ายมากที่สุด เจ้ากลับต้องผลักเขาออกไปให้ไกล ความสุขที่เจ้าต้องการมากที่สุด กลับต้องจบสิ้นในเงื้อมมือของเจ้าเอง ทั้งๆ ที่เจ้ารักเขาจนเข้ากระดูก ยังต้องหลอกตัวเอง หลอกทุกคนและหลอกเขา บอกว่าตัวเองไม่เคยรัก ชีวิตคนเราทำไมถึงยากเย็นเช่นนี้!”
ซือหม่าหรุ่ยถอนใจ ได้แต่เอ่ยว่า “เมื่อก่อน ข้าได้ฟังว่าชีวิตคนเราไม่อาจสมหวังดั่งใจได้ทุกเรื่อง ข้าไม่เชื่อ! ต่อมาหลังจากผ่านชีวิตปีแล้วปีเล่า ข้าก็ค่อยๆ เชื่อแล้ว”
เยี่ยเม่ยสงบลง มองซือหม่าหรุ่ย “ต่อให้ชีวิตจะลำบากยากเย็นแค่ไหน ก็ต้องมีชีวิตต่อไป คนที่ไม่กลัวความลำบากตรากตรำ ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง มีคนบอกว่าผู้แข็งแกร่งไร้ความกลัว ผู้กล้าไร้ศัตรู ข้าเชื่อว่า ข้าจะต้องชนะ!”
เมื่อนางเอ่ยจบ ก็ก้มหน้าพุ้ยข้าวใหม่อีกครั้ง
สีหน้านางกลับสู่ปกติ นางเชื่อว่าความเจ็บปวดที่นางได้รับมากมายขนาดนี้ นางเจ็บใจที่ต้องปล่อยเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไป นางมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายแต่ก็ต้องบังคับให้ตัวเองมีชีวิตต่อไป
เช่นนั้น…ศึกกับราชสำนักเป่ยเฉินนี้ นางจะชนะและต้องชนะเท่านั้น!
“อืม!” ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้า
ชีวิตคนนั้นลำบากแสนเข็ญ ต้องมีบางสิ่งเป็นที่ยึดมั่นถึงทำให้เรามีชีวิตต่อไปได้ อย่างเรื่องแก้แค้นก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เยี่ยเม่ยยึดมั่น
เห็นเยี่ยเม่ยกวาดข้าวหมดไปในพริบตา สุดท้ายซือหม่าหรุ่ยก็วางใจ ดวงตาแดงก่ำเอ่ยว่า “เยี่ยเม่ย เส้นทางนี้ยากลำบากนัก หากวันใดที่เจ้าเดินต่อไปไม่ไหว คิดปล่อยวางความแค้น ขอเพียงได้อยู่กับเขา ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ของเจ้าจะไม่โทษเจ้า ข้าเอง…ก็ไม่โทษเจ้าด้วย!”
เพราะอย่างไรเยี่ยเม่ยก็พยายามถึงขั้นนี้ ทำให้ตัวเองโศกเศร้าสิ้นหวังถึงขั้นนี้แล้ว
“อาหรุ่ย ขอบใจเจ้ามาก!” ชั่วชีวิตคนเรานี้มีสหายเช่นซือหม่าหรุ่ยก็ถือว่าสวรรค์ปรานีแล้ว เยี่ยเม่ยถอนใจหนักๆ “แต่อาหรุ่ย หากข้าหยุดแล้วข้าไม่อาจให้อภัยตัวเองได้!”
เมื่อเอ่ยจบ นางก็ลุกขึ้น
ร่องรอยที่ผ่านการร้องไห้บนใบหน้าหายไปไม่เห็นอีก กลับสู่สภาพสงบนิ่งเหมือนเคย นางยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยเบาๆ ว่า “อาหรุ่ย ความจริงข้าเคยสงสัยว่า ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเป่ยเฉินอี้คือความชอบ จนกระทั่งเวลานี้ข้าค่อยเข้าใจ นั่นก็แค่สหาย เป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้อง มีเพียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคนเดียวที่ทำให้ข้าเจ็บปวดได้ถึงขั้นนี้…”
ความแค้นที่มีต่อเป่ยเฉินอี้และความเจ็บปวดที่ถูกทรยศ ต่อให้นั่นคือความแค้นฝังกระดูก ก็ไม่เหมือนกับความรู้สึกเช่นนี้
ซือหม่าหรุ่ยตะลึง ไฉนเยี่ยเม่ยถึงเอ่ยคำพูดเช่นนี้มากะทันหัน
ในเวลานี้เอง เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองซือหม่าหรุ่ย คราวนี้นางยิ้มออกจากใจ “ข้าโชคดีที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรักข้าขนาดนี้ ส่วนข้า…ก็เคยรักเขาคนเดียวเท่านั้น!”
สิ้นเสียง นางก็เดินออกจากห้องไป
หากนางเดาไม่ผิด ทัพของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่สมควรมาถึงแล้ว นางพรางกายอย่างระวัง ไม่อาจให้ทุกคนสังเกตได้ ทั้งไม่อาจปล่อยให้คนของเป่ยเฉินอี้พบว่า นางออกจากเรือนไปแล้ว
ครั้นมองเงาหลังของเยี่ยเม่ย หัวใจซือหม่าหรุ่ยมีความรู้สึกวุ่นวาย
เยี่ยเม่ยรู้ตัวว่ารักเป่ยเฉินเสียเยี่ยน นางบอกว่าตัวเองโชคดี นี่ไม่ใช่ทัณฑ์ทรมานที่สวรรค์ทำร้ายคนอย่างโหดเ**้ยมหรือ
ชั่วชีวิตนี้ข้ารักเพียงแต่เจ้าคนเดียว ทว่าต้องปล่อยเจ้าไป
ยิ่งรักลึกซึ้งเท่าไหร่ การปล่อยวางก็ยิ่งเจ็บปวด