เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 319
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 319 จับเต่าในไห
ในห้องเป่ยเฉินอี้
ชิงเกอถาม “ท่านอ๋อง เวลานี้พวกเราควรให้คนของต้ามั่วโจมตีเมืองทันทีหรือไม่ อย่างไรเสียโอกาสแบบนี้ก็ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ!”
เป่ยเฉินอี้ฟังแล้ว นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สั่งว่า “ให้พวกเขาอยู่นิ่งไปก่อน รอข้าตรวจสอบชัดเจนแล้วค่อยว่ากัน อย่างไรเสียข้างกายเยี่ยเม่ยยังมีซือหม่าหรุ่ยอีกคนหนึ่ง หากวิชาแพทย์ของซือหม่าหรุ่ยสูงส่ง ต่อให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ร่างกายของเยี่ยเม่ยสมควรไม่เป็นอะไร”
“ท่านอ๋องพูดมีเหตุผล!” ชิงเกอพยักหน้าทันที แต่ก็รีบถามต่อว่า “แต่ท่านอ๋อง พวกเราต้องส่งข่าวให้คนของต้ามั่วหรือไม่ เพื่อให้พวกเขาไม่เคลื่อนไหวโดยพลการ หากพวกเขาอดใจไม่ไหว…”
สิ้นเสียงชิงเกอ
เอ้อเฟิงสาวเท้าเข้ามาจากภายนอกอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง แย่แล้ว! เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่แห่งต้ามั่ว ได้ข่าวว่าเยี่ยเม่ยเกิดเรื่อง เขานำทัพบุกโจมตีแล้ว! ยามนี้พวกเซียวเยว่ชิงอยู่หน้าประตูเมืองรับศึก!”
เป่ยเฉินอี้หน้าเปลี่ยนสี
ชิงเกอเองก็ชะงักไปเล็กน้อย “ดูท่า คงไม่ต้องส่งข่าวไปเตือนแล้ว!”
ยังไม่ทันเตือนก็บุกมาถึงประตูเสียแล้ว หากเตือนยังจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า
“ท่านอ๋อง ถัดไปพวกเราจะ…” ไปดูสถานการณ์ของเยี่ยเม่ย?
คำพูดของชิงเกอเอ่ยได้ครึ่งหนึ่ง เป่ยเฉินอี้ก็หลับตาลง สงบเงียบชั่วครู่ กลับหัวเราะออกมา “น่าสนใจมาก!”
“ท่านอ๋อง เป็นอะไรไป” ชิงเกอตะลึง
เป่ยเฉินอี้โบกมือ เอ่ยเสียงขรึม “ไปจับตาดูไว้ ดูว่าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่จะมีชีวิตรอดกลับไปหรือไม่!”
“นี่…” ยามนี้ชิงเกอเข้าใจแล้ว เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแน่ แต่ท่านอ๋องหาได้ใส่ใจไม่ เขาคิดอยู่ในใจว่าคงไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร ถึงสั่งให้ออกไปรอชมศึก
……
หน้าประตูเมืองชายแดน
ศึกใหญ่กำลังปะทุขึ้นแล้ว เซียวเยว่ชิงและหลูเซียงฮั่วนำกำลังพลออกมารับศึกกับศัตรู ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้นำทัพไม่อยู่หรือไม่ พวกเซียวเยว่ชิงสู้ศึกไม่ทันไรก็พ่ายแพ้ ล่าถอยกลับเข้าในเมือง
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่สั่งให้คนด้านหลังตนติดตามประชิดเข้าไป
ทหารของต้ามั่วฉวยโอกาสก่อนประตูปิด ใช้แรงกระแทกประตูเมืองเปิดออก เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่นำทหารไล่สังหารเข้าไป…
ทัพของราชสำนักเป่ยเฉิน ยามนี้คล้ายตกอยู่ในอาการหวาดกลัว แตกพ่ายไปทั่วสารทิศ
ยิ่งทำให้ทหารต้ามั่วรู้สึกว่าฝ่ายตัวเองกำลังเหนือกว่า บุกฆ่าอย่างดุดัน เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่นำทหารใหญ่ต้ามั่วไล่เข่นฆ่าเข้าไปอย่างเอิกเกริก ทว่าในยามนี้เอง…
หลังจากทหารต้ามั่วทั้งหมดผ่านประตูเมืองเข้าไป
ประตูใหญ่ก็พลันปิดลง ฝ่ายทหารเป่ยเฉินที่แต่เดิมหนีหน้าตาซีดเซียว หนีกันจ้าละหวั่น ตอนนี้ขึ้นไปอยู่บนกำแพงเมืองในมือถือคันธนูเอาไว้ อีกทั้งยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ถือธนูรออยู่ก่อน เล็งเป้ามาที่พวกเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่
เพียงแค่เสี้ยวนาที
สีหน้าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เขียวคล้ำ อดถามไม่ได้ว่า “นี่…ทำไมถึง”
หากเยี่ยเม่ยถูกพิษเป็นความเท็จ ตามหลักแล้วพวกเขาสมควรได้รับการเตือนจากเป่ยเฉินอี้ แต่พวกเขาไม่ได้รับ ถึงได้อาจหาญบุกเข้ามา แต่ว่ายามนี้…
หรือว่าต่อให้เยี่ยเม่ยไม่อยู่แล้ว ราชสำนักเป่ยเฉินก็เปลี่ยนผู้นำทัพ ทั้งยังเป็นคนที่องอาจกล้าหาญมากด้วย
ในขณะที่คิด
เห็นทหารของเป่ยเฉินตรงหน้า แต่ละคนขยับถอยไปด้านหนึ่งในฉับพลัน เยี่ยเม่ยค่อยๆ เดินออกมา
ใบหน้านิ่งของนางแฝงไปด้วยความเย็นเยือก จ้องมองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่อยู่ไกลๆ “ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แม่ทัพเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เพิ่งได้รับบาดเจ็บบนสนามรบ ไฉนวันนี้อดใจไม่ไหวออกมาทำศึกอีกแล้วเล่า รักษาบาดแผลหายแล้วหรือ”
“รีบมาอย่างทนไม่ไหวก็ช่างเถอะ ซ้ำยังส่งของขวัญชิ้นใหญ่อย่างเต่าในไหมาให้ข้าอีก!” เซียวเยว่ชิงเองก็ทนไม่ไหวเอ่ยออกมา
แผนการของแม่นางเยี่ยเม่ยใช้ได้ผลดีมาก
สั่งให้พวกเขาแกล้งแพ้อยู่นอกกำแพงเมือง หลังจากนั้นก็หนีเอาชีวิตรอด เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ต้องไล่ตามมายินดี ส่วนพวกเขา…
ก็แค่เตรียมมือธนูชั้นดีรออยู่ในเมืองไว้ตั้งแต่แรก ก็สามารถเชิญคนเข้ามาในไห กระทำการจับเต่าในไหได้แล้ว
เสี้ยวนาทีที่เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เห็นเยี่ยเม่ย ถึงเข้าใจว่าตัวเองตกหลุมพรางเยี่ยเม่ย
เขารู้ว่าเกิดเรื่องกับเยี่ยเม่ย ทั้งยังเห็นทหารศัตรูแตกพ่าย เห็นว่าชัยชนะอยู่เบื้องหน้าแล้ว ถึงไม่ใคร่ครวญมากความ นำคนไล่สังหารเข้ามา คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่า…
เขามองประตูเมืองที่ปิดสนิท จากนั้นก็มองมือธนูที่อยู่รอบทั้งสี่ทิศ เขาตระหนักได้ทันทีวันนี้ตัวเองคงเคราะห์ร้ายมากกว่าดี
เยี่ยเม่ยเอ่ยปากขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่คิดว่าเจ้าน่าจะมองออก สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เป็นผลดี หากดื้อดึงต่อไปมีแต่ทำให้ทหารทั้งหลายเหล่านี้ตายเป็นเพื่อนเจ้าอยู่ที่นี่! ในสนามรบมีกฎอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือไม่สังหารผู้ที่ยอมจำนน…”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เห็นสถานการณ์ไม่ดี ทว่ามิได้ลนลาน ฟังคำพูดของเยี่ยเม่ย เขามองนางยิ้มเย็นออกมา “หากยอมจำนนจะไม่สังหารหรือ คำพูดพวกนี้หลอกคนอื่นได้ แต่คิดหลอกข้าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ นั่นคือความฝันลมๆ แล้งๆ ของพวกโง่งม! มีใครไม่รู้บ้างว่าปีนั้นที่ราชสำนักเป่ยเฉินโจมตีราชสำนักจงเจิ้ง หลังจากตีวังหลวงแตก ราชวงศ์จงเจิ้งเหลือทหารองครักษ์อยู่สองพันกว่านาย เพื่อชีวิตของเหล่าทหารฮ่องเต้จงเจิ้งยอมจำนน เงื่อนไขคือราชวงศ์สามารถตกตายได้ แต่ต้องปล่อยทหารสองพันกว่านายไป แต่ว่า…”
พูดถึงตรงนี้เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ยิ้มเย็นชา “ฮ่องเต้เป่ยเฉินของพวกเจ้า อีกฝ่ายเพิ่งจะยอมจำนนไม่ทันไร ก็มีคำสั่งให้ยิงสังหารคนทั้งหมดทันที! แม้กระทั่งชาวบ้านในเมืองยังไม่ยอมละเว้น ราชสำนักที่ไม่รักษาคำพูด หวังให้ข้าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เชื่อว่าพวกเจ้าจะไม่สังหารคนที่ยอมแพ้ ช่างเป็นเรื่องตลกยิ่งนัก!”
เขาเอ่ยออกมา ทหารทั้งหลายของเป่ยเฉินยามนั้นสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาตามกฎของการทำศึกจะไม่สังหารคนที่ยอมจำนน แต่ว่าศึกกับราชสำนักจงเจิ้งครั้งนั้น ฝ่าบาทผิดคำพูดจริงๆ เหล่าทหารทั้งหลายในสนามรบนี้ต่างรู้เรื่องราวในปีนั้น ดังนั้นยามนี้จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก
แต่ว่าในยามนี้ไม่มีใครสังเกตว่าตอนที่เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เอ่ยถึงราชสำนักจงเจิ้งนั้น ดวงตาเยี่ยเม่ยเปลี่ยนเป็นล้ำลึกขึ้น ภายในใจเต็มไปด้วยความแค้นฝังกระดูก ทว่านางพยายามสะกดข่มเอาไว้
ไม่ช้า เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เอ่ยต่อว่า “พวกคนภาคกลางอย่างพวกเจ้า เจ้าเล่ห์เพทุบาย วันนี้ข้าตกหลุมพรางของพวกเจ้า จะฆ่าจะแกงก็เชิญได้เลย! ข้า เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ไม่กลัวตาย ทหารทั้งหลาย ฆ่า!”
สิ้นเสียง เขายกง้าวยาวในมือขึ้น เป็นสัญญาณให้ทหารบุกฆ่า
ทหารต้ามั่วฟังคำสั่งของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ก็เข้าใจว่าพวกเป่ยเฉินหาใช่คนดีอะไร การยอมแพ้ก็ใช่ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี กลับกันบุกสังหารเช่นนี้ ไม่แน่อาจเหลือทางรอดสายหนึ่ง ต่อให้ไม่อาจมีชีวิตรอดออกไป ฆ่าคนสักคนสองคนฝังไปกับตัวด้วยก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบ
เมื่อคิดได้ดังนี้ ทหารต้ามั่วพลันฮึกเหิมกล้าหาญ ติดตามเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ไล่เข่นฆ่าออกไป
เยี่ยเม่ยสายตาเย็นวาบมองเหตุการณ์ตรงนี้ ก็เอ่ยปากว่า “ยิงธนู!”
เป่ยเฉินเซี่ยวไม่คู่ควรเป็นฮ่องเต้ กษัตริย์ที่ไม่รักษาสัจจะถึงทำให้คนของต้ามั่วยอมตายแต่ก็ไม่ยอมสวามิภักดิ์!